บทที่ 4
หลังจากวันนั้นวันที่พี่ไมเนอร์ขอฉันเป็นแฟนและฉันเองก็ตอบกับเขาไปว่าขอศึกษาดูใจกันไปก่อนที่จะตกลงใช้คำว่าแฟน มันจึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราได้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น พี่ไมเนอร์มารับมาส่งและโทรหาฉันตลอด รวมไปถึงพาไปกินข้าว ไปเที่ยวหรือไปส่งฉันที่ทำงานแถมเวลาทำงานเขาก็จะคอยนั่งเฝ้าอยู่ตลอด
ข่าวของเราสองคนเริ่มเป็นที่สนใจเพราะพี่ไมเนอร์เองก็เป็นหนุ่มฮอตของคณะพอตัว ทั้งสาวในสต็อกและคนที่แอบหมายปองต่างก็อกหันไปยกใหญ่ หนำซ้ำการสนิทสนมกันของฉันกับพี่ไมเนอร์ก็ตกเป็นหัวข้อการสนทนาที่เรียกได้ว่ามีให้ได้ยินตลอดทั้งสัปดาห์กันเลยทีเดียว
“พี่ไมน์คะ หอมเลิกเรียนแล้วนะคะพี่ไมน์อยู่ไหน”
[ พี่จอดรถอยู่หลังตึก ]
“เดี๋ยวหอมเดินไปหานะคะ” พูดจบฉันก็วางสายและเดินตรงไปยังหลังตึกของคณะศิลปกรรมศาสตร์ทันที
ฉันเดินหาอยู่สักพักก็ไม่มีวี่แววของพี่ไมเนอร์เลยสักนิด เอ…ไหนบอกอยู่หลังตึกไงนี่ก็เดินหาจนทั่วแล้วนะ หายไปไหนของเขา
ฉันตัดสินใจหันหลังเพื่อที่จะย้อนไปดูทางเก่า แต่กลับต้องหยุดชะงัก เพราะมีมือของใครคนหนึ่งกำลังปิดตาของฉันอยู่ ทำให้ฉันต้องหยุดเดินและพยายามตั้งสติ
“ทายซิใครเอ่ย” เสียงที่คุ้นหูเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะคลายมือออก
“ตกใจหมดเลยค่ะ”
“เป็นยังไงบ้างวันนี้เหนื่อยมั้ย” พี่ไมน์ถามขึ้นมือวางลงที่หัวของฉันและลูบมันอย่างเอ็นดู
“ไม่เหนื่อยค่ะ” ฉันตอบและยิ้มกว้างให้เขา
“พี่ลืมของไว้ที่คอนโด พี่ขอแวะกลับไปเอาก่อนนะเราค่อยออกไปหาอะไรกินกัน”
“ได้ค่ะ หอมตามใจพี่เลย”
“น่ารัก แล้วเมื่อไหร่พี่จะถูกรักน้า?” คนตัวสูงหัวเราะพลางยีเรือนผมนุ่มของฉันเบา ๆ
แต่นั่นกลับทำให้ฉันตัดสินใจกับตัวเองได้อย่างมั่นใจแล้วว่าวันนี้ฉันควรจะให้คำตอบกับเขาสักที
“พี่ไมน์...หอมได้คำตอบแล้วนะคะ”
“หืม?”
“หอม...หอมก็ชอบพี่ไมน์ค่ะ!” ฉันพูดออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ผิดกับพี่ไมน์ที่เรียบนิ่งไม่แสดงออกสีหน้าและท่าทางใด ๆ เลยสักนิด
“…”
“หอมชอบพี่นะ หอมตกลง หอมตกลงที่จะเป็นแฟน อื้อ!”
ฉันยังพูดไม่จบประโยคร่างของพี่ไมน์ก็ตรงมาที่ฉันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นริมฝีปากได้รูปก็บดคลึงลงมาอย่างหนักหน่วง
ฉันเบิกตากว้างอยากตกใจเพราะมือถูกรุกล้ำเข้ามาในโพรงปาก อีกทั้งในตอนนี้ก้ยังอยู่ในมหาวิทยาลัยที่ถึงแม้จะไม่มีใครผ่านไปมาแต่ฉันก้แอบหวั่นใจอยู่
ฉันดันแผ่นอกแกร่งออก พลางก้มหน้างุดเพื่อหลบเลี่ยงสายตาคมที่กดจ้องมองมาอย่างลึกซึ้ง
นี่ฉันเขินจนตัวจะระเบิดอยู่แล้ว
ใครก็ได้ช่วยที ช่วยเอาพี่ไมน์ออกไปทีเถอะ!
“แปลว่าตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะ ห้ามเปลี่ยนใจนะไม่งั้นพี่จะจูบลงโทษหนัก ๆ เลย”
“พี่ไมน์ก็...”
ฉันเอ่ยแผ่วเบาและก้มหน้าลงดังเดิม ถึงจูบของเขาจะทำให้ฉันตกใจก็เถอะ แต่ฉันกล้าพูดได้เลยว่าจูบของเขามันดีจริง ๆ!
หลายวันผ่านไป
“พี่ไมน์คะ วันนี้หอมต้องทำงานตอนสองทุ่ม พี่ไมน์ไม่ต้องมารับนะคะ”
[ งานอะไร ที่ไหน เลิกกี่โมง ]
“พริตตี้ค่ะ ที่โชว์รูมXX เลิกงานห้าทุ่มค่ะ”
[ ไม่ให้ไปไม่ได้หรอ เดี๋ยวก็แต่งตัวโป๊ เจอผู้ชายเยอะหื่นๆทั้งนั้นแหละ ]
“มันเป็นงานนะคะพี่ไมน์ เดี๋ยวเลิกงานแล้วหอมจะโทรหานะคะ”
[ เห้อ ก็ได้ครับ บาย ]
อ่า...บทสนทนาเมื่อครู่นี้คือฉันกำลังบอกกล่าวกับพี่ไมน์ว่าฉันจะต้องไปทำงานน่ะ และแน่นอนว่าพี่ไมน์ไม่ได้ชอบการทำงานของฉันเลยสักนิด
แต่ก็นะ...ถึงฉันจะเป็นแฟนเขาแล้วแต่ฉันก็ไม่อยากพึ่งพาเขาอย่างเดียวนี่นา แล้วนี่ฉันเองก็รับงานน้อยลงกว่าเดิมไปเยอะมาก ๆ แล้วด้วย
เอาน่า...เดี๋ยวค่อยกลับมาง้อเขาแล้วกัน ขอไปทำงานก่อน!
@ Show Room XX
บรรยากาศภายในงานค่อยข้างเรียบหรูและคนเยอะพอสมควร ส่วนมากแขกที่มาในงานนี้จะเป็นผู้ชายซะส่วนใหญ่ต่างก็พากันรุมถ่ายรูปพวกพริตตี้และยังแอบกอดลวนลามไปอีก...ถ้าพี่ไมน์รู้ว่านะมีหวังฉันได้ตายคามือเขาแน่ ๆ
เสียงเพลงเปิดดังขึ้นเมื่อกิจกรรมภายในงานกำลังเริ่มขึ้นและผู้คนก็ต่างเริ่มให้ความสนใจกับเวทีข้างหน้า ก่อนเปิดงานจะมีพิธีกรสาวสวยขึ้นมาพูดแนะนำเกี่ยวกับภายในงานและมีพวกพริตตี้หลายคนยืนประจำอยู่ที่รถแต่ละคัน
แสงไฟสาดส่องไปยังหน้าเวทีที่ตอนนี้มีเจ้าของงานแลผู้บริหารหลาย ๆ ท่านกำลังยืนพูดคุยและแนะนำข้อมูลเพราะงานนี้จัดขึ้นเพื่อเปิดตัวรถคันใหม่ที่นำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาสูงมาก ในประเทศจะมีแค่ไม่กี่คันเท่านั้น และในงานนี้จะมีทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซด์รุ่นท็อปราคาสูงใครที่สามารถซื้อรถพวกนี้ได้ก็ต้องกระเป๋าหนักหรือไม่ก็รวยจริง ๆ
“เด็ก ๆ ไปประจำที่รถเลยค่ะ เร็ว ๆ กระฉับกระเฉงกันหน่อยจ้ะ” ฉันเดินไปยังรถประจำตำแหน่งของฉันทันที
ฉันเองศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้การทำงานบกพร่อง ถึงแม้จะไม่ได้เก่งมากมายแต่ก็สามารถตอบคำถามได้ดีและถูกต้อง
“ผมอยากรู้ว่ารถคันนี้มันต่างจากรุ่นเก่ายังไงครับ”
“ สวัสดีค่ะ ภายนอกจะออกแบบรูปทรงสปอร์ตดีไซน์คม ไฟหน้าและท้ายจะเหลี่ยมคล้ายเพชรค่ะ ส่วนภายในรถจะกว้างและนั่งได้สบาย สามารถบรรทุกของได้เยอะ ประหยัดน้ำมันค่ะอีกด้วยนะคะ” ฉันอธิบายให้ชายตรงหน้าฟังเขามากับแฟนสาวค่อนข้างดูสนใจคันนี้มากๆ
“พอดีผมอยากซื้อให้ภรรยาผมน่ะครับแต่ผมอยากได้ที่ขับง่ายนั่งสบายและเซฟตี้ดีครับ”
“เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเลยค่ะ นั่งสบายเพราะพื้นที่กว้างและความปลอดภัยดีเยี่ยมมากเลยค่ะ จะมีกล้องหลังคอยส่งสัญญาณเตือนและมีจอภาพถ่ายให้เห็นค่ะ คุณลูกค้าจะลองนั่งดูก็ได้นะคะ” ผายมือและเดินอ้อมไปยังฝั่งตรงข้ามคนขับ
“ขอโทษนะครับ ช่วยแนะนำผมหน่อยได้มั้ยครับ” ในขณะที่ฉันกำลังให้ข้อมูลกับลูกค้าสองสามีภรรยาอยู่ก็มีชายคนหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้น
“ได้ค่ะ ภายนอกจะออกแบบรูปทรงสปอร์ตดีไซน์คม...” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เอ่ยพูดอะไรต่อชายตรงหน้าก็เอ่ยแทรกขึ้น
“คืนนี้ว่างมั้ยครับ หลังเลิกงานไปทานข้าวกันนะครับ” ชายตรงหน้าพูดขึ้นมือข้างหนึ่งก็กุมมาจับที่มือของฉันอยากถือวิสาสะ
“คุณลูกค้าสนใจรุ่นไหนคะ ดิฉันจะได้แนะนำถูก” ฉันเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อนและดึงมือเขาออกอย่างรวดเร็ว
“สนใจคนนี้ครับ สวย น่ารัก”
“เอ่อ...รุ่นนี้จะดีไซน์รูปแบบสปอร์ต มีกล้องหลังและมีจอภาพค่ะและจะส่งสัญญาณเตือน ออกแบบดูดีเรียบหรู พื้นที่ภายในรถกว้างและนั่งสบายค่ะ” ฉันเดินถอยหลังออกมาและพยายามอธิบายลักษณะของรถเพื่อหลีกเลี่ยงประเด็กที่เขาตั้งใจก่อกวนฉันอยู่
“เดี๋ยวสิครับคนสวย ผมแค่...”
“ขอโทษนะครับช่วยแนะนำผมอีกคนได้มั้ยครับ พอดีผมอยากซื้อไว้ใช้สักคัน”
ทว่า...เสียงสวรรค์ช่วยชีวิตของฉันก็ดังขึ้น
แต่เมื่อหันหน้ามองเสียงเข้มนั้นถึงกับเบิกตากว้างตกใจ เพราะเขาไม่ใช่ใครที่ไหน....
“พะ...พี่ไมน์” ฉันเอ่ยเสียงสั่นเมื่อเห็นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนหนุ่มกำลังยืนกอดอกมองฉันด้วยสายตาคาดโทษ
สายตาคมกริบมองไปที่ชายคนนั้นทำให้เขาเดินออกไปหลงเหลือแค่ฉันกับพี่ไมน์ ตอนนี้เขากำลังมองฉันอย่างไม่พอใจสุดขีด และดูเหมือนว่างานกำลังจะเข้าฉันเต็ม ๆ!
“พี่ไมน์มาได้ยังไงคะ” ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาจ้องฉันนิ่ง
“ผมอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับรถคันนี้ครับ ช่วยแนะนำผมหน่อยได้มั้ยครับ” เขาไม่ตอบคำถามแต่เรียกฉันและปลี่ยนสรรพนาม สายตาของเขานิ่งยากที่จะบอกความรู้สึกว่าตอนนี้เขารู้ยังไง
“คะ..คือ ภายนอกจะออกแบบรูปทรงสปอร์ตดีไซน์คมไฟหน้าและท้ายจะเหลี่ยมคล้ายเพชรค่ะ ละ..แล้ว” ฉันพูดตะกุกตะกัก สายตาก็มองเขาไม่เลิก
“พูดต่อสิครับ หน้าผมมีอะไรติดงั้นเหรอ”
“ปะ...เปล่าค่ะ คุณลูกค้าจะลองนั่งดูมั้ยคะ”
“ก็ดีครับ” พูดจบเขาก็เดินไปยังฝั่งคนขับทันที ฉันมองเขาอยู่นอกตัวรถห่างๆ
“ช่วยมาแนะนำผมข้างในรถได้มั้ยครับ”
“อะ...เอ่อ ค่ะ ได้ค่ะ” ฉันเดินไปนั่งฝั่งข้างคนขับทันที ระหว่างในรถมันเงียบมากสายตาของเขามองไปข้างหน้านิ่งมือกำพวงมาลัยแน่นอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ไมน์คะ โกรธอะไรหอมหรือเปล่า” ฉันเอื้อมมือไปจับเขา
“ยังจะถามอีกหรอหอม ที่พี่บอกเคยฟังกันบ้างมั้ย”
“แต่มันเป็นงานนะคะ”
“เลิกงานแล้วมารอพี่ที่หน้าโชว์รูม! เราต้องเคลียร์กันยาวเลยล่ะหอม!”
อึก...ให้ตาย
ทำไมพี่ไมน์ถึงได้น่ากลัวแบบนี้กันนะ!