เพียงสบตา 3

1581 Words
ร่างกายแต่เดินที่ซวนเซเป็นทุนเดิม เมื่อถูกผู้หนึ่งดึงไยเล่าจะมีแรงต้านทาน ร่างน้อยที่เพรียวบางแต่อวบอิ่ม ได้นอนแน่นิ่งอยู่บนร่างใหญ่ที่แสนอบอุ่น และโอบกอดร่างเล็กอย่างทนุถนอมราวไข่ในหิน การได้สัมผัสร่างที่แท้จริงสร้างความตื่นเต้นกับชายผู้นั้นยิ่งนัก ร่างใหญ่มิอาจกระดุกกระดิกเพราะเกรงว่าจะเป็นเพียงความฝัน แต่ในเมื่อชายร่างใหญ่นามหวงเจียวหลุนจะไม่ยอมขยับเขยื้อน กลับเป็นสาวร่างเล็กที่พยายามยันกายขึ้นตั้งหลักด้วยอาการมึนเมา มือใหญ่ยังคงประคองเพื่อไม่ใช้สาวเจ้าลงไปนั่งพับอีกรอบ เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นเจ้าของมือใหญ่นั้น และส่งรอยยิ้มรัญจวนใจให้ " หล่อจัง ตาโต ขนตาย้าว ยาว แก้มยุ้ยสีชมพู " เธอไม่พูดเปล่ามือก็ลูบไล้ไปทั่วตามที่พูด ใบหน้าของผู้ถูกลูบไล้ได้ผูกปมไว้ที่หัวคิ้ว ทำให้ปิ่นหยกหยุดมือ " ฟังไม่รู้เรื่องหรือ? เอ๊ะแต่งจีนแบบนี้ โอ๊ะ! เป็นโหมดก่อน .. ติ๊ง! " ปิ่นหยก ยกนิ้วชี้จิ้มที่หน้าผากของตนเอง แล้วพูดอีกครั้ง " รู้เรื่องหรือเปล่าจ๊ะ " เธอแหงนหน้ามองชายตรงหน้าอีกครั้งพร้อมส่งยิ้มให้ ส่วนหวงเจียวหลุนก็ยิ้มตอบ " ฝันดีจัง ไหนๆ ก็ฝันแล้วขอกอดหน่อยนะ " พูดจบปิ่นหยกก็สวมกอดรอบเอว " ว้า! อ้วนจ่ำม่ำ แต่ไม่เป็นไรหน้าหนาวจะได้อุ่นๆ " เธอกอดและซบหน้าไปยังอก และสูดดมร่างกายของชายหนุ่มอย่างเผลอไผล " กลิ่นตัวหอมจัง " เธอหลับตาตอบเขา อากัปกิริยาที่เธอแสดงทำให้ความวาบหวามเข้าแทรกซึมห้วงความคิดของหวงเจียวหลุน เขาเชยคางของนางขึ้นมาเพื่อสบตาที่บัดนี้หยาดเยิ้มได้ถนัด และหวังจะโน้มหน้าของตนลงประทับไปที่ริมฝีปากสีชาดที่ยั่วเย้าเขาเหลือเกิน ความกล้าของชายหนุ่มตรงหน้ามาจากที่ใดไม่ทราบ เพียงนิดเท่านั้นที่ริมฝีปากของเขาจะประกบติดที่ริมฝีปากนาง แต่ทว่าความคิดของเขาต้องนิ่งค้างเมื่อมืองามผลักหน้าเขาออกจากวงหน้ารูปหัวใจอย่างไร้ปรานี และเสี้ยววินาทีถัดมาบางสิ่งก็พวยพุ่งออกมาจากปากนางโดยไร้จริตของสาวงาม "โอ๊ก!! " เมื่ออาหารอันโอชะและน้ำจัณฑ์แสนเลิศรส ผสมปนเปกันออกมาจากร่างงาม กลิ่นที่เคยรัญจวญใจก่อนที่จะเข้าไปยังร่างของใครๆ แต่บัดนี้สิ่งที่เคยร่ำร้องจากท้องใครๆ เมื่อเห็นสิ่งนี้แล้วกลิ่นของมัน เชื่อเป็นมั่นแน่ว่าทุกคนมักจะเมินหน้าหนี มีเพียงแต่ปิ่นหยกเท่านั้นที่จะพยายามจะเข้าไปเกลือกกลิ้ง คลอเคลียกับสหายเก่าในกระเพาะของเธอ ยังดีที่ชายร่างใหญ่มารั้งร่างของนางได้ทัน " ระวังด้วยแม่นาง " คำพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ดังแนบหูของหญิงงามตรงหน้า แต่หญิงงามกลับไม่รู้ตัวแล้ว ปากพึมพำแต่ตาของนางหลับสนิทไปเรียบร้อย จึงเดือดร้อนให้หวนเจียวหลุนต้องช้อนร่างนางไปยังเตียงตั่งแสนนุ่ม เมื่อจัดท่านอนของนางให้ดีแล้ว เขาก็ออกจากห้องสั่งอะไรบางอย่างกับองครักษ์ที่เฝ้าประตูตำหนัก แล้วหวงเจียวหลุนก็กลับมายังตำหนักดังเดิม ไม่นานนักก็มีนางข้าหลวงเข้ามาเช็ดทำความสะอาด และรีบออกไป เมื่อหวงเจียวหลุนเห็นว่านางข้าหลวงออกไปเรียบร้อย เขาก็เดินตรงมายังตั่งเตียงและเอนกายลงนอน โดยไม่ลืมที่จะนอนตะแคงหน้าหันไปยังหญิงงามตรงหน้าที่หลับใหลไม่ได้สติ มือใหญ่ลูบที่แก้มอย่างเบามือ " เจ้ามีตัวตนจริง มิใช่แค่เพียงฝัน หากเจ้าอยากกอดข้า ข้ายินดียิ่ง แม่นาง" เขาพูดไม่ดังและไม่เบานัก หากแต่ผู้ที่นอนอยู่กลับไร้สุ้มเสียงในการสนทนาตอบ นางทำได้เพียงหลับตานอนอย่างสบายอารมณ์ ยามอู่ (11.00-12.59 น) สาวร่างบางนอนเอกเขนก ขาก่ายหมอนใบใหญ่อันแสนนุ่มนิ่ม มือยังคงหาความนุ่มให้รัดเข้าหาร่างแต่หมอนนุ่มกลับไม่ขยับตาม ทำให้ตัวเองต้องขยับกายมาเกยก่ายแทน ใบหน้าก็ซุกเข้าที่หมอนอย่างสบายอารมณ์ " นุ่มจังเลย " ปากพูดพึมพำ ผ่านไปสักพักขนตาแพยาวก็เริ่มขยับเล็กน้อย และลืมตาโพรงขึ้นมาด้วยนอนเต็มอิ่ม สายตาเริ่มปรับให้มองเห็นได้ถนัดแต่นางก็ต้องกรีดร้องอย่างดัง เพราะหมอนข้างใบใหญ่ที่นางได้ก่ายกอดเมื่อครู่ กลับเป็นชายอ้วนตุ้ยนุ้ย ไม่คุ้นตา " แก ๆ เป็นใคร " (เอ่ยภาษาไทย) ปิ่นหยกไม่พูดป่าว สองขายันถีบชายตรงหน้าให้ออกจากวงโคจรของตนเองอย่างรวดเร็ว ชายร่างใหญ่กลิ้งตกจากเตียงตั่งดังโครม " โอ๊ย! แม่นาง เจ้ามาถีบข้าเรื่องอันใด " หวนเจียวหลุนเอ่ยพร้อมลุกขึ้น มือข้างหนึ่งลูบก้นที่กระแทกพื้นเพื่อให้บรรเทาอาการเจ็บ " แกเป็นใคร มาอยู่ห้องฉันได้ยังไง ห๊า! " ปิ่นหยกยังพูดภาษาไทย ส่วนเขาคิ้วเริ่มขมวดเล็กน้อยเพราะฟังภาษาที่ปิ่นหยกพูดไม่เข้าใจ เขาจึงเอ่ยขึ้น " แม่นาง เจ้ากล่าวอันใดหรือ " ปิ่นหยกฟังภาษารู้เรื่อง เริ่มพยายามปรับความเข้าใจถึงภาษาที่เขาสื่อและสำรวจการแต่งกายของชายตรงหน้า " คุณเป็นใคร " ปิ่นหยกเอ่ยถาม " เจ้าถามข้าหรือ? " เขายกมือชี้หน้าของตน " ใช่ " " ข้าหวนเจียวหลุน องค์ชายเก้าของแคว้นหลวงหยาง " " นี่เฮีย เพิ่งออกจากโรงพยาบาลหรือต้องเข้ากองถ่ายหรือ พูดซะเหมือนเลย " " อะไรคือโรงพยาบาลแล้วอะไรคือกองถ่าย " " เอาหล่ะสิ แล้วฉันจะอธิบายยังไงให้คนบ้าเข้าใจหล่ะเนี่ย " " อธิบายสิ่งใด " เขาเดินเข้าใกล้นาง " หยุดอยู่ตรงนั้น ห้ามเข้าใกล้ แล้วก็ออกไปให้ไกลๆ " " เจ้าจะให้ข้าไปไหนเล่า ในเมื่อที่นี่มันเป็นตำหนักของข้า ห้องของข้า และเตียงของข้า " " ห๊า!! บ้าไปใหญ่แล้ว " เธอมองไปรอบเตียงและบรรยากาศภายในที่เปลี่ยนไปจากห้องของตนเอง และพึมพำกับตนเอง " ฉันเมาจนเข้าห้องผิดหรือป่าววะ " แต่สายตายังคงมองและลุกจากเตียง เดินไปรอบๆ สะดุดเห็นกระเป๋าใบเล็กของตน เธอรีบเข้าไปคว้าและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดเครื่องดูแต่ก็ไร้การตอบสนอง เหมือนเป็นเพียงโทรศัพท์ของเล่นที่หน้าจอดำสนิท " อะไรกันเนี่ย แบตหมดหรือเนี่ย " เธอก้มหน้ามองโทรศัพท์ สักพักก็เงยหน้าและเดินวนไปรอบห้อง วิ่งไปเปิดประตูที่ดูออกจากอลังการมาก เกินกว่าที่เธอเคยเห็นว่าบ้านไหนจะใช้ประตูเช่นนี้ เมื่อมองไปเบื้องต้นเห็นชายสองคนยืนตัวตรงขนาบสองข้างและมีชายอีกคนที่ใส่ชุดขันทีเหมือนในหนังและสาวใช้สองนางข้างหลัง ปิ่นหยกถึงกับตะลึงรีบปิดประตูและวิ่งกลับมา " ตายๆ ที่นี่ที่ไหนว่ะเนี่ย อ๊ะ กระจก ใช่เมื่อคืน " เธอวิ่งไปลูบคลำกระจกที่อยู่ตรงหน้า หลังจากนั้นไม่นานเธอก็แข็งค้าง แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ่มต่ำเอ่ยขึ้น " แม่นาง ขอโทษที่ข้าต้องขัดจังหวะ เจ้าหิวหรือไม่ เพราะตอนนี้เลยเวลามื้อเช้ามานานมากแล้ว " หวงเจียวหลุนเดินเข้ามาใกล้ " นี่ อย่าเข้ามานะ " เธอยกมือห้ามเป็นเชิง ส่วนเขาก็หยุดอยู่กับที่ " แม่นาง " " หยุด! อยู่ตรงนั้นเลย ให้ฉันคิดก่อน " ปิ่นหยกหันไปมองกระจกแล้วนึกภาพเหตุการณ์เมื่อคืน และก็หันมา " นายว่านายชื่ออะไรนะ " " หวงเจียวหลุน ข้าชื่อ หวงเจียงหลุน เป็นองค์ชาย " " องค์ชาย? " " อืม " เขาพยักหน้ารับ พร้อมมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าที่หัวคิ้วเริ่มชนกัน และก็ต้องสะดุ้งเพราะเธอร้องขึ้นมา " ทวิภพ! ใช่เหมือนเลย ในหนังข้ามไปข้ามมา อย่างนั้นฉันก็ข้ามไปข้ามมาได้สิ แต่ทำไมไม่ย้อนไปสมัยร. 5 หล่ะ " เธอพูดกับตนเองในกระจก " อ๊ะ! " เสียงร้องดังขึ้น และหันไปมองชายตรงหน้า หวงเจียวหลุนขมวดคิ้ว และเอ่ยถาม " แม่นางเป็นอะไร เจ้าไม่สบายหรือ " " ฉัน เอ้ย!! ข้า ข้าอยากเข้าส้วมอ่ะ แบบว่าปวดท้องน่ะ " " อ๋อ ได้สิ เชิญแม่นางตามข้ามา " เขาเดินนำนางไปยังหลังฉากกั้น ซึ่งมีรูปปั้นทรงรี ด้านบนมีรูตรงกลาง ขนาดพอเหมาะในหารหย่อนก้นลงไป คล้ายชักโครก ด้านข้างมีไม้ยื่นออกมาคล้ายจะหาบเจ้าสิ่งนี้ออก หลังจากเสร็จกิจแล้ววางไว้อยู่ พร้อมผ้าวางพาดไว้ สองผืนเพื่อทำความสะอาด และมีโถทองเหลืองบรรจุน้ำไว้พร้อม " เชิญแม่นางตามสบายเถิด ข้าจะออกไปรอด้านนอก " " ออกไปไกลๆ แล้วห้ามแอบดูด้วย " นางรีบเอ่ยขึ้น ส่วนหวงเจียวหลุนก็ออกไปตามคำ เมื่อพ้นบริเวณนั้น หวงเจียวหลุนก็ยืนรอ มุมปากยิ้มอย่างมิอายใคร พร้อมเอ่ยขึ้นกับตนเองอย่างไร้สุ้มเสียง " นางแปลกยิ่งนัก ไร้ความตื่นกลัว ช่างกล้าหาญยิ่ง "
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD