ตอนที่
๙
ข้ารู้ว่าเจ้าหมายปองข้า
พ่อค้าขายหมูครุ่นคิดไม่นานเขาก็ตอบออกมาอย่างชัดเจนว่าใครมาก่อนกัน
“แม่นางผู้นี้มาถึงก่อนและนางก็สั่งให้ข้าขายหมูให้นางก่อนที่แม่นางผู้นี้จะมา” พ่อค้าชี้ไปที่เป่าเป้ยที่ยืนยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ขายหมูให้นางเถอะ ส่วนเจ้าลี่เหมยกลับได้แล้วข้ามีธุระที่จะต้องไปสะสางต่อ” หยางฮุ่ยหมิ่นพูดน้ำเสียงเย็นชากับลี่เหมย
“ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยแม่นางที่ลี่เหมยทำตัวไม่ดีต่อเจ้า ข้ากับเจ้าเจอกันหลายครั้งเจ้ามีนามว่าอย่างไรแม่นาง” หยางฮุ่ยหมิ่นบอกกับเป่าเป้ยอย่างอ่อนโยน
“กลับกันได้แล้วเป่าเป้ยข้าอยากไปตัดชุดให้ชายหนุ่มสุดหล่อเหลาของข้าเต็มทีแล้ว” เสี่ยงเจียงไม่รอให้เป่าเป้ยพูดอะไรทั้งนั้นนางจับมือของเป่าเป้ยไปจากตรงนั้นทันที
“เดี๋ยวสิแม่นางเจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเจ้ามีนามว่าอย่างไร” หยางฮุ่ยหมิ่นตะโกนถามชื่อของนางแต่ยังไม่ได้คำตอบ
“นี่ท่านพี่เหตุใดท่านต้องไปขอโทษนางด้วยข้าทำผิดอะไรอย่างนั้นหรือ” ลี่เหมยเป็นคู่หมั้นที่ไม่ถูกใจหยางฮุ่ยหมิ่นเอาเสียเพราะวัน ๆ นางไม่ทำอันใดนอกจากหาเรื่องเอาแต่ใจตนเอง
“เจ้าเลิกเอาแต่ใจตัวเองอย่างนี้สักทีข้าไม่ชอบ เจ้ากลับคนเดียวส่วนข้าจะไปทำอย่างอื่นต่อ” หยางฮุ่ยหมิ่นพูดจบเขาก็ควบม้าไปทันทีโดยไม่ฟังเสียงของลี่เหมยอีก
“หลี่น่ากลับ” ลี่เหมยสั่งคนรับใช้ของนาง ลี่เหมยรักหยางฮุ่ยหมิ่นมาโดยตลอดและยิ่งรู้ว่าใกล้ได้แต่งงานกันนางยิ่งชอบมาตามติดชายหนุ่มอยู่บ่อย ๆ
บ้านของซีซวน
หยางอู่เฌิ๋นกำลังผ่าฝืนเพื่อที่จะนำมันไปเผาไว้ขายให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านและถ้าเผาได้มากเขากับซีซวนจะนำไปขายที่ตลาดด้วยทั้งสองมีรายได้จากการขายถ่านและทำงานทุกอย่างที่มีคนจ้าง
“ซีซวนวันนี้เจ้าจะไปที่ใดหรือไม่ ข้ารู้สึกราวกับว่าพี่ชายใหญ่จะมาที่นี่วันนี้อีกแน่ ๆ”
“คุณชายอย่ากังวลไปเลยขอรับถ้าอย่างนั้นวันนี้ข้าน้อยจะอยู่บ้านไม่ไปไหนถ้าคุณชายใหญ่มาจริง ๆ ข้าน้อยยอมตายเพื่อปกป้องคุณชายขอรับ” ซีซวนมีความจงรักภักดีต่อหยางอู่เฌิ๋นอย่างสุดชีวิตของเขา
“ไม่เป็นไรหรอกถ้าเจ้ามีธุระสำคัญก็ไปทำเถอะเราแค่กังวลมากไปอย่างที่เจ้าว่า”
“คุณชายมาพักดื่มน้ำเถอะขอรับข้าน้อยจะทำต่อเอง”
“ไม่เป็นไหรอกข้าทำได้อีกนิดเดียวข้าก็ทำเสร็จแล้ว เจ้าอยากพักผ่อนก็ตามสบายเถอะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณชายอยากกินอะไรเป็นพิเศษขอรับข้าน้อยจะได้หามาให้”
“ไม่หรอกเจ้าพักบ้างเถอะซีซวนเงินตราเราก็มีพอกินพอใช้เจ้าอย่าหักโหมเลยเพราะอีกไม่นานเราต้องหาทางกลับเข้าจวนให้ได้”
