ร่างกายแต่เดินที่ซวนเซเป็นทุนเดิม เมื่อถูกผู้หนึ่งดึงไยเล่าจะมีแรงต้านทาน ร่างน้อยที่เพรียวบางแต่อวบอิ่ม ได้นอนแน่นิ่งอยู่บนร่างใหญ่ที่แสนอบอุ่น และโอบกอดร่างเล็กอย่างทนุถนอมราวไข่ในหิน การได้สัมผัสร่างที่แท้จริงสร้างความตื่นเต้นกับชายผู้นั้นยิ่งนัก ร่างใหญ่มิอาจกระดุกกระดิกเพราะเกรงว่าจะเป็นเพียงความฝัน แต่ในเมื่อชายร่างใหญ่นามหวงเจียวหลุนจะไม่ยอมขยับเขยื้อน กลับเป็นสาวร่างเล็กที่พยายามยันกายขึ้นตั้งหลักด้วยอาการมึนเมา มือใหญ่ยังคงประคองเพื่อไม่ใช้สาวเจ้าลงไปนั่งพับอีกรอบ เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นเจ้าของมือใหญ่นั้น และส่งรอยยิ้มรัญจวนใจให้
" หล่อจัง ตาโต ขนตาย้าว ยาว แก้มยุ้ยสีชมพู " เธอไม่พูดเปล่ามือก็ลูบไล้ไปทั่วตามที่พูด ใบหน้าของผู้ถูกลูบไล้ได้ผูกปมไว้ที่หัวคิ้ว ทำให้ปิ่นหยกหยุดมือ
" ฟังไม่รู้เรื่องหรือ? เอ๊ะแต่งจีนแบบนี้ โอ๊ะ! เป็นโหมดก่อน .. ติ๊ง! " ปิ่นหยก ยกนิ้วชี้จิ้มที่หน้าผากของตนเอง แล้วพูดอีกครั้ง
" รู้เรื่องหรือเปล่าจ๊ะ " เธอแหงนหน้ามองชายตรงหน้าอีกครั้งพร้อมส่งยิ้มให้ ส่วนหวงเจียวหลุนก็ยิ้มตอบ
" ฝันดีจัง ไหนๆ ก็ฝันแล้วขอกอดหน่อยนะ " พูดจบปิ่นหยกก็สวมกอดรอบเอว
" ว้า! อ้วนจ่ำม่ำ แต่ไม่เป็นไรหน้าหนาวจะได้อุ่นๆ " เธอกอดและซบหน้าไปยังอก และสูดดมร่างกายของชายหนุ่มอย่างเผลอไผล
" กลิ่นตัวหอมจัง " เธอหลับตาตอบเขา อากัปกิริยาที่เธอแสดงทำให้ความวาบหวามเข้าแทรกซึมห้วงความคิดของหวงเจียวหลุน เขาเชยคางของนางขึ้นมาเพื่อสบตาที่บัดนี้หยาดเยิ้มได้ถนัด และหวังจะโน้มหน้าของตนลงประทับไปที่ริมฝีปากสีชาดที่ยั่วเย้าเขาเหลือเกิน ความกล้าของชายหนุ่มตรงหน้ามาจากที่ใดไม่ทราบ เพียงนิดเท่านั้นที่ริมฝีปากของเขาจะประกบติดที่ริมฝีปากนาง แต่ทว่าความคิดของเขาต้องนิ่งค้างเมื่อมืองามผลักหน้าเขาออกจากวงหน้ารูปหัวใจอย่างไร้ปรานี และเสี้ยววินาทีถัดมาบางสิ่งก็พวยพุ่งออกมาจากปากนางโดยไร้จริตของสาวงาม
"โอ๊ก!! " เมื่ออาหารอันโอชะและน้ำจัณฑ์แสนเลิศรส ผสมปนเปกันออกมาจากร่างงาม กลิ่นที่เคยรัญจวญใจก่อนที่จะเข้าไปยังร่างของใครๆ แต่บัดนี้สิ่งที่เคยร่ำร้องจากท้องใครๆ เมื่อเห็นสิ่งนี้แล้วกลิ่นของมัน เชื่อเป็นมั่นแน่ว่าทุกคนมักจะเมินหน้าหนี มีเพียงแต่ปิ่นหยกเท่านั้นที่จะพยายามจะเข้าไปเกลือกกลิ้ง คลอเคลียกับสหายเก่าในกระเพาะของเธอ ยังดีที่ชายร่างใหญ่มารั้งร่างของนางได้ทัน
" ระวังด้วยแม่นาง " คำพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ดังแนบหูของหญิงงามตรงหน้า แต่หญิงงามกลับไม่รู้ตัวแล้ว ปากพึมพำแต่ตาของนางหลับสนิทไปเรียบร้อย จึงเดือดร้อนให้หวนเจียวหลุนต้องช้อนร่างนางไปยังเตียงตั่งแสนนุ่ม เมื่อจัดท่านอนของนางให้ดีแล้ว เขาก็ออกจากห้องสั่งอะไรบางอย่างกับองครักษ์ที่เฝ้าประตูตำหนัก แล้วหวงเจียวหลุนก็กลับมายังตำหนักดังเดิม ไม่นานนักก็มีนางข้าหลวงเข้ามาเช็ดทำความสะอาด และรีบออกไป เมื่อหวงเจียวหลุนเห็นว่านางข้าหลวงออกไปเรียบร้อย เขาก็เดินตรงมายังตั่งเตียงและเอนกายลงนอน โดยไม่ลืมที่จะนอนตะแคงหน้าหันไปยังหญิงงามตรงหน้าที่หลับใหลไม่ได้สติ มือใหญ่ลูบที่แก้มอย่างเบามือ
" เจ้ามีตัวตนจริง มิใช่แค่เพียงฝัน หากเจ้าอยากกอดข้า ข้ายินดียิ่ง แม่นาง" เขาพูดไม่ดังและไม่เบานัก หากแต่ผู้ที่นอนอยู่กลับไร้สุ้มเสียงในการสนทนาตอบ นางทำได้เพียงหลับตานอนอย่างสบายอารมณ์
ยามอู่ (11.00-12.59 น) สาวร่างบางนอนเอกเขนก ขาก่ายหมอนใบใหญ่อันแสนนุ่มนิ่ม มือยังคงหาความนุ่มให้รัดเข้าหาร่างแต่หมอนนุ่มกลับไม่ขยับตาม ทำให้ตัวเองต้องขยับกายมาเกยก่ายแทน ใบหน้าก็ซุกเข้าที่หมอนอย่างสบายอารมณ์
" นุ่มจังเลย " ปากพูดพึมพำ ผ่านไปสักพักขนตาแพยาวก็เริ่มขยับเล็กน้อย และลืมตาโพรงขึ้นมาด้วยนอนเต็มอิ่ม สายตาเริ่มปรับให้มองเห็นได้ถนัดแต่นางก็ต้องกรีดร้องอย่างดัง เพราะหมอนข้างใบใหญ่ที่นางได้ก่ายกอดเมื่อครู่ กลับเป็นชายอ้วนตุ้ยนุ้ย ไม่คุ้นตา
" แก ๆ เป็นใคร " (เอ่ยภาษาไทย) ปิ่นหยกไม่พูดป่าว สองขายันถีบชายตรงหน้าให้ออกจากวงโคจรของตนเองอย่างรวดเร็ว ชายร่างใหญ่กลิ้งตกจากเตียงตั่งดังโครม
" โอ๊ย! แม่นาง เจ้ามาถีบข้าเรื่องอันใด " หวนเจียวหลุนเอ่ยพร้อมลุกขึ้น มือข้างหนึ่งลูบก้นที่กระแทกพื้นเพื่อให้บรรเทาอาการเจ็บ
" แกเป็นใคร มาอยู่ห้องฉันได้ยังไง ห๊า! " ปิ่นหยกยังพูดภาษาไทย ส่วนเขาคิ้วเริ่มขมวดเล็กน้อยเพราะฟังภาษาที่ปิ่นหยกพูดไม่เข้าใจ เขาจึงเอ่ยขึ้น
" แม่นาง เจ้ากล่าวอันใดหรือ " ปิ่นหยกฟังภาษารู้เรื่อง เริ่มพยายามปรับความเข้าใจถึงภาษาที่เขาสื่อและสำรวจการแต่งกายของชายตรงหน้า
" คุณเป็นใคร " ปิ่นหยกเอ่ยถาม
" เจ้าถามข้าหรือ? " เขายกมือชี้หน้าของตน
" ใช่ "
" ข้าหวนเจียวหลุน องค์ชายเก้าของแคว้นหลวงหยาง "
" นี่เฮีย เพิ่งออกจากโรงพยาบาลหรือต้องเข้ากองถ่ายหรือ พูดซะเหมือนเลย "
" อะไรคือโรงพยาบาลแล้วอะไรคือกองถ่าย "
" เอาหล่ะสิ แล้วฉันจะอธิบายยังไงให้คนบ้าเข้าใจหล่ะเนี่ย "
" อธิบายสิ่งใด " เขาเดินเข้าใกล้นาง
" หยุดอยู่ตรงนั้น ห้ามเข้าใกล้ แล้วก็ออกไปให้ไกลๆ "
" เจ้าจะให้ข้าไปไหนเล่า ในเมื่อที่นี่มันเป็นตำหนักของข้า ห้องของข้า และเตียงของข้า "
" ห๊า!! บ้าไปใหญ่แล้ว " เธอมองไปรอบเตียงและบรรยากาศภายในที่เปลี่ยนไปจากห้องของตนเอง และพึมพำกับตนเอง
" ฉันเมาจนเข้าห้องผิดหรือป่าววะ " แต่สายตายังคงมองและลุกจากเตียง เดินไปรอบๆ สะดุดเห็นกระเป๋าใบเล็กของตน เธอรีบเข้าไปคว้าและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดเครื่องดูแต่ก็ไร้การตอบสนอง เหมือนเป็นเพียงโทรศัพท์ของเล่นที่หน้าจอดำสนิท
" อะไรกันเนี่ย แบตหมดหรือเนี่ย " เธอก้มหน้ามองโทรศัพท์ สักพักก็เงยหน้าและเดินวนไปรอบห้อง วิ่งไปเปิดประตูที่ดูออกจากอลังการมาก เกินกว่าที่เธอเคยเห็นว่าบ้านไหนจะใช้ประตูเช่นนี้ เมื่อมองไปเบื้องต้นเห็นชายสองคนยืนตัวตรงขนาบสองข้างและมีชายอีกคนที่ใส่ชุดขันทีเหมือนในหนังและสาวใช้สองนางข้างหลัง ปิ่นหยกถึงกับตะลึงรีบปิดประตูและวิ่งกลับมา
" ตายๆ ที่นี่ที่ไหนว่ะเนี่ย อ๊ะ กระจก ใช่เมื่อคืน " เธอวิ่งไปลูบคลำกระจกที่อยู่ตรงหน้า หลังจากนั้นไม่นานเธอก็แข็งค้าง แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ่มต่ำเอ่ยขึ้น
" แม่นาง ขอโทษที่ข้าต้องขัดจังหวะ เจ้าหิวหรือไม่ เพราะตอนนี้เลยเวลามื้อเช้ามานานมากแล้ว " หวงเจียวหลุนเดินเข้ามาใกล้
" นี่ อย่าเข้ามานะ " เธอยกมือห้ามเป็นเชิง ส่วนเขาก็หยุดอยู่กับที่
" แม่นาง "
" หยุด! อยู่ตรงนั้นเลย ให้ฉันคิดก่อน " ปิ่นหยกหันไปมองกระจกแล้วนึกภาพเหตุการณ์เมื่อคืน และก็หันมา
" นายว่านายชื่ออะไรนะ "
" หวงเจียวหลุน ข้าชื่อ หวงเจียงหลุน เป็นองค์ชาย "
" องค์ชาย? "
" อืม " เขาพยักหน้ารับ พร้อมมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าที่หัวคิ้วเริ่มชนกัน และก็ต้องสะดุ้งเพราะเธอร้องขึ้นมา
" ทวิภพ! ใช่เหมือนเลย ในหนังข้ามไปข้ามมา อย่างนั้นฉันก็ข้ามไปข้ามมาได้สิ แต่ทำไมไม่ย้อนไปสมัยร. 5 หล่ะ " เธอพูดกับตนเองในกระจก
" อ๊ะ! " เสียงร้องดังขึ้น และหันไปมองชายตรงหน้า หวงเจียวหลุนขมวดคิ้ว และเอ่ยถาม
" แม่นางเป็นอะไร เจ้าไม่สบายหรือ "
" ฉัน เอ้ย!! ข้า ข้าอยากเข้าส้วมอ่ะ แบบว่าปวดท้องน่ะ "
" อ๋อ ได้สิ เชิญแม่นางตามข้ามา " เขาเดินนำนางไปยังหลังฉากกั้น ซึ่งมีรูปปั้นทรงรี ด้านบนมีรูตรงกลาง ขนาดพอเหมาะในหารหย่อนก้นลงไป คล้ายชักโครก ด้านข้างมีไม้ยื่นออกมาคล้ายจะหาบเจ้าสิ่งนี้ออก หลังจากเสร็จกิจแล้ววางไว้อยู่ พร้อมผ้าวางพาดไว้ สองผืนเพื่อทำความสะอาด และมีโถทองเหลืองบรรจุน้ำไว้พร้อม
" เชิญแม่นางตามสบายเถิด ข้าจะออกไปรอด้านนอก "
" ออกไปไกลๆ แล้วห้ามแอบดูด้วย " นางรีบเอ่ยขึ้น ส่วนหวงเจียวหลุนก็ออกไปตามคำ เมื่อพ้นบริเวณนั้น หวงเจียวหลุนก็ยืนรอ มุมปากยิ้มอย่างมิอายใคร พร้อมเอ่ยขึ้นกับตนเองอย่างไร้สุ้มเสียง
" นางแปลกยิ่งนัก ไร้ความตื่นกลัว ช่างกล้าหาญยิ่ง "