อาหารถูกลำเลียงเข้ามาหลังจากที่หวงเจียวหลุนได้ชำระล้างร่างกาย หลังออกกำลังกายตามคำสั่งการของปิ่นหยก เขาแต่งกายตามพิธีเพื่อทานมื้อเช้า โดยมีปิ่นหยกนั่งฝั่งตรงข้าม เธอขมวดคิ้วเมื่ออาหารตรงหน้าไม่เป็นไปตามที่เธอสั่ง มองหนังหมูที่เป็นชั้นลอนๆ ของขาหมูน้ำแดง ไก่ตุ๋นน้ำแดงที่น้ำมันลอยขึ้นบางๆ ดูน่ากลืนกิน ผัดผักห้าสหายแต่ผักน้อยกว่าเนื้อ อีกทั้งขนมหวานที่รอล้างปากต่อจากอาหารคาว เธออยากจะบ้าตาย และอยากจะเอ่ยถามว่ารู้จักอาหารคลีนไหม? แต่ก็ต้องข่มใจถามไป
" นี่พ่อขันทีตัวดี ข้าสั่งอาหารวอย่างไร ทำไมไม่เป็นไปตามสั่ง? "
" เจ้าสตรีอัปลักษณ์ เจ้ากลั่นแกล้งองค์ชายเก้าของข้ามากไปแล้ว แม้แต่อาหารเจ้ายังมิยอมเลยหรือ? " หวังเฟิงเดือดดาลที่สตรีผู้นี้กลั่นแกล้งองค์ชายของเขา แม้แต่อาหารยังบังคับ ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมนางเด็ดขาด
" ไม่ยอม! ไปจัดการรีดไขมันออกเดี๋ยวนี้ " ปิ่นหยกสวนกลับโดยไว
" ไม่! ข้าไม่ยอมให้องค์ชายของข้าอด " หวังเฟิงเถียงคอแข็ง ปิ่นหยกเริ่มโมโห หันหน้ามามองหวงเจียวหลุนที่เวลานี้แสร้งทำเป็นไม่เห็นทั้งคู่ทะเลาะกันด้วยเรื่องของตน ปิ่นหยกหงุดหงิดใจก็เอ่ยขึ้นโดยหลงลืมตำแหน่งของเขาว่าองค์ชายคือฐานันดรศักดิ์ที่เธอมิอาจล่วงเกินได้ เพราะความหงุดหงิดเข้าครอบงำ
" นี่องค์ชาย จะเอายังไง จะลดหรือไม่ลด? จะเชื่อข้าหรือเจ้าขันทีนั่น? ว่าไง! ตอบ? " หวงเจียวหลุนถึงกับพูดไม่ออก อ้ำอึ้ง เพราะตั้งแต่เกิดมามิเคยมีใครขึ้นเสียงกับเขาเลย และก่อนหน้าเขาดูจะมีความสุขเสียมากกว่าที่เห็นทั้งสองทะเลาะกัน ด้วยหนึ่งคนห่วงเขาจะไม่ได้กินอะไร หนึ่งคนหาหนทางเพื่อเปลี่ยนแปลงเขา
" เอ่อ.. ข้า.. " ปิ่นหยกหงุดหงิด เขาอ้ำอึ้งอยู่นานไม่ตอบเสียที
" ดี ข้าไม่ยุ่งก็ได้ "
" ไม่ๆ ข้าเชื่อเจ้า แม่นางปิ่นหยก " เขาตอบอย่างเร็ว เมื่อได้ยินว่านางจะไม่ยุ่งกับเขาแล้ว ภายในใจอยากดึงนางเข้ามานั่งที่ตักและง้องอนเหลือเกิน
" ดี! " ปิ่นหยกหันไปทางหวังเฟิง " ได้ยินแล้วนะ ไปจัดการตามที่สั่งเดี๋ยวนี้ เน้นผัก ปลา เนื้อหมูให้น้อย ๆ เร็วๆ ด้วย "
" องค์ชาย? " หวังเฟิงตะลึงกับคำพูดของสตรีเพียงหนึ่งในตำหนัก เขาไม่อยากจะเชื่อ องค์ชายที่รักของเขากลับเชื่อสตรีจากที่ไหนก็ไม่รู้
" ทำตามที่นางสั่งเถิด " หวงเจียวหลุนตอบ น้ำเสียงแสดงความเห็นใจ หวังเฟิงจำต้องทำตามคำสั่งอย่างมิเต็มใจนัก
อาหารถูกจัดวางอีกครั้งภายใต้สายตาอันเฉียบขาดของปิ่นหยก เมื่อนางข้าหลวงหันกายเดินพ้นประตู ปิ่นหยกก็เอ่ยขึ้น
" ที่ข้าทำเพราะมีเหตุผล หวังว่าองค์ชายจะเข้าใจ "
" ข้าย่อมเข้าใจ หาได้โกรธเคืองไม่ "
" ขอบพระทัยเพคะ "
ทั้งคู่นั่งทานมื้อเช้า จวบจนอิ่มทั้งคู่ หวงเจียวหลุนขอตัวไปจัดการงานราชการของตน ส่วนปิ่นหยกก็สนทนากับหวังเฟิงโดยที่ตัวนางเองนอนอยู่ที่เตียง หวังเฟิงนั่งจดข้อความจากปากของนาง เริ่มแรกหวังเฟิงจะยืนจด แต่ปิ่นหยกรู้สึกไม่ชอบใจเพราะดูเหมือนตนเป็นนาย ส่วนอีกฝ่ายเป็นบ่าว จึงบังคับให้หวังเฟิงนั่งจดอยู่ข้างๆ โดยนางคอยบอกสูตรอาหารที่ตนพอนึกได้ รวมทั้งท่ากายบริหารเพื่อให้หวงเจียวหลุนได้จัดการลดหุ่นของตนเอง นางพูดไปพูดมาสักพักเริ่มเหนื่อยอ่อน หาวไปพูดไป จนรู้ตนเองว่าไม่ไหว จึงบอกกับหวังเฟิงว่าตนเองขอพัก ไม่นานปิ่นหยกก็เคลิ้มหลับไป
ยามเย็นก่อนพระอาทิตย์ตก ปิ่นหยกวิ่งเหยาะๆ ตามหลังหวงเจียวหลุน หาใช่เธออยากจะวิ่งช้าแต่ด้วยรองเท้าที่เขาให้เธอสวมใส่ ทำให้เธอวิ่งไม่ถนัดนัก เธอนึกถึงรองเท้ากีฬาที่เหมาะสำหรับการวิ่ง หากกลับไปได้เธอจะนำมาฝากเขากับหวังเฟิงคนละคู่เลยทีเดียว
มื้อค่ำแตกต่างจากมื้อเช้าและมื้อเที่ยงมาก เพราะมื้อนี้ไร้ข้าวมีเพียงน้ำแกง ผักต้มและอกไก่ฉีก ส่วนของหวานไม่มีให้เขาได้ล้างปาก มีเพียงน้ำชาร้อนๆ เท่านั้น
" มื้อเย็นมีเพียงแค่นี้หรือ? "
" อืม.. หากองค์ชายทานมาก ก็ยิ่งเป็นผลเสียต่อสุขภาพ และที่เราทำกันเช้าเย็นก็จะไร้ผลนะเพคะ "
" เช่นนี้นี่เอง เอาเถอะข้าจะเชื่อแม่นางปิ่น "
" ดีเพคะ หากองค์ชายหิว สิ่งที่ทานได้คือผักผลไม้ งดข้าว แป้ง โอเคนะเพคะ "
" หมั่นโถวได้หรือไม่? "
" ไม่ได้เพคะ "
" เช่นนั้นหรือ? "
" เพคะ "
" ข้าจะเชื่อฟังเจ้า แม่นางปิ่น "
" เรียกปิ่นเฉยๆ ได้ไหม? ไม่ชอบแม่นาง ดูแปลกๆ พิกล "
" เช่นนั้นก็ห้ามเรียกข้าว่าองค์ชาย เรียกข้าว่า เจียวหลุน "
" จริงอ่ะ? แหม! อยากเรียกมาตั้งนานแล้ว เจียวหลุน "
" ปิ่นเอ๋อ "
" เจียวหลุน "
" ข้าจะเชื่อคำเจ้า "
" โอเค! " ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ในระหว่างที่ทานมื้อค่ำ ปิ่นหยกนึกได้ว่าในหนังจีนโบราณเขาต้องฝึกวิทยายุทธ์กันมิใช่หรือ เขาจึงแนะนำหวงเจียวหลุนไปด้วย เพราะสิ่งนั้นน่าจะใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนได้ดีทีเดียว
ยามดึกปิ่นหยกนอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว มีเพียงหวงเจียวหลุนที่นั่งทำงานจนดึกดื่นค่อนคืน ผ้าที่แสร้งปูนอนที่พื้นยังคงหลอกตาสตรีได้ดี เสียงลมหายใจสม่ำเสมอเป็นสัญญาณเตือนว่าสตรีในดวงใจเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว เขาก็ลุกจากเก้าอี้ทรงงาน เดินอย่างมั่นคง ปลดเสื้อคลุมแขวนไว้ และหย่อนกายนั่งข้างเตียงแล้วค่อยๆ เอนกายนอนเหยียดยาวกับเตียงนุ่ม จับมือนางมาจุมพิตเช่นเดิมแล้วหลับตา ไออุ่นที่แผ่ซ่านออกมาภายในกายของบุรุษร่างใหญ่ ทำให้สตรีร่างเล็กขยับกายเข้ามา นางสูดดมกลิ่นกายอย่างลืมตัว และซุกกายโอบกอดบุรุษผู้นั้นด้วยความเผลอไผล และบุรุษหาขัดขืนไม่ เขากอดนางราวกับนางเป็นไข่ในหิน เขาหวงแหนนางยิ่ง ความหวงทำให้จากเดิมเขาเพียงจับมือนางมาจุมพิต แต่บัดนี้หัวใจเขาเรียกร้องมากกว่าเก่า เขาจุมพิตที่หน้าผากกว้างอย่างอุกอาจ ก่อนจะพริ้มหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมกับนาง