สาวร่างเล็กสวมชุดนอนลายคิตตี้สีชมพูจ๋า ยืนตัวแข็งทื่อแต่ภายในนั้นกลับสั่นงันงก เหงื่อแตกพลัก สองขาก้าวไม่ออก ได้แต่กลืนน้ำลายเฮือก อีกทั้งไม่กล้าหายใจ สายตาจ้องมองเบื้องหน้าอย่างหวาดกลัว ในใจท่องบทสวดมนต์ที่จำได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะเบื้องหน้าทำให้นางลืมสิ้นทุกอย่าง
" นะโม ตะสะ นะโม ตะสะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระอัลเลาะห์ พระเยซู ช่วยลูกด้วย ลูกเจอนาคินเผือก ช่วยด้วย " คำอธิษฐานจิตในใจไม่อาจส่งผ่านให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประสิทธประสาทพรลงมาให้เธอได้ในบัดดล แต่กลับส่งจิตให้งูเผือกตัวใหญ่ เลื้อยเข้ามาหาเธอ ความตกใจและกลัวตายทำให้สองขาที่ก้าวไม่ออก ถูกสมองสั่งการว่าหนี หนีเท่านั้นคือทางรอด สองขาจึงทำตาม เธอหันหลังวิ่ง วิ่งสะเปะสะปะ แต่ก็อย่างว่าในเมื่อภัยคุกคามจะมาถึง ขาเจ้ากรรมก็ต้องทำให้เธอผู้นั้นสะดุดบางสิ่งให้ล้มลง
" แม่งเอ้ย! " คำสบถที่ฟังดูจะเรียบร้อยที่สุดในเวลานั้น เปล่งออกมาจากลำคอของนาง แต่ก็ไม่ทำให้งูใหญ่ตัวนั้นหยุดเลื้อยมาทางเธอ งูนั้นจ้องมองอากัปกิริยาของเธอที่หันมามองเมื่อเจ้างูเลื้อยใกล้ตัว
" อย่านะ อย่าเข้ามา หนูยังไม่อยากตาย พ่อแก้วแม่แก้วจ๋า ว้าย! มันมาแล้ว " สองมือทำงานอย่างอัตโนมัติ ยกมือวันทาให้สิ่งใหญ่ที่เรียกว่าสัตว์เลื้อยคลาน ปล่อย
ชีวิตน้อยๆ ของเธอ แต่อย่างว่าหล่ะหนา ภาษามนุษย์จะทำให้สัตว์เลื้อยคลานที่ใหญ่เท่าอนาคอนด้าหรือใหญ่กว่านั้นหยุดลงได้อย่างไรเล่า เจ้างูเผือกตัวร้ายในสายตาหญิงสาวก็เลื้อยเข้ามาพันตัวนางอย่างรวดเร็ว พันตั้งแต่ปลายเท่าจนเกือบถึงหัว จากนั้นมันก็ส่งสายตาจ้องมองมาที่เธอ พร้อมจะอ้าปากกว้างเพื่องับที่หัว
" ไม่!!! " เสียงร้องหลงอันดัง พร้อมบิดกายอย่างแรง ที่หวังเพื่อหลุดจากพันธนาการอันน่าขยะแขยง ที่สร้างความตระหนกตกใจให้เธอเป็นอย่างมาก แต่ทว่าบางสิ่งกับขับไล่งูเผือกให้หายไปในพริบตาเพียงเพราะเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น พร้อมกับร่างกายอันแสนเจ็บระบม
" กริ๊ง กริ๊ง " เสียงนาฬิกาปลุก ดังเตือนให้สาวร่างสวยตื่นจากภวังค์ ที่บัดนี้ร่างน้อยได้ตกลงไปกองกับพื้น
" ห่าเอ้ย!! ฝัน น่ากลัวชิบ " นางสบถกับตัวเองและต้องเอามือมาลูบสีข้างของตน เพราะตัวเองตกเตียง และไม่นานก็ต้องตาตื่นเพราะรู้ตัวว่าจะสาย
