ตอนที่
๖
เจ้าใช่หรือไม่ที่แอบเข้าบ้านของข้า
วันนี้เป่าเป้ยต้องไปทำงานกับแม่ของนางที่สวนผักของชาวบ้านคนหนึ่งแม้ว่าเธอจะไม่อยากไปยังไงเธอต้องไปอยู่ดีเพราะอยู่ที่นี่เธอไม่ใช่ดาราดังที่แสนสบายแต่เธอคือลูกสาวชาวบ้าน ๆ ธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น
“เป่าเป้ยวันนี้เจ้าต้องไปทำงานกับแม่และพ่อตอนนี้บ้านของเรากำลังลำบากมากเจ้าต้องช่วยแม่ทำงานเข้าใจหรือไม่เป่าเป้ย”
“ข้าเข้าใจแล้วท่านแม่ข้าจะช่วยท่านพ่อกับท่านแม่ทุกอย่าง”
“เจ้าคิดได้อย่างนั้นพ่อกับแม่ก็วางใจ เมื่อไม่มีพ่อไม่มีแม่เจ้าจะได้ทำมาหากินด้วยตนเองได้”
“ข้าไม่ยอมให้ท่านพ่อกับท่านแม่จากข้าไปไหนทั้งนั้นท่านพ่อท่านแม่ต้องอยู่กับข้าตลอดไป”
“พ่อกับแม่จะอยู่กับเจ้าไปตลอดได้อย่างไรในยามที่เจ้าไม่มีพ่อแม่เจ้าต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้” จินซู่ฮุ่ยบอกกับบุตรสาวของนาง
“ข้าไม่พูดกับท่านแม่แล้วข้าไปดีกว่า” เป่าเป้ยเป็นบุตรสาวคนเดียวทำให้นางกลัวที่พ่อแมท่จะตายจากนางไป
“ถ้าเจ้าไม่อยากอยู่คนเดียวเจ้าก็แต่งงานมีลูกเสียทีเป่าเป้ยแม่อยากอุ้มหลานเต็มแก่แล้วนะ” จินซู่ฮุ่ยตะโกนบอกบุตรสาวของนาง เมื่อเป่าเป้ยได้ยินที่แม่ของนางพูดใบหน้าของหยางอู่เฌิ๋นก็ลอยเข้ามาในความคิดของนางทันที “ถ้าได้อย่างพ่อเทพบุตรสุดหล่อผู้นั้นข้าจะแต่งมันพรุ่งนี้เลย” เป่าเป้ยบ่นพึมพำอยู่ผู้เดียวอยู่สาวงามผู้หนึ่งก็วิ่งมาข้างหลังของนางก่อนจะพูดขึ้นมาเสียงดัง
“นี่เจ้ามีชายหนุ่มที่หมายปองแล้วอย่างนั้นหรือ” เสี่ยวเจียงหญิงสาวที่เป็นเพื่อนรักของนางถามขึ้นมา เป่าเป้ยนึกในใจว่านางได้ยินที่เป่าเป้ยพูดได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่นางพูดเบา ๆ เท่านั้น
“เจ้าพูดเรื่องอะไร ข้าไม่ได้หมายปองชายใดทั้งนั้นเจ้าพูดไร้สาระอันใดฮุ่ยเจียง” เป่าเป้ยตำหนินางเพื่อกลบเกลื่อนความคิดของนาง
“แล้วที่เจ้าบอกว่าเทพบุตรสุดหล่อเจ้าหมายถึงสิ่งไหนถ้าไม่ใช่ชายหนุ่มที่เจ้าหมายปอง” เพื่อนรักของนางยังคงไม่หยุดสงสัยนางสักทีทำให้นางต้องบอกออกไปว่า “ข้าหมายความว่าถ้าข้าจะมีสามีสักคนคนนั้นต้องหล่อและแสนดีอย่างท่านพ่อของข้าข้าถึงจะยอมแต่งงานด้วย”
“อย่างนี้นี่เอง ว่าแต่วันนี้เจ้าพาไปตลาดได้หรือไม่ข้าอยากได้ผ้ามาตัดชุดใหม่ให้ชายรูปงามผู้หนึ่ง”
“ข้าไปไม่ได้หรอก ข้าต้องไปทำงานกับท่านแม่ท่านพ่อ”
“เจ้าไม่ไปไม่ได้หรือ” เสี่ยวเจียงชอบชวนเป่าเป้ยไปเลือกผ้าเพราะนางเป็นคนที่ตาแหลมมากเวลาเลือกลายผ้า
“ข้าต้องช่วยท่านพ่อท่านแม่ทำงานเป็นวันหลังได้หรือไม่เสี่ยวเจียง”
“อย่างนั้นก็ได้แต่เจ้าต้องไปกับข้าให้ได้นะเพราะข้าตั้งใจจะตัดชุดให้ชายสุดหล่อของข้า ข้ากลับก่อนนะ อย่าลืมขอพ่อกับแม่ของเจ้านะ” เสี่ยวเจียงพูดจบนางก็เดินจากไปตรงนั้น
“มาเพราะเรื่องชายหนุ่ม นี่นางเป็นเพื่อนรักของข้าจริง ๆ หรือนี่” เป่าเป้ยได้แต่ส่ายหัวให้เพื่อนของเธอ
เป่าเป้ยกำลังปลูกผักอยู่ข้าง ๆ แม่ของนางแต่แล้วแม่กับพ่อของนางต้องไปปลูกอีกสวนทำให้นางต้องปลูกอยู่ตรงนี้กับเพื่อนบ้านคนอื่น
“เจ้าใช่หรือไม่ที่แอบเข้าบ้านข้าเมื่อวันก่อน” ชายหนุ่มที่เป็นเทพบุตรของเป่าเป้ยเดินมาพูดเบา ๆ ใกล้ ๆ นาง
“เจ้าจำผิดคนหรือเปล่าข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าเป็นใครชื่ออะไรเจ้าจะมาว่าข้าเข้าบ้านเจ้าได้อย่างไรกัน” เป่าเป้ยพยายามทำตัวไม่ให้เขาสงสัยมากที่สุด
“ข้าจำได้ว่าเป็นเจ้าแต่ยังดีที่ของในบ้านของข้าไม่มีอันใดหายไป”
“ถ้ามันหายไปแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า ข้าไม่ได้เข้าไปในบ้านของเจ้าเสียหน่อยเจ้าปรักปรำข้าอย่างนี้ได้อย่างไร”
“ข้าไม่ได้ปรักปรำเจ้า ข้าเพียงแต่บอกว่าเจ้าแอบเข้าไปในบ้านข้า ถึงอย่างนั้นเจ้าเป็นโจรเจ้าคงไม่ยอมรับว่าเจ้าแอบเข้าบ้านของข้า”
“ก็ข้าบอกแล้วไงว่าข้าไม่ได้เป็นคนที่แอบเข้าบ้านของเจ้า”
“ถ้าเจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้เข้าบ้านของข้าเจ้ากล้าสาบานให้ฟ้าผ่าเจ้าหรือไม่” หยางอู่เฌิ๋นแกล้งนางและมันได้ผลนางดูหน้าซีด ๆ ขื้นมาทันที
“ข้าไม่สาบานทำไมข้าต้องสาบานเจ้ามีสิทธิ์อะไรมากล่าวหาข้า ไปให้ไกล ๆ ข้าเลย” เป่าเป้ยทำทีท่าจะเดินหนี
“เจ้าอย่าให้ข้ารู้นะว่าเจ้าแอบเข้าบ้านข้าอีกไม่อย่างนั้นข้าจะจับเจ้าทำเมียเสียเดียวนี้” อู่เฌิ๋นพูดขึ้นมาเสียงดังจนชาวบ้านที่กำลังปลุกผักอยู่แถวนั้นหันมามองนางเป็นตาเดียว
“นี่เจ้าจะพูดเสียงทำไมหรือเจ้าอยากได้ข้าเป็นเมียถึงมากล่าวหาข้าอย่างนี้”
“เจ้านี้มันแปลกพิลึกแอบเข้าบ้านชายหนุ่มผู้เดียว ข้าคิดว่าเจ้าต้องหมายปองข้าอยากได้ข้าเป็นสามีของเจ้าใช่หรือไม่”
“เจ้าเลิกคิดว่าข้าเข้าบ้านของเจ้าเสียที ข้าขี้เกียจจะต่อปากกับเจ้าแล้ว ไปให้ไกล ๆ ข้าเดี๋ยวนี้” เป่าเป้ยคิดในใจว่าเมื่อไหร่เขาจะหายไปจากตรงนี้เสียทีนางเกรงว่านางจะมีพิรุธจนเขาจับได้
“ให้ตายสิ ทำไมเขาถึงได้ตื้อข้าเก่งนัก” เป่าเป้ยคิดในใจเธอทำใจดีสู้เสือเพราะถ้าเขาจับได้แล้วเขาไปฟ้องพ่อกับแม่ของนางมีหวังนางโดนดุอีกเป็นแน่
“ข้าไปแล้วนะแม่นางเป่าเป้ย ไว้เจอกันอีกนะ” หยางอู่เฌิ๋นชอบที่นางพยายามทำเหมือนไม่ใช่ตนเองเข้าไปในบ้านของเขาทั้ง ๆ ที่นางเคยแอบดูเขาหนึ่งครั้งส่วนอีกครั้งแอบเข้าบ้านเขาอีกมีหรือเขาจะจำนางไม่ได้
“รู้ได้อย่างไรว่าข้าชื่อเป่าเป้ยข้ายังไม่รู้จักเลยว่าเขาเป็นใคร” เป่าเป้ยนึกสงสัยอยู่อย่างนั้นจนแม่ของนางเดินมาบอกให้นางรีบทำงานได้แล้ว
“เจ้าเป็นอะไรเป่าเป้ยรีบทำงานได้แล้วไม่อยากกลับบ้านหรืออย่างไร”
“ข้ากำลังสงสัยว่า” เป่าเป้ยกำลังจะพูดแต่ไม่ทันได้พูดจบแม่ของนางพูดแทรกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“สงสัยว่าเจ้าจะไม่ได้กลับบ้านพร้อมคนอื่นเป็นแน่” เป่าเป้ยจึงต้องก้มปลูกผักต่อไปก่อนที่โดนแม่ดุมากกว่านี้