เป่าเป้ยกับเสี่ยวเจียงกลับมาจากตลาดนางเดินผ่านหยางอู่เฌิ๋นที่กำลังผ่าฝืนอย่างตั้งใจผิวขาวเนียนที่ไร้อาภรณ์ปกคลุมมันช่างล่อตาล่อใจทั้งสองสาวให้เหลียวมอง
“แม่นางเจ้าผ่านมาทางนี้เพื่อมาแอบดูข้าอย่างนั้นหรือ” หยางอู่เฌิ๋นเห็นเป่าเป้ยเดินผ่านเขาจึงพูดเหย้าแหย่นางด้วยความเอ็นดู
“เจ้าเห็นหรือไม่เป่าเป้ยชายหนุ่มผู้นั้นพูดกับข้า” เสี่ยวเจียงที่คิดว่าหยางอู่เฌิ๋นพูดกับนาง เป่าเป้ยยิ้มแห้ง ๆ ให้กับสหายของนาง
“ข้าว่าข้าต้องรีบกลับบ้านป่านนี้ท่านพ่อต้องรอหมูกับข้าอย่างแน่นอน ข้ากับเจ้าแยกกันตรงนี้ข้าไปก่อน” เป่าเป้ยกำลังจะก้าวขาออกไปจากตรงนั้น
“ข้ารู้นะว่าเจ้าหมายปองข้าถ้าอย่างนั้นเจ้าคงไม่เดินผ่านบ้านของข้าบ่อยอย่างนี้เป็นแน่” หยางอู่เฌิ๋นพูดกับเป่าเป้ยแต่เสี่ยวเจียงคิดว่าชายหนุ่มพูดกับนาง เสี่ยวเจียงจึงยืนบิดตัวไปมาด้วยความขวยเขิน
“เจ้าเห็นหรือไม่เป่าเป้ย” เสี่ยวเจียงยืนพูดอยู่คนเดียวเพราะเป่าเป้ยเดินไปตั้งแต่หยางอู่เฌิ๋นพูดจบแล้ว เสี่ยวเจียงกลับยืนบิดอยู่อย่างนั้นจนหนึ่งก้านธูป4และเมื่อนางหันมาอีกครั้งหยางอู่เฌิ๋นก็หายไปจากตรงนั้นเช่นกัน
“นี่เรายืนอยู่อย่างนี้นานเท่าไรแล้วเหตุใดทุกคนถึงได้หายกันไปหมด ช่างประไรอย่างน้อย ๆ ชายหนุ่มที่ข้ารักพูดกับข้าแล้วยังรู้อีกว่าข้าหมายปอง ข้าช่างสุขใจอะไรอย่างนี้” เสี่ยวเจียงเดินไปกระโดดไปอย่างสุนทรี
บ้านของเป่าเป้ย
“ท่านพ่อข้าย่างหมูให้ท่านเสร็จแล้วท่านพ่อมากินข้าวได้แล้วเจ้าค่ะ” เป่าเป้ยเดินไปเรียกพ่อของนางที่กำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน
“วันนี้เจ้าย่างหมูให้พ่อกินอย่างนั้นหรือ ดี ๆ เลยพ่อไม่ได้กินอย่างหมูมาหลายชั่วยามแล้ว เจ้าช่างเป็นลูกสาวที่รู้ใจพ่อเสียจริง ๆ”
“ไม่ได้มีย่างหมูอย่างเดียวนะท่านพ่อมีเกี๊ยวซ่าของโปรดท่านพ่ออีกหนึ่งอย่างด้วย ท่านพ่อทานเยอะ ๆ นะเจ้าคะ”
“กิน ๆ ได้แล้ว เจ้าก็กินเยอะ ๆ นะเป่าเป้ยเดี๋ยวจะไม่สบายเหมือนคราวก่อนอีกถ้าเจ้าเป็นอะไรไปพ่อกับแม่คงอยู่ไม่ได้อีกต่อไป” จินต้าวหยวนพูดกับลูกสาวของเขา
“ลูกเราไม่เป็นอะไรแล้วลูกของเราแข็งแรงขึ้นมากแล้ว” สามคนพ่อแม่ลูกนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขแม้จะเป็นครอบครัวเล็ก ๆ บ้านหลังเล็ก ๆ แต่ทั้งสามก็มีความสุขที่ได้อยู่พร้อมหน้ากันอย่างนี้
หยางฮุ่ยหมิ่นกลับถึงจวนโดนพ่อของเขาตำหนิเรื่องที่ปล่อยให้หลี่เหมยกลับมาคนเดียวทั้ง ๆ ที่ไปด้วยกันทำให้เขาไม่พอใจพออย่างหนักที่กดดันเขาในเรื่องต่าง ๆ ตั้งแต่เล็กจนโตแต่กับหยางอู่เฌิ๋นพ่อกลับไม่บังคับเหมือนกับเขา หยางฮุ่ยหมิ่นใช้ความริษยาในการตัดสินว่าพ่อรักน้องมากกว่า ทั้ง ๆ ที่พ่อทำอย่างนั้นเพราะเขาคือทายาทที่จะสืบต่อจากพ่อ
4 หนึ่งก้านธูป เท่ากับ 15 นาที/30 นาที