บทที่19 ผู้มาเยือน2

2704 Words
หลังจากตระกูลยู่กลับไป เหม่ยเสี้ยวก็ขึ้นไปหมกตัวที่ห้องวิจัยชั้น3 ซึ่งมีอุปกรณ์แปลกๆหลายอย่างที่เธอสั่งทำจากช่างฝีมือ ทั้งช่างทำแก้ว ช่างดินเผา และช่างแกะสลัก ตอนนี้มีเครื่องกลั่นน้ำมันหอมแล้ว เป็นแบบที่เธอคิดค้นขึ้นมาเองและทดลองกันกับพวกช่างไม้ แต่ก็เพียงให้ทำส่วนประกอบให้แล้วเอามาประกอบเอง ไม่ได้ให้พวกเขาเห็น เพราะพอประกอบมาแล้วมันดูไฮเทคสุดๆเลย ถ้าเป็นเหล็กได้ล่ะนะ...เสียดายที่มันเป็นไม้ แต่ข้อดีคือ ไม่ว่าของอะไรที่ทำออกมาก็จะมีกลิ่นไม้อ่อนๆ ดูเป็นเอกลักษณ์ดี โชคดีที่เก็นบุมีพลังปราณธาตุน้ำ เขาเลยทำความสะอาดเครื่องมือได้อย่างหมดจด เก็นบุเลยได้รับหน้าที่ทำความสะอาดเครื่องมือในทุกๆเย็นก่อนเข้านอน ส่วนเรื่องในร้านก็ปล่อยให้3สาวใช้แสนสวยจากจวนท่านอ๋องทำงานไป พวกนางมีพันธะสัญญาดังนั้นเลยโกงไม่ได้ เป็นข้อดีเมื่อทำงานกับเงิน อีกอย่างเหมือนพวกนางจะไม่ได้สนใจอยากสืบเรื่องวิธีทำเท่าไหร่แล้ว...ยกเว้นตอนแรก เหม่ยเสี้ยวค่อยๆลองทำหาวิธีต่างๆเพื่อสกัดน้ำมันหอมระเหยของใบมิ้นต์โดยเฉพาะ ก่อนจะพบว่ามันใช้จำนวนใบเยอะมากๆ แล้วใบมิ้นต์ก็ไม่ได้หาเจอง่ายๆเลย ถ้าจำไม่ผิดใบมิ้นต์ปลูกขยายเร็วมากๆ คิดว่าคงต้องสร้างแปลงปลูกอีกแล้ว ตอนนี้เหม่ยเสี้ยวให้ชาวบ้านในสลัมกลุ่มหนึ่งไปเพาะปลูกในพื้นที่ที่เธอเช่าและให้พวกเขาปลูกรากจินโดยเฉพาะ โดยไม่เก็บค่าเช่า และมีข้อตกลงเป็นสัญญาว่าจะต้องขายผลิตผลให้เธอเท่านั้น ทำให้พวกเขามีรายได้...ในตอนนี้ล่ะนะ “ท่านหญิงคะ แย่แล้วค่ะ” เหม่ยเสี้ยวจิ๊ปากเนื่องจากกำลังทำงานส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุดอยู่ และเพราะคนเรียกทำให้งานที่ทำอยู่หลุดมือไปและต้องเริ่มใหม่แต่ต้น “...เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยมาทำก็ได้ ถ้าไม่คอขาดบาดตายจริงๆพวกเขาคงไม่ขึ้นมาเรียก” ได้แต่พูดปลอบตัวเองให้อารมณ์เย็น จริงๆเงินที่เอาไปเช่าที่ดินได้ ก็มาจากค่าต้นฉบับที่ส่งพระเจ้าไปนั่นล่ะ ขอบคุณงานประจำ ‘นักเขียน’ จริงๆ “ว่าอย่างไร จูเจิน?” ที่น่าแปลกใจกว่านั้น คือคนที่ไม่เคยมาเรียกเธอเลยตั้งแต่ทำงาน กลับเป็นคนมาเรียก เหม่ยเสี้ยวรีบเดินนำลงบันไดขณะที่จูเจินรายงาน สรุปก็คือ มีชนชั้นสูงกลุ่มใหญ่มายืนอยู่หน้าร้านและขอให้ปิดร้านให้บริการเพียงพวกเขาในวันนี้ ก็เหมือนกับต้องการจะเหมาร้านนั่นล่ะ แต่ตอนนี้มีแขกในร้านด้วย เลยลำบากหากจะไล่พวกเขาออกไป และพวกชนชั้นสูงก็ไม่ยอมท่าเดียว “ไปเรียกเจ้าของร้านมาเสียที มานั่งถกเถียงเช่นนี้ก็เปล่าประโยชน์” เสียงแหลมๆฟังดูเหมือนกำลังไม่พอใจพูดขึ้น เหม่ยเสี้ยวปรี่ออกไปหน้าร้านก่อนจะให้คนอื่นๆเข้าร้านไปก่อน แล้วเริ่มพูดคุย “ข้าน้อยเหม่ยเสี้ยวเจ้าของร้านชายาสวรรค์ มีเหตุอันใดให้ข้าน้อยรับใช้เจ้าคะ” เหม่ยเสี้ยวคารวะพวกเขาอย่างสวยงาม ก่อนที่คนข้างๆหญิงชนชั้นสูงคนนั้นจะกระซิบกระซาบ “นางคนนี้ล่ะเจ้าค่ะคุณหนู ที่สอบผ่านหมอโดยไม่รู้หนังสือ” เหม่ยเสี้ยวได้ยินเหมือนกัน แต่ก็ยังคงก้มหัวให้นางอย่างนั้นจนกว่านางจะพูดต่อ “วันนี้วันเกิดข้า และข้าต้องการจะเลี้ยงฉลอง โรงเตี๊ยมไหนๆก็อยากให้ข้าไปจัดงานที่นั่นทั้งนั้น เพราะมันหมายถึงชื่อเสียงและเงินทอง แต่เจ้ากลับจะรับรองพวกขี้ข้าเหล่านั้น แทนที่จะรับรองข้างั้นรึ” เหม่ยเสี้ยวตาวาว.... ยัยเด็กนี่ ไม่มีสัมมาคารวะ อวดอ้างเบ่งตัวเองข่มคนอื่น นิสัยชนชั้นสูงนี่มันจะเสียไปถึงขั้วสันดานกันทุกคนรึยังไงกันนะ ...แต่ก็บ่นได้แค่ในใจ “ทางร้านเรามิได้และมิเคยคิดเลือกปฏิบัติว่าจะรับรองหรือไม่รับรองผู้ใดเจ้าค่ะ และโดยปกติแล้วหากต้องการจะใช้พื้นที่ร้าน สามารถใช้ได้...เพียงแต่ต้องบอกล่วงหน้าครึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ หากคุณหนูไม่ได้ส่งม้าเร็วมาจองทางเราก็คงจะไปไล่ลูกค้าให้ไม่ได้” “นั่นล่ะ นั่นก็หมายความว่าเจ้าไม่ต้องการรับรองข้า เหอะ...ก็แค่ชนชั้นต่ำ ร้านชนชั้นต่ำเช่นนี้ตัวข้าก็ไม่ได้ต้องการนักหรอก” หญิงสาวยังคงพร่ำพูดคำเดิมๆ ...ต่ำ? ขี้ข้า? มีคำใหม่ๆมาเหยียดคนอื่นอีกมั้ยยัยหนู “ข้าขออภัยคุณหนู เพราะข้าไม่รู้หนังสือจึงเป็นเหตุให้คุยกับคุณหนูไม่รู้เรื่อง ฉะนั้นขอให้คุณหนูอ่านกฎระเบียบของร้านเถิดเจ้าค่ะ ข้อนี้คู่ค้าของข้าเป็นผู้เขียนให้เป็นลายลักษณ์อักษรเลย” เหม่ยเสี้ยวยื่นข้อกฎของร้านที่เตรียมไว้รับมือกับคนเช่นนี้ ซึ่งเธอวานให้ฟางอ๋องเขียนให้ นอกจากเขาจะเขียนให้ตามที่เธอต้องการทุกข้อแล้ว เขายังแถมตราประทับที่ดูยังไงก็ใหญ่สุดๆลงไปบนกระดาษทุกๆแผ่นอีก... แค่คิดเหม่ยเสี้ยวก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “อึก...อะ .... อะไรกัน” หญิงสาวชนชั้นสูงที่มั่นใจว่าตัวเองแบ็คดีสุดๆแล้ว กำลังสะอึกเมื่อเห็นตราประทับบนหนังสือกฏของร้านซึ่งบ่งบอกว่า แบ็คของร้านนี้ดีกว่าของตัวนางสัก100เท่า ไม่สิ 1000เท่าเลยต่างหาก “ถ้าเช่นนั้นหากคุณหนูยังพอใจที่จะจัดงานที่ร้านของเรา ...ก็ขอให้บอกแก่พนักงานและรอการเตรียมการครึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ” เหม่ยเสี้ยวพูด ก่อนจะแบมือขอหนังสือกฎคืน .... 3วันต่อมา ตั้งแต่เรื่องราวของหญิงชนชั้นสูงจบไปด้วยดี สิ่งที่หญิงนางนั้นพูดก็เป็นจริง ทั้งเรื่องชื่อเสียงของร้านต่อชนชั้นสูงนั้นเป็นจริง แต่คงเป็นเพราะตราประทับบนหนังสือกฎนั่นแน่ๆที่มีส่วน... พวกชนชั้นสูงจากตอนแรกไม่ยอมต่อคิว ตอนนี้ทุกคนยอมต่อคิวรอ แม้จะโกงอยู่บ้างเพราะส่งคนมาต่อคิวแทน แต่ก็ถือว่าทำตามกฎด้วยดีและไม่สร้างปัญหา และนอกจากนี้ พวกที่เคยจับผิดเธอ ก็ต้องรีบกลับมาและกลับไปแก้ข่าวให้ เนื่องจากกลัวเจ้าของตราประทับ ซึ่งเป็นถึงคู่ค้าของร้านนี้ ตัวเหม่ยเสี้ยวเอง ก็ค่อนข้างยุ่งเพราะพวกเขาขยันสั่งชาสมุนไพรกันยกใหญ่ เวลาส่วนตัวของเธอก็หมดไปกับการไปเก็บเกี่ยวน้ำผึ้งและวิจัยสินค้าใหม่ พิมเสน และสุดท้ายก็ทำออกมาได้แม้จะยังน้อยอยู่ก็ตามที เพราะเธอไปหาพิมเสนมาทั่วป่า ในที่สุดก็เจอหญ้าที่มีสรรพคุณแบบพิมเสนเป๊ะๆ ชื่อหญ้าพิมเสน... ในตอนแรกคือสะดุดตาเลย เพราะชื่อคือ พิมเสนเลยตรงๆตัว เหมือนที่โลกก่อน แต่จริงๆกลับต้องเอามากลั่นและผ่านหลายกระบวนการ เนื่องจากมันมาเป็นซีกใบแห้งๆ เป็นเหมือนหญ้าตายไปแล้วเธอเลยมองผ่านมาตลอด ทั้งๆที่มันมีจำนวนเยอะพอสมควรในป่าแถบนี้ พอเอามารวมกันกับน้ำมันมินต์ก็กลายเป็นยาดมอย่างที่เธอต้องการ ตอนนี้เธอก็ได้ขวดแบบลูกกลิ้งไม้มาแล้วด้วย เลยลองใส่เข้าไป เนื่องจากปราณมิติสามารถย้ายลูกกลิ้งไม้เล็กๆเข้าไปในคอขวดที่เตรียมไว้แล้ว เลยทำได้ หากเป็นคนธรรมดาคงทำไม่ได้ โลกนี้ใช้ปราณในเรื่องชีวิตประจำวันกันอยู่บ้าง ทั้งๆที่คิดว่าคนมีปราณถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารหมด แต่จริงๆก็เฉพาะคนที่แกร่งพอจะใช้ปราณทำร้ายคนได้ แต่ขั้นแรกอย่างของเธอนั้นแทบไม่มีผลอะไร แต่ก็ช่วยได้มากในชีวิตประจำวัน อย่างจำนวนช่างฝีมือทั้งหลายนั้น ก็ใช้ปราณในการทำงานเช่นกัน พวกเขาจึงสามารถทำตามแบบที่เธอสั่งได้อย่างง่ายดาย เหม่ยเสี้ยวเดินลงไปดูแปลงทดลองปลูกลิ่วหุย(ว่านหางจรเข้) ซึ่งอยู่ด้านหลังห้องน้ำไป เนื่องจากกลัวว่าจะมีคนได้รับอันตราย เธอเพิ่งจะปลูกได้1อาทิตย์แต่มันสูงได้ครึ่งนึงของต้นโตเต็มที่ ที่เคยเห็นแล้ว คิดว่าไม่ถึงเดือนคงโตเต็มที่ ถือเป็นพืชโตเร็วจริงๆ “ท่านหญิงเจ้าคะ คนตระกูลยู่เรียกหาเจ้าค่ะ” เหม่ยเสี้ยวหลุดจากความคิดตัวเอง ก่อนจะเห็นว่าจีเลิ่นโผล่หน้ามาที่หลังห้องน้ำ ซึ่งมีกลิ่นพอสมควรแล้ว เพราะเหม่ยเสี้ยวปราณยังไม่แกร่งพอจะเชื่อมมิติย้ายปฏิกูลไปกลางป่าอย่างที่คิดไว้ “เดี๋ยวตามไป” เหม่ยเสี้ยวตอบรับ ก่อนจะเดินตามไปตามที่บอก พอไปถึงด้านหน้าร้านก็พบว่าฮูหยินและคุณชายตระกูลยู่มาแล้ วพวกเขานั่งรออยู่ที่โต๊ะตัวเดิม โต๊ะ4 “คารวะคุณชายยู่ ฮูหยินยู่” เหม่ยเสี้ยวถือวิสาสะนั่งลงข้างๆฮูหยินยู่ที่พวกเขาเว้นว่างไว้ ก่อนจะหยิบขวดพิมเสนลูกกลิ้งไว้ที่ตัวเองเตรียมไว้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ เป็นขวดเล็กๆเท่าหลอดยาดมเท่านั้น เป็นที่ตื่นตาของทุกคนมากๆที่เห็นขวดเล็กๆที่มีไม้กลมๆคั่นอยู่ปากขวด ซึ่งก็คือขวดลูกกลิ้งในโลกนี้นั่นล่ะ “สิ่งนี้เรียกว่าพิมเสน คล้ายๆกับน้ำมันหอมที่ข้าขายอยู่ เพียงแต่มีสรรพคุณช่วยยับยั้งการวิงเวียน มีฤทธิ์แก้ปวดหัวอ่อนๆ และช่วยให้หายใจโล่ง เวลาเป็นหวัดก็ใช้ได้เจ้าค่ะ” เหม่ยเสี้ยวไม่ได้บอกว่าป้องกันโรคทางเดินหายใจด้วย เพราะรู้ว่าคนที่นี่ไม่รู้จักโรคอะไรพวกนั้นหรอก “โห สรรพคุณเยอะเชียว สมแล้วที่เป็นหมอสมุนไพรอันดับหนึ่งของเมืองตอนนี้” เพราะพอพวกหมอยอมรับเหม่ยเสี้ยว เพราะตราประทับแบ็คฟางอ๋องของเธอ พวกเขาก็เกิดยอมรับตัวเธอขึ้นมาดื้อๆ ... ไม่อยากจะคิดเลยว่าอำนาจอ๋องเขียวนั้นมีมากแค่ไหนกันแน่ “ข่าวลือนั้นก็เกินไป มีหมอหลายท่านเก่งกว่าตัวข้าเยอะเจ้าค่ะ ข้าเพียงรู้เรื่องสมุนไพรเท่านั้นเอง” เหม่ยเสี้ยวถ่อมตัว “ส่วนวิธีการใช้ขวดนี้” เหม่ยเสี้ยวขออนุญาตขอยืมข้อมือของฮูหยินยู่มา ก่อนจะถูลูกกลิ้งลงไปที่ข้อมือนาง “โอ้ สะดวกดีจริงๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะทำหกอีกด้วย” ฮูหยินค่อนข้างพอใจ เพราะเพียงแค่กลิ่นที่ลอยมาตามลมก็ทำให้นางสดชื่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “ต่อไปข้าน้อยก็ว่าจะใช้ขวดนี้กับน้ำมันหอมทุกชนิดเช่นกันเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ขวดนี้ยังทำยากเกินไป” เหม่ยเสี้ยวหน้าเสียนิดๆ ไม่อยากจะบอกเลยว่ากว่าจะทำได้ต้องลำบากแค่ไหน เพราะช่างแก้วนั้นหายากอย่างมาก และพวกเขาก็โผล่มาแค่แว็บๆตามขบวนพ่อค้าเร่ที่เพิ่งผ่านไปเท่านั้น “ลำบากท่านแล้ว ท่านจะคิดเงินเท่าไหร่ว่ามาเลย สำหรับของล้ำค่านี้” ฮูหยินยู่อารมณ์ดีขึ้นมา ทำให้ยู่ตงหยวนเกิดอารมณ์ดีตามๆกันไป ตั้งแต่นางตั้งครรภ์ก็แทบไม่ยิ้มเลยจึงเป็นห่วงตลอดมา “จริงๆข้ายังไม่ได้คิดราคา...” เหม่ยเสี้ยวหน้าเสียนิดๆ ต้องบอกว่าการทำพิมเสนเนี่ย ลำบากพอตัวเลย เลยคิดว่าอาจจะต้องขายแพงหน่อย “คือว่า...ข้าอยากทราบราคาเกลือ พอจะมีใครทราบบ้าง” เหม่ยเสี้ยวยิ้มขึ้นมาเมื่อคิดได้ ว่าจะคิดราคาพิมเสนยังไงดี ในโลกของเธอ มีสำนวนที่ว่า อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เลยคิดว่าน่าจะตีราคาได้จากตรงนี้...(เหรอ) “เกลือรึ? เจ้าหมายถึงหินเกลือรึ อืม....หินเกลือนั้นเป็นขยะดีดีนี่เอง ” ยู่ตงหยวนไม่เข้าใจนักที่นางถามถึงหินเกลือ “เอ๋?” เอ๋ ที่นี่ไม่มีเกลือหรอกเหรอ แต่เธอก็ซื้อเกลือจากพ่อค้านี่นา ไม่สิ? หรือว่าเรียกอย่างอื่น “หมายถึง เครื่องปรุงรสเค็มเจ้าค่ะ” เหม่ยเสี้ยวรีบอธิบาย เธอเคยเห็นสิ่งที่ชื่อหินเกลือเหมือนกัน มันเป็นของมีพิษมนุษย์กินไม่ได้เลยเข้าใจที่เขาสงสัย “อ้อ ผ***วรึ ผ***วนั้นราคา50เงิน ต่อ1จิน เจ้าต้องการแลกกับผ***วรึ” เหม่ยเสี้ยวนึกสงสัย ว่าทำไมในระบบวิเคราะห์ถึงบอกว่า ผ***วของพวกเขาคือเกลือ หรือเป็นเพราะเธอคิดว่าเป็นเกลือ ก่อนที่จะได้สกิลมางั้นเหรอ? “มิใช่เจ้าค่ะ จากที่ข้าจากมานั้นมีสำนวนที่ว่าอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับผ***วอยู่เจ้าค่ะ นั่นแปลว่าพิมเสนมีค่ามากกว่าผงขาว อย่างต่ำก็3เท่า” เหม่ยเสี้ยวยกนิ้วขึ้น “แต่แน่นอนว่าตัวข้าเป็นแม่ค้า 3เท่านั้นคือราคาที่ยังไม่รวมค่าขนส่ง ค่าบริหารจัดการร้าน ดังนั้นข้าคิดว่า ...” เหม่ยเสี้ยวทำเป็นนับนิ้ว สองสามีภรรยาตระกูลยู่ได้แต่กลืนน้ำลาย รออย่างวิตก ลำพัง50เงินต่อขวดก็ว่าเยอะแล้ว นี่3เท่ายังไม่พอ นางยังจะคิดมากกว่านี้อีกรึ “5เท่าเจ้าค่ะ” เหม่ยเสี้ยวชูห้านิ้ว ก่อนจะเอียงคอยิ้มให้พวกเขาอีกครั้ง “2ทอง 50เงิน นะ...นี่มัน...พอๆกับค่าใช้จ่ายของจวนทั้งเดือนเลยนะเจ้าคะ” ทางด้านฮูหยินยู่ถึงกับรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาอีกครั้งเลยเชียว เหม่ยเสี้ยวได้แต่ประครอบนางไว้ “ขออภัยเจ้าค่ะคุณชายยู่ สงสัยข้าจะทำไม่ดีไปเสียแล้ว” เหม่ยเสี้ยวรู้สึกโทษตัวเองที่ทำให้ฮูหยินยู่เป็นลมไป ไม่คิดว่าพวกเขาเป็นเพียงขุนนางชั้นไม่สูงนี่นา เห็นดูมีสง่าราศี เลยคิดว่าน่าจะมีเงินพอสมควร อีกอย่าง...เกลือของที่นี่มันแพงเกินไปแล้ว ดังนั้นราคาที่ว่าเหม่ยเสี้ยวแค่ลองประมวลดู แต่ไม่ได้ตั้งใจจะตั้งราคานั้นหรอก “ไม่เป็นไรหรอก ข้ารู้ว่าเจ้าเพียงลองตั้งราคาจากเหตุและผล แต่ยังไม่เบ็ดเสร็จ” เหม่ยเสี้ยวนึกแปลกใจที่ชายหนุ่มตรงหน้าเหมือนจะเข้าใจเธอ ก่อนจะยิ้มให้เขาพร้อมกับพยักหน้า “ข้าคิดว่าตั้งใจจะขายที่ 1ทองเจ้าค่ะ แต่เพราะข้าทำให้ฮูหยินเป็นลมไป ข้าคิดเพียง80เงินพอ ” เหม่ยเสี้ยวที่คืนหน้าที่ประครองฮูหยินให้สามีไปแล้วหันมาเจรจาเงินต่อ “ขอบคุณขอรับ ท่านสมคำล่ำลือจริงๆ” เหม่ยเสี้ยวยิ้มให้น้อยๆ ไม่ค่อยแน่ใจว่า ‘สมคำล่ำลือนั้น’ เป็นในทางที่ดีหรือไม่ แต่ก็พอใจที่ลูกค้ายอมจ่ายเงินแต่โดยดี ต่อไปคงต้องลองเลียบๆเคียงๆถามเงินที่ลูกค้าเตรียมมา ก่อนจะทำอะไรแล้วสิ “อย่าเพิ่งไปเจ้าค่ะ นี่เป็นยาบำรุงครรภ์ ข้าเผอิญไปเจอในป่าเลยเก็บมาเผื่อ นำไปสอบถามจากหมอก่อนก็ได้เจ้าค่ะ” เหม่ยเสี้ยววิ่งตามพวกเขาไปที่รถม้า พร้อมกับถุงสมุนไพรขนาดใหญ่ “ผลไม้นี้ทานเนื้อทิ้งเมล็ด ใบต้มเป็นชาทานแทนชาปกติ แก่นบดผสมอาหาร ...หากต้องการทานชาแนะนำมาทานที่ร้านนะเจ้าคะ จะจัดชาบำรุงกำลังให้ท่านด้วย” “ขอบคุณท่านหญิงเหม่ยเสี้ยว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD