บทที่ ๒ คนไร้ค่า ไร้ราคา(๔)

1266 Words
เห็นแววตาของเขาเรียกร้องและรอคอย จึงได้บอกเสียงเบา “เรียกฉัน...คุลิกาก็ได้ค่ะ” ตอนนี้ฟรอยด์ยิ้มกว้าง นัยน์ตาของเขาเต้นระริกด้วยความพอใจ “คุณคุลิกามาดื่มที่นี่บ่อยหรือครับ” “จะตอบอย่างไรดีละคะ ฉันมานั่งที่นี่สองสามครั้งแล้ว มาเฉพาะเวลาที่เบื่อๆ น่ะ” “ผมอยากรู้จังครับ ว่าอะไรทำให้ผู้หญิงน่ารักๆ อย่างคุณเบื่อได้” เกือบจะสำลักน้ำเลยทีเดียว ฟรอยด์ อากาศเอก อิงกลาสต์โน เอาส่วนไหนมองถึงได้เห็นว่าเธอเฉียดใกล้คำว่าน่ารัก ทั้งๆ ที่สภาพในเวลานี้มันดูไม่จืดเอาเสียเลย ถ้าบอกว่าน่าเกลียดละก็ จะเชื่ออย่างสนิทใจ “คงมีแค่คุณเท่านั้นที่เห็นว่าคนอย่างฉันน่ารัก” คุลิกากล่าวติดตลก “ไม่หรอกครับ ผู้ชายทุกคนล้วนเห็นพ้องต้องกันกับผม” ฟรอยด์เปิดรอยยิ้มมีเสน่ห์ให้บ้าง “ถ้าอย่างนั้นต้องเป็นเพราะบรรยากาศที่นี่มันมืดสลัวแน่ๆ ถ้าเราเจอกันข้างนอกคุณอาจจะเปลี่ยนใจไม่พูดแบบนี้” “ผมไม่เปลี่ยนใจหรอก ถึงอย่างไรในสายตาของผม คุณก็ยังน่ารักอยู่ดี” คุลิกาอดยิ้มตาหยีใส่คนปากหวานไม่ได้เลยจริงๆ เมื่อเขายังมองมาอยู่เป็นระยะๆ ไม่ว่าจะจิบน้ำเปล่าไปกี่ครั้ง สายตาของเขาก็ยังคงจดจ้องอยู่จึงพูดด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ “คุณมองเหมือนกำลังจะจีบฉันเลยนะคะ” “ผมดีใจนะที่คุณพอจะดูออกว่าผมกำลังทำแบบนั้น” พอได้ยินคำตอบกลับหาคำที่จะพูดคุยกับฟรอยด์ไม่ได้เลยจริงๆ เขาจะจีบเธอไปทำไมในเมื่อเธอไม่เห็นจะมีอะไรดีตรงไหน สวยก็ไม่สวย แถมยังเชยเฉิ่มเบ๊อะอีกต่างหาก แต่งตัวก็บ้านนอกสุดจะบรรยาย แถมหน้าตาก็ไม่ได้ตบแต่งให้ดูเซ็กซี่หรือสวยหวานอะไร ค่อนข้างจะขี้ริ้วขี้เหร่มากเสียด้วยซ้ำ นึกอยากปรบมือให้กับฟรอยด์จริงๆ ที่อุตส่าห์มองเห็นความน่ารักฝังแน่นอยู่ในกาย ซึ่งต้องขุดกันให้ลึกสักหน่อยถึงจะเผยให้เห็นต่อหน้าสาธารณชน “ผมทำงานอยู่แถวนี้” ฟรอยด์เริ่มแนะนำเรื่องของตัวเอง “ออฟฟิศคุณอยู่แถวนี้หรือคะ” “ครับ จะเรียกแบบนั้นก็ได้” ชายหนุ่มเล่าคร่าวๆ ยังไม่จำเพาะเจาะจงบอกว่าอาคารหลายแห่งในย่านนี้ และอีกหลายๆ เมืองในอังกฤษล้วนเป็นหนึ่งในสมบัติของตระกูลอิงกลาสต์โน “ดีจังค่ะ เวลาเบื่อๆ คุณก็มานั่งดื่มที่นี่” “ผมต้องขอสารภาพว่า ผมเพิ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก ปกติผมชอบไปออกกำลังกาย หรือไม่ก็อ่านหนังสือ ดูรายการโปรดอยู่กับบ้าน ถ้าจะดื่มก็ไปที่คลับของเพื่อนเป็นส่วนใหญ่ แต่วันนี้ผมดีใจนะครับ เพราะว่าผมตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ที่มาที่นี่” ฟรอยด์ปรายตามองเจ้าของริมฝีปากจิ้มลิ้ม สีหน้าและแววตาของเขาไร้วี่แววของการตลบตะแลง คำพูดเมื่อครู่ล้วนออกมาจากใจของผู้ชายอายุสามสิบห้า ซึ่งเคยคบหาดูใจกับผู้หญิงหลายสิบชีวิต แต่ก็ไม่มีใครสะดุดตาสะดุดใจได้เท่ากับสาวน้อยเสียงหวาน ใบหน้าของเธอพริ้มเพราและไม่เหมือนใคร ไหนจะท่าทางการระมัดระวังตัวและคำพูดนี่อีก มีเสน่ห์ดึงดูดให้เขาต้องขยับตัวไปเต้นใกล้ๆ และยิ่งได้ใกล้ชิดก็ยิ่งอยากทำความรู้จักให้มากขึ้นไปอีก คุลิกาได้แต่ยิ้มแล้วรับมาร์การิต้าแก้วใหม่จากบาร์เทนเดอร์ บางทีการเสริมแอลกอฮอล์ลงไปในกระแสเลือดอีกสักแก้วสองแก้ว อาจทำให้กล้าพูดคุยกับฟรอยด์ได้มากขึ้น เขาเป็นคนที่ดูดีจนถึงขั้นหล่อจัดเลยทีเดียว คงไม่แปลกอะไรถ้าหากจะทำความรู้จักกับเขา อย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งคงไม่กล้าคิดไกลไปมากกว่านี้หรอก เธอรู้ตัวดีว่าในระยะเวลาสิบปีนี้ ไม่มีสิทธิ์จะมองใครอย่างจริงจัง จนกว่าจะใช้เงินที่ติดเจ้าหนี้หน้าเลือดอย่างเคลล์หมด ร่างบางนั่งคุยกับเพื่อนใหม่อย่างฟรอยด์นานทีเดียว ค็อกเทลของเธอกับเหล้าของเขาหมดกันไปคนละสามสี่แก้ว ตอนนี้ก็ดึกมาก ความเมื่อยล้าทำให้ต้องขอตัวกลับ และอีกฝ่ายก็ตามมาส่งจนถึงหน้าไนต์คลับ “คุณกลับอย่างไรครับ?” เสียงของฟรอยด์เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แววตาเขาดูมีความหวังขณะเสนอตัวช่วย “ผมคงดีใจมากนะ ถ้าคุณให้โอกาสผมได้ไปส่ง” คุลิกาคลี่ยิ้มแหยๆ “ฉันจะเรียกแท็กซี่สักคัน ถ้าเรามีโชคชะตาต่อกันจริงๆ เอาไว้เป็นโอกาสหน้าดีกว่านะคะ” เรียวปากสีหวานเปิดยิ้มกว้างให้อย่างมีไมตรีจิต แล้วเป็นฝ่ายโบกมือลา แต่ฟรอยด์ก็ยังดึงดันที่จะยืนส่งอยู่ตรงนี้ จนสามารถเรียกแท็กซี่ได้นั่นแหละ เขาถึงได้หมุนตัวกลับ พอมานั่งอยู่บนรถก็หันไปมองเขา ฟรอยด์เดินตรงไปยังรถพอร์ชคันหนึ่ง ซึ่งมีผู้ชายในชุดสูทสีดำเข้มโค้งตัวต้อนรับอย่างสุภาพ ดูแล้วคนอย่างฟรอยด์ อากาศเอก อิงกลาสต์โนไม่ธรรมดาเอาเสียเลย ในระหว่างที่คุลิกากำลังข่มรสขมปร่าในลำคอไม่ให้กระฉอกออกมาจากการขับรถฉวัดเฉวียนของลุงขับแท็กซี่ ใครบางคนก็กำลังตีหน้าหงิกงอ ราวกับรับรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีโลกจะแตกอย่างไรอย่างนั้น เคลล์ ลัมเบอร์ ควีนแมคก์ ตวัดสายตากลับมาจ้องภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือนิ่งนาน เขาได้ภาพเหล่านี้มาจากคนของเรเอส ซึ่งหน้าที่ของหมอนั่นก็คือตามติดชีวิตและความเป็นไปของคุลิกา แล้วรายงานเขาโดยตรงทันทีที่อีกฝ่ายก้าวออกนอกกรอบ “ผู้หญิงสำส่อน!” ชายหนุ่มต่อว่าเสียงลอดไรฟันอย่างเจ็บแค้น มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดตามท่อนแขนล่ำสันพองขยาย โทรศัพท์ในมือเกือบจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นัยน์ตาสีเทาดุเข้มกำลังเพ่งมองไปยังประตูกระจกของเพนท์เฮาส์บ่อยครั้ง อย่างรอเวลาที่คนทำผิดพลาดอย่างมหันต์จะก้าวเข้ามาให้ลงโทษทัณฑ์ สะโพกแกร่งทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากว้าง วาดแขนไปตามพนักพิง สีหน้าของเขาดูไร้อารมณ์ชวนให้เรเปลกับ เรเอสอันตรธานหายไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าอยู่รองรับอารมณ์โมโหของเคลล์เลยสักคน แต่สำหรับคุลิกาแล้วเธอไหวไหล่น้อยๆ ทันทีที่เห็นรถสปอร์ตคันใหม่ป้ายแดงของเขาจอดอยู่หน้าบริเวณโรงจอดรถ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อใครบางคนโผล่พรวดออกมาเพื่อเตือนเธอให้พร้อมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “ท่านรออยู่ด้านใน คุณคุลิการะวังตัวด้วยนะครับ” หญิงสาวถอนใจ แบะปากขึ้นไม่รู้ว่าวันนี้ท่านผู้มี อุปการคุณไปกินอะไรผิดสำแดงมา “ถ้าเขาจะฆ่าจะแกง ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ตายๆ ไปก็ดีเหมือนกัน” “คุณคุลิกา” “อย่าห่วงเลยค่ะเรเปล ฉันพร้อมจะตายอยู่แล้ว” เธอกล่าวอย่างไม่แยแสต่อชีวิต
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD