บทที่16 เตรียมตัวเปิดร้าน

2271 Words
ตั้งแต่วันที่เธอร้องไห้โฮต่อหน้าพวกเขา ก็ดูเหมือนพวกเขาจะวางตัวโอริวไว้ใกล้ตัวเธอ เพราะไม่รู้ว่าวันนั้นเธอร้องไห้ทำไม ส่วนเก็นบุนั้นไปเรียนรู้เรื่องช่างกับช่างไม้ ร่วมกับหานตง หลังจากผ่านไป3วันก็เหมือนจะเหลือเพียงเก็บงาน เท่านั้น ทำให้เธอเริ่มสอนโอริวและเก็นบุให้ทำน้ำมันมะพร้าว รวมถึงสอนพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่ใช้ได้ และใช้ไม่ได้ในป่าด้วย เพราะสกิลวิเคราะห์ของเธอ เลยทำให้รู้สรรพคุณทั้งหมด เธอขอให้ช่างช่วยทำตู้วางของมาเพิ่มที่ชั้น3ด้วย แต่พวกเขาบ่นว่าไม้โหวนั้นหนักอยู่แล้ว ยิ่งพอเป็นตู้แล้วจะหนักมากแม้จะใช้พลังปราณยังยากจะยกขึ้นไปได้สบายๆ เธอเลยแนะนำว่าให้พวกเขาเตรียมชิ้นส่วนตู้มา และนำมาประกอบที่ชั้น3เลย ทำเอาเจ้าของโรงไม้ขอบคุณเธอยกใหญ่ที่แก้ปัญหาที่มีมานานได้เสียที เหม่ยเสี้ยวเองก็เคยยกไม้โหวเหมือนกัน แค่แผ่นเล็กๆเท่าเก้าอี้ ก็หนักมากจนเธอปวดแขนแล้ว แต่เพราะพวกช่างมีพลังปราณกันพอสมควรทุกคน พวกเขาเลยสามารถยกของหนักๆได้ รวมถึงหานตงที่ได้เรียนรู้เรื่องการเดินพลังปราณมาจากช่างไม้เหมือนกัน “หม่าม๊า....หานตง...น้ำมัน...เสร็จ” โอริวที่ได้รับหน้าที่จิปาถะรีบวิ่งมาบอกหลังจากที่เหม่ยเสี้ยวให้ไปดูหานตง ตอนนี้หานตงรับหน้าที่สกัดน้ำมันและใส่ไว้ในถังไม้ที่เธอออกแบบ ก่อนหน้านี้พวกเธอใช้ถังใหญ่ที่ไม่มีฝาปิด แต่เพราะสนิทกับเจ้าของโรงไม้ เหม่ยเสี้ยวเลยขอให้พวกเขาทำถังไม้ที่มีฝาปิดขึ้นมา ส่วนเก็นบุดูแลเรื่องต้นหานซือ เพราะเขามีพลังปราณสูงกว่าหานตงอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่เริ่มฝึกพร้อมกัน ทำให้เขาทำงานหนักๆได้มากกว่า นอกจากคั้นน้ำแล้ว เก็นบุที่มีปราณธาตุน้ำเลยถูกใช้ให้ไปจับปลามาด้วย “งั้นเราไปเก็บไป่เหอกับตระไคร้กันดีกว่า” เพราะโอริวยังไม่ได้เปิดพลังปราณ เหม่ยเสี้ยวเลยไม่ไว้ใจให้เด็กน้อยเข้าไปเก็บของในป่าคนเดียว นอกจากนี้ เธอยังอยากจะเก็บวัตถุดิบมาลองเป็นส่วนผสมในครีมด้วย เพราะปัญหาตอนนี้คือ ครีมที่ผสมส่วนผสมอื่นๆลงไปอยู่ได้เพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็เริ่มมีกลิ่นเหม็น ตอนนี้เหม่ยเสี้ยวเลยยกเลิกการขายครีมไปก่อน และได้ชดเชยเปลี่ยนของให้เหล่าคนที่ซื้อไปก่อนหน้าหมดแล้ว โชคดีที่พวกเขาไม่เรื่องมาก เพียงแค่แถมน้ำมันสกัดไปก็เงียบกันทันทีไม่คิดหาเรื่องต่อ ตอนนี้ในโกดังหลังร้าน มีน้ำตาลหานซืออยู่3กระสอบแล้ว น้ำมันสกัดเยอะพอดู ส่วนตัวครีมนั้นเหม่ยเสี้ยวไม่คิดจะผลิตเยอะตั้งแต่แรก เหมือนจะไม่เวิร์คเท่าไหร่ ตอนนี้เธอกำลังวิจัยของใหม่ที่คิดจะทำ นั่นก็คือแชมพู เพราะบังเอิญเจอสวนอัญชัญของชาวบ้าน แต่ที่นี่เรียกหยางจี พวกเขาเอาไปทำหลายๆอย่าง และนิยมใช้สระผม และบังเอิญได้เจอ สิ่งที่มีสรรพคุณเหมือนว่านหางจระเข้ มีชื่อว่าลิ่วหุ่ย แต่รูปร่างของมันเป็นใบยาวๆเป็นพุ่มใหญ่เท่าเอว ไม่มีหนาม และขนาดใบนั้นใหญ่เท่าแขนเธอเลยเชียว ตอนนี้เธอเลยหาวิธีทำแชมพูจากลิ่วหุ่ยและหยางจีโดยใส่น้ำมันมะกรูดลงไปด้วย แต่เพราะเป็นของธรรมชาติเลยอยู่ได้ไม่นาน ตอนนี้เธอเลยหาวิธีที่ทำให้อยู่นานขึ้น เพื่อจะได้เอาออกมาขายได้ “หม่าม๊า ลิ่วหุ่ยกอใหญ่เลย” โอริวที่เดินนำไปในป่าวิ่งออกมาเรียกเหม่ยเสี้ยว ที่กำลังก้มเก็บดอกไป่เหออยู่ “เอ๋ อย่าไปแตะนะโอริว มาเก็บดอกไป่เหอมา ข้าจะไปเก็บลิ่วหุ่ยเอง” เหม่ยเสี้ยวรีบห้าม แม้จะเคยบอกไปแล้วว่าเวลาเจอให้เรียกก็เถอะ แต่โอริวนั้นใสซื่อและดื้อด้าน ต่างจากเก็นบุที่ซื่อตรงและเชื่อฟัง “งือ...ก็ได้” โอริวตอบแค่นั้น ก่อนจะลงมือเก็บไป่เหอที่ใกล้บานเต็มที่เหมือนที่ถูกสอนมา เพราะตรงจุดนี้เป็นดงไป่เหอโอริวที่ไม่ชอบกลิ่นดอกไป่เหอได้แต่หน้าหงิก เหม่ยเสี้ยวก็ไม่แน่ใจ ว่าทำไมโอริวถึงไม่ชอบกลิ่นไป่เหอ ทั้งๆที่ออกจากหอมแท้ๆ แต่ครั้งแรกที่พามาโอริวนั้นร้องไห้เลยในทันทีที่เข้ามาในดงไป่เหอ เหม่ยเสี้ยวเดินไปตามทางที่โอริววิ่งกลับมา ที่เธอต้องเป็นคนเก็บลิ่วหุ่ยเองก็เพราะ ....เหม่ยเสี้ยวมองไปยังใต้ใบทีละใบ้ วนรอบๆพุ่มขนาดใหญ่เท่าเอว ส่องอยู่นานหลายนาที เพราะพุ่มลิ่วหุยมักจะเป็นรังของสัตว์ ทั้งนก งู จนถึงผึ้ง ถ้าเป็นสองอย่างแรกก็ไล่ไปง่ายๆ แต่ถ้าเป็นผึ้งเธอต้องรมควันพวกมันก่อน และเพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง ชาวบ้านถึงไม่ได้รู้จักสรรพคุณของมันมากนัก “ลิ่วหุยต้นนี้ ...ผึ้งเยอะมากๆ” ผึ้งทำรังอยู่ทุกจุดของพุ่มเลย แต่ก็เป็นการดี เพราะน้ำผึ้งนั้นมีค่ามากๆ เหม่ยเสี้ยวยังเคยวางแผนจะทำฟาร์มลิ่วหุยเพื่อเพาะเลี้ยงผึ้ง ทำน้ำผึ้งขายเลย แต่ลิ่วหุยกอนี้ ดูท่าจะถึงขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นใบเลยใช้งานไม่ได้ แต่ก็ถือว่าดีที่ได้น้ำผึ้งมาแทน เพราะวันก่อนให้คุณชายต้าไปเป็นของขวัญ เขาก็ทำท่าทางตกใจที่เธอสามารถเก็บเกี่ยวน้ำผึ้งมาได้ ได้ยินว่าคนที่นี่ 5ใน10คนที่ตายในป่า ก็เพราะถูกผึ้งต่อยตายเนี่ยแหละ รองลงมาคือเป็นไข้คือ4ใน10ส่วน ส่วนอีก1ส่วนคือเป็นอันตรายอื่นๆ จนถึงโดนสัตว์ป่าทำร้าย แต่เพราะเหม่ยเสี้ยวเอาไม้โหวมาสานตระกร้าเลยทำให้แมลงสัตว์หลีกหนีกลิ่นจากไม้โหว ซึ่งสำหรับเธอมันก็แค่กลิ่นไม้ธรรมดาๆ กลิ่นสารเคมีในโลกก่อน เหม็นกว่านี้เยอะแยะ เหม่ยเสี้ยวหยิบเปลือกไม้โหวที่เธอเอามาเย็บติดกันเป็นแผ่นใหญ่ ออกมาจากตระกร้าด้านหลัง ก่อนจะใช้มันคลุมลงไปที่กอลิ่วหุยทำให้ผึ้งแตกรังออกมาเล็กน้อย แต่เหม่ยเสี้ยวไม่สนใจ ก่อนที่เธอจะจุดไฟใส่เปลือกไม้หานซือ เธอเพิ่งจะรู้ว่าไม้หานซือนั้นเวลาเอาไปจุดไฟจะได้ควันเยอะมากๆ เนื่องจากหลายวันก่อนหานตงเอาไปใส่ในเตาและทำให้ชาวบ้านตกใจแทบแย่ นึกว่ามีไฟไหม้ เหม่ยเสี้ยวถึงได้คิดวิธีนี้ขึ้นมาได้และจัดการกับผึ้งที่ทำรังอยู่ที่ต้นลิ่วหุยได้ เธอโยนไม้หานซือที่ติดไฟดีแล้วเข้าไปด้านในที่คลุมไว้โดยเปลือกไม้โหว และปล่อยไว้อย่างนั้น เหม่ยเสี้ยวเดินไปเก็บสมุนไพรรอบๆแทน คอยมองดูตลอดว่าผึ้งบินออกมาจากรูที่เจาะไว้ด้านบนเยอะแค่ไหนและหมดรึยัง เมื่อเห็นว่าไม่มีตัวไหนออกมาแล้วเหม่ยเสี้ยวก็ไปหยิบเปลือกไม้โหวออก ก่อนจะปูลงกับพื้นแล้วค่อยๆแกะรวงผึ้งออกจากลิ่วหุ่ย ก่อนจะตัดกอลิ่วหุ่ย เพราะพอตัดถึงลำต้นก็มีเมล็ดไหลออกมา เหม่ยเสี้ยวรวบรวมเมล็ดลิ่วหุ่ยไว้ ก่อนจะเอาไปโปรยลงบริเวณดินอ่อนนุ่มส่วนอื่นๆของป่า ไม่ห่างไกลจากต้นแม่นัก นั่นเป็นวิธีที่ทำให้ธรรมชาติสมบูรณ์และเธอจะได้มีต้นลิ่วหุ่ยไว้ใช้ตลอดไป จริงๆเธอก็ไม่รู้ได้หรอก ถ้าไม่มีสกิลวิเคราะห์ แต่พอเธอตัดต้นลิ่วหุยแล้วเมล็ดพวกนี้หล่นมา เลยทำการวิเคราะห์ทำให้รู้ว่ามันคือเมล็ดลิ่วหุย เลยลองปลูกทิ้งไว้ในป่า ทำให้รู้ว่าลิ่วหุยโตเร็วมากๆ เพราะเพียง3วันก็เป็นต้นอ่อนขนาดเท่าฝ่ามือแล้ว “กลับบ้านกันเถอะโอริว” เหม่ยเสี้ยวเรียกโอริวที่กำลังเช็ดน้ำตาป้อยๆ เพราะต้องฝืนใจเก็บสิ่งที่เกลียดที่สุดด้วยมือน้อยนั้น แต่ถ้าเธอไม่ทำงานก็กลัวจะโดนหม่าม๊าเกลียดเอา เลยจำใจต้องทำ “หม่าม๊า ....ไป่เหอ...เยอะมั้ย” เด็กน้อยยืดอกภูมิทั้งๆที่คราบน้ำตายังเต็มดวงหน้า ก่อนที่มือน้อยจะชี้ไปทางตระกร้าด้านหลังที่มีดอกไป่เหอเต็มไปหมด “เจ้าเก่งมาก” เหม่ยเสี้ยวลูบหัวเด็กน้อย โอริวบิดตัวไปมาอย่างพอใจราวกับแมวน้อยที่กำลังออดอ้อน เหม่ยเสี้ยวได้แต่ยิ้มเอ็นดู โอริวนั้นน่ารักผิวขาวผ่องดวงหน้าจิ้มลิ้ม หากปล่อยให้อยู่ข้างถนนอีกไม่นานคงถูกจับตัวไปขายแน่ๆ โชคดีเหลือเกินที่เธอช่วยไว้ได้ก่อน “กลับบ้านๆ” โอริวเดินดุ่มๆนำทาง เด็กๆมีเซ้นส์ในการเข้าป่ามากๆ พาเดินแค่ไม่กี่วันพวกเขาก็จำทางได้หมดแล้ว นั่นทำให้เหม่ยเสี้ยววางใจให้เก็นบุเข้าป่าคนเดียว เหม่ยเสี้ยวยืนมองหน้าร้านของตัวเองอย่างวิเคราะห์ หานตงเดินเข้ามารับสัมภาระเอาไปเก็บ เธอเลยยืนมองว่าขาดอะไรอีกรึเปล่า ตอนนี้หน้าร้านถูกตกแต่งด้วยต้นท้อเล็กๆที่เธอไปขุดจากในป่าแล้วให้หานตงหามมาใส่กระถางดินเผาที่ซื้อมา เป็นกระถางสีขาวสวย บันไดหน้าร้านถูกปูด้วยหินอ่อนสีขาวที่หานตงไปเจอมาในป่า เลยเอามาประดับหน้าร้าน ป้ายชื่อร้านถูกเขียนฉลุทองสวยงามวางเด่นอยู่ด้านบนระเบียงชั้น2แต่ก็เด่นเพราะดอกไม้ประดับบนชั้น2 ที่มีดอกไม้ป่าหลายๆอย่างถูกขุดมาปลูกและกำลังแข่งกันเบ่งบานรอบๆร้านเองก็เช่นกัน เหม่ยเสี้ยวเดินเข้าไปด้านในร้าน ทางด้านซ้ายเป็นโต๊ะหลาย10วางอยู่ เป็นสถานที่นั่งพัก และพบปะกัน ด้านในสุดถูกกั้นฉากไว้ด้วยไม้ระแนงสวย ด้านหน้าไม้ระแนงนั้นคือตู้เครื่องหอม น้ำมันหอมระเหยและอื่นๆที่วางอยู่ในตู้ ขวดบรรจุถูกเปลี่ยนเป็นแบบสั่งผลิต ทางด้านขวาเป็นตู้ไม้ยาวตั้งแต่หน้าร้านและเป็นเคาท์เตอร์ที่สามารถนั่งดื่มกินได้ ร้านนี้จะคล้ายๆกับโรงเตี้ยม แต่ของที่จะขายทางด้านขวานั้นยังไม่มี เหม่ยเสี้ยวเลยย้ายของทั้งหมดออกมาขายด้านขวาของร้านแถบด้านหน้าร้านทั้งหมดก่อน ซึ่งจะมีชาสมุนไพรและของหวานเล็กน้อยที่ทำจากน้ำตาลหานซือวางขายด้วย คล้ายๆกับร้านกาแฟ ส่วนเรื่องที่จะขายยานั้น เหม่ยเสี้ยวละเอาไว้ก่อน เพราะยังไม่รู้ว่าต้องสอบหมอยังไง อีกอย่างที่เธอต้องการคือสอบจอหงวน... ซึ่งในยุคนี้สตรีที่ขึ้นเป็นจอหงวนได้ไม่มี และไม่มีการให้การศึกษากับสตรีด้วย ดังนั้นเธอเลยคิดจะจับแขกสตรีและบุรุษชั้นสูงให้ได้ก่อน แล้วค่อยๆแพร่ความรู้ในสมัยของเธอที่เหมาะกับสมัยนี้ออกไป อยากรู้เหมือนกันว่าตัวเธอเองจะจบที่ตรงไหน... “ย้ายของที่จะขายมาให้ทางนี้หมดแล้วใช่มั้ย เอ้อ ว่าแต่หานตง เจ้าว่าขนมปังเมื่อวานรสชาติเป็นเช่นไร” เหม่ยเสี้ยวเอ่ยถาม เมื่อวานเธอทำขนมเค้กง่ายๆที่ใช้เตาอบแบบควบคุมอุณหภูมิไม่ได้ ทำให้มีความแข็งอยู่มากแต่ก็อร่อยกว่าหมั่นโถว เนื่องจากเธอทำแยมส้มราดหน้าไปด้วย “เค้กแยมส้ม คิดว่าพอจะขายได้มั้ย” ถามย้ำอีกครั้ง และหานตงก็พยักหน้าอีกครั้ง เป็นอันเข้าใจกันว่าผ่าน ส่วนชาสมุนไพรนั้นเหม่ยเสี้ยวต้องเป็นคนขายเอง ยกเว้น ชาเขียว ชาดำ และชาขาวปกติ ซึ่งซื้อมาจากพ่อค้าอีกที แต่สิ่งที่จะเป็นตัวชูโรงคือน้ำผึ้ง และน้ำเชื่อมหานซือ ที่จะวางเคียงเสิร์ฟพร้อมกับชาให้นั่นเอง “เอาล่ะ ร้านเราพร้อมเปิดแล้ว” เหม่ยเสี้ยวยิ้มหวานส่งให้เด็กๆทั้ง3 หานตงนั้นรับหน้าที่เป็นเหมือนพ่อบ้าน ดูแลทุกอย่างแทนเหม่ยเสี้ยวได้เป็นที่น่าวางใจ เก็นบุนั้นเก่งเรื่องหารหาของในป่าและจดจำบทเรียนได้อย่างรวดเร็ว มีโอกาสจะเติบโตเป็นบุรุษที่แข็งแกร่ง ส่วนโอริวนั้น เป็นลูกสาวที่น่ารักและสดใส อาจจะดื้อดึงไปหน่อย แต่หากโตขึ้นนางจะต้องเป็นหญิงที่งดงามและเดินตามทางของเหม่ยเสี้ยวได้แน่ๆ มีความเป็นเลขาดีดีนี่เอง “พรุ่งนี้ ร้านชายาสวรรค์จะเปิดให้บริการ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD