บทที่ 3
หลังจากเลิกเรียนฉันก็ออกมารอรถที่ป้ายรถเมล์หน้ามหา’ลัยเช่นทุกวัน วันนี้ฉันมีงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟตอนสองทุ่ม ซึ่งก็ถือว่าฉันยังพอมีเวลาให้กับตัวเองพอสมควรก่อนที่จะต้องเข้าสู่โหมดหาเงิน
ผ่านไปมากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วก็ไม่มีวี่แววว่ารถประจำทางที่ผ่านหอพักของฉันจะเทียบท่า ชะเง้อก็แล้ว นั่งรอก็แล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีรถผ่านมาเลยสักคัน
แต่ทว่าในจังหวะนั้น...
ปรี๊ด!
“อ๊ะ...”ฉันสะดุ้งและร้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงบีบแตรจากรถยนต์คันหรูที่จอดเทียบข้างฟุตพาทตรงหน้าของฉัน
คนอะไร เสียมารยาทที่สุด!
พอฉันหันหนีไม่สนใจอีกฝ่ายก็ลงกระจกลงทำให้ฉันสามารถมองเห็นใบหน้าของคนไร้มารยาทได้อย่างชัดเจน
“คุณ...เอ๊ย! พี่ไมเนอร์...”
ใช่...เขาคือพี่ไมเนอร์จริง ๆ พี่ไมเนอร์ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของฉันเอาไว้ยังไงล่ะ
“ขึ้นรถสิ เดี๋ยวไปส่ง”
“คุณ...พี่มาได้ยังไงคะ”ฉันมองหน้าเขาอึ้ง ๆ แถมยังตกใจที่เขาสวมเสื้อช็อปที่บ่งบอกว่าเป็นชุดประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์มอเดียวกับฉันอีกต่างหาก
“ขึ้นมา”เขาออกเสียงดุพร้อมกับสายตาที่กดมอง ทำให้ฉันจำยอมขึ้นรถไปตามคำสั่งของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ ฉันบอกว่าให้เรียกฉันว่าพี่ไม่เข้าใจไงวะ”
เมื่อฉันนั่งเรียบร้อยแล้วเขาถามขึ้นเสียงดุและมองฉันตาเขม็งอย่างเอาเรื่อง
“ก็...”ฉันกำลังเอ่ยแก้ตัว แต่เขากลับพูดแทรกขึ้นก่อน
“ไม่ต้องเลย แล้วที่ฉันให้เบอร์เธอไปน่ะไม่ใช่ให้เก็บไว้บูชานะ ทำไมไม่โทรมาวะ บุญคุณน่ะลืมแล้วใช่มั้ย”
“มะ...ไม่ใช่นะคะ ไม่ได้ลืมค่ะ ฉันแค่ไม่กล้าโทรหาคุณ”ฉันเอ่ยเสียงเบาและหลบสายตาลงเมื่อเห็นว่าเขากำลังจดจ้องมองมาที่ฉันราวกับกำลังเค้นหาความจริง
นี่ฉันแค่ไม่ได้โทรหาเขาเองนะเนี่ย ทำไมถึงต้องดุกันขนาดนี้ด้วยนะ
“เธอนี่...บอกกี่รอบแล้ววะให้เรียกฉันว่าพี่ ลองเรียกซิ พี่ไมเนอร์”
“พะ...พี่...พี่ไมเนอร์”ฉันเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนข้างกาย
“ดีมาก เรียกฉันว่าพี่แล้วแทนตัวเองด้วยหอมนะ เข้าใจมั้ย”ฉันอึ้งกับคำพูดของเขา อะไรของเขานี่เราสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ
แล้วนี่เขารู้จักชื่อฉันได้ยังไง?
“เข้าใจมั้ยเนี่ยหอม”
“ขะ...เข้าใจค่ะพี่ไมเนอร์ หอมเข้าใจแล้ว”
“ดี แบบนี้สิถึงจะน่ารักหน่อย”
อะไรนะ...น่ารัก?
เมื่อกี้เขาบอกว่าฉันน่ารักใช่หรือเปล่า ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?
ทำไมล่ะ...ทำไมหัวใจของฉันถึงเต้นแรงขึ้นเมื่อเขาพูดคำคำนั้น แถมสายตาและรอยยิ้มที่ส่งผ่านมากลับยิ่งทำให้ฉันหลอมละลายจนทำตัวไม่ถูกอยู่แล้ว
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง หอพักที่เดิมใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“คาดเข็มขัดด้วย”พูดจบเขาก็ออกรถไปทันที
แต่รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้าของเขา หนำซ้ำตัวฉันเองก็ไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้เลยสักนิด
ช่วยด้วย…ฉันหลงคนหล่อเข้าแล้วล่ะทุกคน!
“ขอบคุณมากนะคะที่มากส่ง” ฉันยกมือไหว้พี่ไมเนอร์เมื่อเขาขับเจ้ามาจอดที่หน้าตึกหอพักของฉันเรียบร้อย หลังจากนั้นฉันก็หมุนตัวหวังจะเดินลงจากรถไป แต่ก็ถูกมือหนาคว้าเอาไว้เสียก่อน
หมับ!
“ปวดฉี่”
ฉันเอียงคอมองทำหน้าไม่เชื่อกับคำพูดของเขา เหอะมุขแบบนี้เคยเห็นแต่ในละคร ไม่คิดว่าจะเจอในชีวิตจริงนะเนี่ย
“ขับรถไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงคอนโดพี่แล้วค่ะ” ฉันตอบอย่างรู้ทัน
“หิวน้ำ”
นั่นไง...มาอีกมุก!
“หอมควรจะเปิดห้องไว้ใจให้พี่ขึ้นมาใช่ไหมคะเนี่ย”
“เออว่ะ เธอเข้าไปเถอะ ดีแล้วที่ไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ ผู้หญิงอยู่คนเดียวต้องระวังนะรู้ไหม คนสมัยนี้มันไว้ใจไม่ได้”
“นี่รวมตัวพี่หรือเปล่าคะเนี่ย” ฉันเอ่ยปนเสียงขำเมื่อเห็นว่าเขาทำหน้าจริงจังอย่างที่พูดเอาไว้จริง ๆ
ความจริงแล้วฉันไม่ได้ไม่ใจเขาหรอก เพราะถ้าหากเขาจะทำอะไรฉันจริง ๆ วันที่ฉันนอนอยู่บนเตียงในคอนโดของเขาฉันคงป่นปี้ไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว
“คำพูดคำจา เดี๋ยวเถอะ!”
“คิก ๆ เข้ามาไหมคะ มาดื่มน้ำก่อนก็ได้ ถือว่าซะว่าเป็นคำขอบคุณที่พี่ขับรถมาส่งหอมนะคะ”
“ฮะ?” พี่ไมเนอร์มองฉันด้วยความตกใจ แต่ไม่นานเขาก็ปรับสีหน้าให้ปกติเมื่อเห็นว่าฉันยังคงผายมือให้เขาเดินตามฉันเข้าไปอย่างที่พูด
“พี่คงไม่ทำอะไรหอมหรอกใช่ไหม หอมไว้ใจพี่ พี่เป็นผู้มีพระคุณของหอม”
“เฮ้อ...อย่าไว้ใจฉันนักเลย ฉันก็ผู้ชายคนหนึ่งนะ”
“เอ้า สรุปแล้วพี่เป็นคนดีหรือคนไม่ดีกันแน่เนี่ย”
“ช่างเถอะ ขอกินน้ำหน่อยแล้วกัน อยากได้รับคำขอบคุณอยู่พอดี สัญญาเลยว่าฉันจะไม่ทำอะไรเธอ”
พี่ไมเนอร์ตัดบทอย่างนึกรำคาญเมื่อเรายังไงหาจุดลงตัวไม่ได้ เขาดับเครื่องยนต์และลงจากรถเดินตามเข้าไปเข้าในตัวหอพักที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเหล่านักศึกษาชายหญิง เนื่องจากช่วงนี้เป็นเวลาเลิกเรียนพอดี
“ห้องเธอน่ารักดีนะ เล็กไปหน่อยแต่มันน่าอยู่มากเลยล่ะ” เขาพูดขึ้นหลังจากเดินตามฉันเข้ามาในก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะหนังสือ “แล้วนี่อยู่คนเดียวเหรอ”
“ค่ะ หอมอยู่คนเดียว” พอได้ยินคำตอบจากฉันสีหน้าของพี่ไมเนอร์ก็เปลี่ยนไปจนกระทั่งเขาเอ่ยถามต่อ
“พ่อแม่ล่ะ”
“พ่อกับแม่ของหอมเสียแล้วค่ะ หอมโตมากับลุงกับป้า พอเรียนจบมัธยมหอมก็ย้ายมาอยู่ที่หอคนเดียวเพราะลุงกับป้าไม่ค่อยชอบขี้หน้าหอมเท่าไหร่” ฉันเอ่ยยิ้ม ๆ ทั้งที่ในใจแล้วกลับแตกสลายเมื่อนึกถึงมัน
ฐานะทางบ้านฉันปลายกลาง แต่พอพ่อกับแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุก็ทำให้ชีวิตของฉันแปรผันไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ลุงกับป้ารับฉันมาอยู่ด้วย ไม่สิ...เรียกว่ารับฉันมาเป็นคนใช้คนหนึ่งเลยดีกว่า ข้าวปลาก็ได้กินแค่วันละสองมือ ต้องทำงานบ้านทุกอย่าง ทั้งยังต้องช่วยลุงกับป้าขายอาหารตามสั่งที่แม้แต่เศษเงินก็ไม่เคยตกถึงมือฉันเลยสักบาท
พอฉันเรียนจบมัธยมฉันเลยตัดสินใจว่าจะตั้งตัวและออกมาอยู่คนเดียว จะไม่รบกวนลุงกับป้าอีก ซึ่งแน่นอนว่าสองคนนั้นยินดีแถมยังผลักไสไล่ส่งฉันเหมือนหมูเหมือนหมา คงจะเป็นเหตุการณ์เหล่านี้แหละมั้งที่ทำให้ฉันเอาแต่ทำงานงก ๆ เพราะหวังว่าเงินจาก้ำพักน้ำแรงจะสามารถเปลี่ยนชีวิตของฉันให้ดีขึ้นได้
“แล้วเธอ...ไม่มีแฟนเหรอ”
“ไม่มีค่ะ” ฉันส่ายหน้าน้อย ๆ กับคำถามของเขา
“แล้วไม่คิดจะมีบ้างเหรอ”
“หอมคิดแต่เรื่องเรียนและเรื่องงาน วัน ๆ ก็ทำแต่งานจะหาแฟนที่ไหนล่ะคะ นี่เพื่อนหอมยังแซวเลยว่าให้หาเสี่ยเลี้ยงสักคนจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก สงสัยเพื่อนคงสงสารน่ะค่ะเพราะเวลานอนแทบไม่มี” ฉันหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดของเพื่อนสนิท
แต่ทว่าประโยคที่พี่ไมเนอร์เอ่ยถัดมากลับทำให้ฉันชะงักและแน่นิ่งไปทันที
“งั้นมาให้พี่เลี้ยงดูไหม มาเป็นแฟนพี่สิ คบกับพี่ พี่ว่าพี่ชอบหอมเข้าแล้วว่ะ!”
อะ...อะไรนะ?
“พี่...”
“ขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ แต่พี่ว่าพี่รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ”
“พี่ไม...”
“หอมไม่ต้องให้คำตอบพี่ตอนนี้ก็ได้ กลับไปคิดดูก่อน ส่วนเรื่องดูแลพี่ไม่ได้จะเอาเงินฟาดหัวหรอกนะ แต่ถ้าหอมมาเป็นแฟนพี่ พี่เองก็จะดูแลหอมทุกอย่าง พี่ไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงของพี่ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยหรอกนะ”
ฉันอ้าปากกว้างตกตะลึงกับคำพูดของเขา ร่างสูงเดินตรงมาหาฉันอย่างรวดเร็ว ขณะที่มือทั้งสองข้างก็จับที่ไหล่ของฉันเอาไว้แน่น
“ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องกลัว พี่แค่ไม่อยากโกหดความรู้สึกตัวเอง ถึงแม้ว่าเราจะเพิ่งเจอกัน แต่พี่ก็รู้สึกได้ว่าพี่ชอบหอม”
“พี่ไม...”
“ค่อยมาให้คำตอบก็ได้ หรือหอมจะปฏิเสธก็ได้ พี่เคารพการตัดสินใจของหอมทุกอย่าง”
“หอม...” ตอนนี้ฉันกำลังสับสนและมึนงงไปหมด
นี่พี่ไมเนอร์บอกชอบฉันอย่างนั้นเหรอ?
เขาบอกชอบฉันแถมยังขอฉันเป็นแฟนอีกด้วย!
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบร้อน แต่ระหว่างที่หอมกำลังหาคำตอบพี่ขอมารับมาส่งหอมในฐานะคนที่กำลังจีบได้ไหม”
“จีบ...”
ตอนนี้ฉันว่าสติของฉันกำลังเตลิดไปไกลแล้วจริง ๆ ฉันพูดอะไรออกมาไม่ได้เลย มันทั้งตกใจและตะลึงงันไปหมด
“พี่ไปก่อนนะ คืนนี้สองทุ่มโทรมาหาพี่ด้วยนะ พี่จะรอ”
“เดี๋ยวค่ะ...เดี่ยวก่อน”
ก่อนที่พี่ไมเนอร์จะเดินออกไปจากห้องฉันก็รีบคว้าหมับที่ต้นแขนของเขาเอาไว้ได้ทัน ฉันเองก็ไม่แน่ใจหรอก แต่หัวใจของฉันมันเต้นดังมาก มันกำลังร้องประท้วงว่าฉันเองก็รู้สึกบางอย่างกับพี่ไมเนอร์เหมือนกัน
“เราลองคุยกันดูก่อนนะคะ หอมเองก็ชอบพี่เหมือนกัน”