" ตายๆ สายแล้วๆ " นางเริ่มกระวีกระวาด เพราะวันนี้เป็นวันสอบซ้อมรับปริญญาบัตรสำหรับนักศึกษาจบใหม่ นางรีบอาบน้ำแต่งตัวและรีบแจ้นลงจากอพาร์ทเม้นท์ของตน เพื่อไปนั่งแท็กซี่มุ่งตรงไปยังมหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง เพราะนัดเพื่อนๆ แต่งหน้าทำผมที่นั่น เธอจะไม่ยอมเสียเงินเพียงเพราะวันนี้เป็นวันซ้อม
มหาวิทยาลัย ผู้คนคับคั่งถึงแม้ว่าจะยังเช้าตรู่ พระอาทิตย์เพิ่งจะเริ่มขึ้นเป็นแสงเรืองรอง บ่งบอกว่าเวลานี้เป็นวันใหม่และชีวิตของคนเมืองกรุงก็ต้องออกมาแข่งขันจัดการกับปากท้องของตนเอง สายตาคู่งามกับชุดนักศึกษาที่เพิ่งถอยมาหมาดๆ พร้อมรองเท้าสวมคลุมส้นสำหรับการรับพระราชทานปริญญาบัตร เดินเข้ารั้วมหาวิทยาลัยอย่างเร็วเพื่อเดินตรงมายังซุ้มคณะของตนเอง ตัวของเธอยังไม่ถึงโต๊ะที่มีข้าวของระเกะระกะ แต่น้ำเสียงแจ้วจ้อยได้เอื้อนเอ่ยออกมาแล้ว
" sorry นะจ๊ะ ทุกคน พอดีเราตื่นสาย "
" หย่ะ! นางปิ่นหยก ไม่มาถึงสัก 8 โมงเลยเล่า นัดมาแต่งหน้า ถ้าวันจริงเป็นอย่างนี้ ไม่ตงไม่แต่งให้หน้าเป็นซอมบี้อย่างนี้แหละ ฉันจะดูน้ำหน้าดีกรีดาวมหาลัยอย่างแกสิ หน้าสดก็อดรับสเปริ์มนะยะ " เสียงดัดจากเพื่อนสาวทักท้วง สายตาจิกกัดกับร่างน้อย
" เจอหน้าก็ยัดเยียดอสุจิเข้ารังไข่ฉันให้ได้เลยนะ "
" ยัดๆ ไปบ้างเหอะ เดี๋ยวมันจะตัน ไม่ใช่เดือนๆ นึงปล่อยให้กลายเป็นของเสีย มาสายแล้วยังเถียงอีก"
" เออๆ ขอโทษ เมื่อคืนขายของดึกอ่ะ อีกอย่างเมื่อคืนฝันน่ากลัวเว่อร์ ฝันเห็นงูเผือกมารัดสิ ยี๋! คิดแล้วสยอง"
" ดี ฝามีเกิดบนโลกมนุษย์แล้ว จะได้ใช้สักทีรังไข่ "
" พูดมาก มาเร็วๆ แต่งๆ เดี๋ยวซ้อมไม่ทัน พวกแกแต่งเสร็จแล้วนี่ " ปิ่นหยกพูดพร้อมเอื้อมมือไปหยิบขนมปังแซนวิชที่วางบนโต๊ะ ขึ้นมากินโดยไม่เกรงใจใคร
" ของใครไม่รู้กินหน่อยนะ เดี๋ยวซื้อคืน "
" เออ ของเหลือทั้งนั้นแหละ รอแกมาเก็บกวาด " เพื่อนชายใจหญิงตอบ และจับปิ่นหยกมานั่งทำผมและแต่งหน้าเพื่อให้ทันเวลาแปดโมง
คืนวานอันร้อนระอุของเมืองหลวงที่วุ่นวาย ตลาดมืดเป็นตลาดที่มีผู้คนสัญจรไปมา สาวน้อยวัย 21 ปี นั่งเรียกลูกค้าตามแบบฉบับแม่ค้าขายของทั่วไป สายตาก็หันไปมองเพื่อนคู่ค้าบ้างเป็นครั้งคราว
" วันนี้เอาอะไรมาวางขายอีกหรือ อาแปะ "
" ของเก่าโบราณ ลื้อสนใจหรือเปล่าหล่ะ "
" ไม่เอาอ่ะ เปลือง นี่ก็จะรับปริญญาต้องใช้เงินเยอะด้วย "
" จบเร็วจริงเนอะ เอ๊า! อาแปะจะให้ของขวัญวันเรียนจบ เห็นลื้อเป็นเด็กดีนะเนี่ย "
" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อาแปะ "
" เอาน่า ลื้อช่วยอั๊วจัดของ ทำโน่นทำนี่ อาแปะให้กระจกเรือนนั้นแล้วกัน ขายไม่ออกสักที " อาแปะชี้ไปยังกระจกที่ตั้งอยู่ ดูเก่าแต่ลวดลายสวยทีเดียว ราคาเมื่อมองพิจารณาดีๆ คงแพงเอาการ
" ไม่ได้ ๆ ราคาแพงด้วย หนูรับไม่ได้หรอก "
" ผู้ใหญ่ให้ของอย่าขัด อีกอย่างมันขายไม่ออกด้วย ไม่รู้เมียอั๊วไปเอามาจากไหน เอาไปๆ เดี๋ยวให้อาตี๋ไปส่งที่ห้องลื้อแล้วกัน "
" ให้จริงอ่ะ "
" เออ สิว่ะ "
" งั้นหนูจ่ายตังค์ให้บางส่วน 1000 นึงได้ ป่ะ "
" ถ้าลื้อจ่ายให้อั๊ว ก็ไม่ต้องมาช่วยขายของที่ร้านเลย อั๊วจะสั่งให้อาเปิ้ลเลิกจ้างลื้อ "
" โห มีงี้ด้วย คนแก่ใจน้อย ก็ได้ๆ ปิ่นรับก็ได้ "
เวลาผ่านมาเข้ายามดึกช่วงประมาณตีหนึ่ง
" เฮีย วางตรงนี้แหละ นั่นแหละตรงนี้เลย "
" ตรงนี้นะ "
" ตรงนี้แหละ อ่ะ หนูให้เป็นน้ำใจ อุตส่าห์ช่วยขนมาให้ เก็บสะสมไว้เป็นทุนการศึกษาให้เด็กๆ ในคอลเลกชั่นนะเฮีย "
" อีนี่รู้มาก ไม่เอา เล็กๆ น้อยๆ เฮียช่วย "
" แหมใจดีขึ้นมาเชียว "
" ใจดีกับสาวๆ ทุกคนแหละ "
" ยกเว้น เจ๊หมวยใช่ป่ะ "
" อย่าพูดถึงให้กามตายด้าน แต่ว่าไปทำไมอาแปะถึงให้กระจกเรือนนี้เล่า อาซ้อหวงนักหวงหนา บอกว่าอายุหลายพันปีเลยนะ"
" เชื่อตายหล่ะ ของทำใหม่ลอกเลียนแบบหล่ะสิไม่ว่า สมัยนี้ทำเหมือนกันจะตายอาเฮีย " ปิ่นพูดพร้อมยื่นเครื่องดื่มชูกำลังมาให้ชายคู่สนทนา แล้วชายผู้นั้นก็รับมาเปิดเพื่อกระดกดื่ม
" สงสัยเฮียจะโดนอาแปะหลอก แต่เห็นวางขายหลายปีแล้วนะ ไม่มีใครซื้อ มีแต่มาจับๆ ถูๆ แต่ช่างเถอะไปแล้ว จะไปช่วยเจ๊หมวยของแกปิดร้านด้วย "
" ขอบคุณค่ะ อาเฮีย "
เมื่อชายที่ช่วยส่งของปิ่นหยกก็ผลัดผ้าอาบน้ำ สักพักก็ออกมาจากห้องน้ำผลัดผ้าด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวเพื่อแต่งตัว โดยที่เธอไม่ลืมที่จะส่องกระจกเรือนใหม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และเดินไปที่เตียงเพื่อเอนตัวลงนอนอย่างอ่อนเพลีย
********
ไรท์เองค่ะ ขอฝากผลงานใหม่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ เข้ามาทักทายกันบ้างนะคะรีดเดอร์ ผิดพลาดประการใดทักท้วงให้ชื่นใจกันด้วยนะคะ