ตอนที่
๕
เป่าเป้ยสาวงามแห่งหยู่มู่หลาง
“เป่าเป้ยวันนี้เจ้าเข้าไปตลาดกับแม่หน่อยนะ วันนี้แม่จะเอาผักไปขายที่ตลาดและจะไปซื้อหมูมาย่างให้เจ้ากินสักหน่อยช่วงนี้เจ้าดูซูบ ๆ ลงไปเยอะ”
“ข้าขอหมูย่างที่ไม่มีมันติดนะท่านแม่ข้ากลัวอ้วนเดี๋ยวไม่สวย” เป่าเป้ยพูดจบก็ยืนแขม่วพุงให้แบนราบที่สุดจะได้ไม่เสียชื่อนางเอกชื่อดังของเมืองไทย
“อะไรก็ได้ทั้งนั้นแต่เจ้าต้องไปช่วยแม่เก็บผักที่สวนผักก่อนตกลงหรือไม่”
“มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วท่านแม่ต่อให้ท่านไม่บอกให้ข้าไปทำข้าก็ต้องทำอยู่แล้ว”
จินซู่ฮุ่ยอุ่นใจขึ้นมาบ้างที่บุตรสาวของนางกลับมาเอาการเอางานอีกครั้ง
ตลาด
“ท่านแม่ข้าอยากกินขนมท่านแม่ซื้อให้ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเป้ยชี้ไปที่ขนมถังหูลู่ที่แวววับน่ากินยิ่งนัก
“ในเจ้าบอกว่าเจ้ากลัวอ้วนไม่ใช่หรือไงเหตุใดถึงอยากกินน้ำตาลอย่างนี้ล่ะ”
“ก็มันน่ากินกินแค่ไม้สองไม้คงไม่ทำให้ข้าอ้วนหรอกท่านแม่” เป่าเป้ยพูดจบนางจับแขนแม่ของนางเดินไปยังพ่อค้าขายถังหูลู่ก่อนจะบอกกับพ่อค้าว่าเธอเอาสองไม้แม่ของนางจึงต้องจ่ายแต่โดยดี
“เจ้านี่มันยังไงหลังจากหายป่วยเจ้าเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน”
“ข้าก็คือข้าท่านแม่ข้าจะไปเป็นคนอื่นได้อย่างไรกันหรือท่านแม่ไม่อยากมีข้าเป็นบุตรสาวสุดที่รักของท่านแม่” เป่าเป้ยทำหน้างอน ๆ แม่ของนาง
“เป่าเป้ยรอข้าด้วยเจ้าจะรีบไปไหนรอข้าด้วย” เป่าเป้ยที่วิ่งหนีท่านแม่ของนางโดยไม่ได้ระวังทำให้นางชนเข้ากับชายหนุ่มผู้หนึ่ง
“ให้อภัยบุตรสาวของข้าด้วยเถิดคุณชายบุตรสาวของข้าไม่รู้ประสีประสาถ้าจะลงโทษก็ลงโทษข้าเถิด” จินซู่ฮุ่ยโค้งคำนับเป็นการขอโทษเพราะคนที่เป่าเป้ยวิ่งชนนั่นคือคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหยาง หยางฮุ่ยหมิ่นนั่นเอง ชาวบ้านต่างเลื่องลือเรื่องความโหดร้ายของเขาทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวที่จะเผชิญหน้ากับเขาแต่เมื่อหยางฮุ่ยหมิ่นได้เห็นใบหน้าของเป่าเป้ยเขาถูกใจถูกชะตากับนางอย่างบอกไม่ถูก
“ข้าจะไม่ถือโทษโกรธบุตรสาวของเจ้าแต่เจ้าต้องบอกข้าก่อนว่าพวกเจ้าอยู่ที่ไหนของแคว้นนี้” ไม่ทันที่จินซู่ฮุ่ยจะได้พูดอะไร มีชายคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเหมือนกำลังหนีอะไรบางอย่างมาทำให้ชนเข้ากับหยางฮุ่ยหมิ่น เป่าเป้ยจึงจับแขนแม่ของนางวิ่งไปที่รถม้าเพื่อกลับไปที่เรือน
“เจ้าเห็นหรือไม่เป่าเป้ยเพราะความดื้อของเจ้าทำให้เจ้าเกือบคอขาดแล้ว”
“ท่านแม่เลิกบ่นข้าได้แล้วข้าเปล่าวิ่งชนนะ ชายผู้นั้นต่างหากที่มาขวางข้า”
“เห็นหรือยังว่าเราไม่ได้ซื้อหมูมาแม้แต่ชิ้นเดียวแล้วเราจะกินอะไรกัน”
“ไม่มีหมูเรากินไก่ที่เราเลี้ยงไว้ไม่ได้หรือท่านแม่”
“เจ้านี่มัน...ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้วข้าจะไปจับไก่มาฆ่าให้เจ้ากินแต่จะให้เจ้ากินเฉพาะตีนนะจะได้ไม่อ้วน” จินซู่ฮุ่ยพูดจบนางเดินตรงไปที่เล้าไก่ที่อยู่หลังเรือน
“นี่ท่านแม่ท่านไม่รักข้าแล้วอย่างนั้นหรือเหตุใดจึงจะให้ข้ากินแค่ตีนไก่ล่ะ”
เป่าเป้ยที่เหนื่อยจากการไปเดินตลาดนางกำลังจะเอนตัวลงนอนแต่แล้วนางก็นึกสนุก นางแอบออกเดินเล่นที่ท้ายหมู่บ้านเพื่อดูว่าชายหนุ่มที่นางเห็นวันนั้นเป็นใครเหตุใดถึงได้หล่อเหลาราวกับเทพบุตรอย่างนั้น
“ไม่มีใครอยู่ข้าขอเข้าไปสำรวจดูสักหน่อยนะพ่อเทพบุตร” เป่าเป้ยเดินเข้าไปภายในเรือนของอู่เฌิ๋นนางเดินไปตามสวนผักก่อนจะเดินไปที่เล้าไก่นางมองดูไก่ในเล้าอย่างช้า ๆ โดยไม่ได้ระวังตัว
“หยุดอยู่ตรงนั้นเจ้าคือใครแล้วเข้ามาในนี้ได้อย่างไร” อู่เฌิ๋นชักดาบออกมาก่อนจะชี้ไปที่เป่าเป้ยเมื่อนางหันกลับมาก็ร้องออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความกลัว
“อย่าทำอะไรข้านะข้าไม่ได้คิดร้ายข้าเห็นไก่มันร้องข้าจึงเดินเข้ามาดูข้าเห็นงูกำลังรัดไก่ของเจ้าอยู่ในเล้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าก็เดินไปดูที่เล้าไกก่อนที่ไก่ของเจ้าจะหมดเล้าเสียก่อน” อู่เฌิ๋นได้ยินอย่างนั้นเขาวิ่งไปดูทันทีว่าจริงหรือไม่แต่เมื่อเขาไปถึงกลับไม่มีแม้แต่งูสักตัวเขาจึงรีบกลับมาเพื่อจะจัดการกับคนโกหกแต่นางหายไปเสียแล้ว
“ใครจะอยู่ให้จับล่ะข้าแค่เข้าไปในบ้านทำไมต้องโมโหเป็นฟืนเป็นไฟหล่อแต่ใจร้ายอย่างนี้ข้าไม่เอาด้วยแล้ว” เป่าเป้ยวิ่งหน้าตั้งกลับบ้านอย่างไม่คิดชีวิต
“มีเรื่องอะไรคุณชายรองเหตุใดคุณชายถึงทำหน้าราวกับว่ามีโจรขึ้นเรือน” ซีซวนที่พึ่งกลับมาจากตลาดนึกสงสัยเพราะเห็นอู่เฌิ๋นกำลังสำรวจของภายในเรือน
“ข้าก็ไม่มั่นใจหรอกมีหญิงสาวเข้ามาในเรือนแต่นางไม่ได้เอาอะไรออกไปจากเรือนแต่ไม่รู้ว่านางเข้ามามีจุดประสงค์อันใด”
“นางอาจจะมาหาข้าน้อยก็ได้นะขอรับหรืออาจจะเป็นเพื่อนของข้าเมื่อตอนเป็นเด็ก”
“ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าว่าเหตุใดนางไม่บอกกับเราล่ะ”
“คุณชายเลิกสนใจเรื่องนั้นวันนี้ข้ามีของมาฝากทายสิว่าเป็นอันใดข้าน้อยตั้งใจนำมาให้ท่านเลยนะคุณชาย” ซีซวนยกไหเหล้าขึ้นมาก่อนจะเดินไปรินเหล้าให้องค์ชายของเขาดื่มทั้งสองนั่งดื่มเหล้าด้วยกันจนหมดไหเมามายจนนอนหลับกองกันนอกเรือน