ยามเว่ย (13:00-14:59 น.) อี้หลันพาลูกชายกินนมและให้นอนบนแคร่ในครัว เพื่อที่นางจะได้มองเห็นเขาในระหว่างที่ซักผ้า ในตอนที่จะเอาผ้าไปตากก็ได้ยินเสียงรถเข็นดังขึ้นที่หน้าบ้าน ไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงของผู้เป็นสามี
“หลันเอ๋อ พี่กลับมาแล้ว” หยางหยางเดินเข้ามาในห้องครัวด้วยใบหน้าเบิกบาน สองมือก็เต็มไปด้วยข้าวของ
“ท่านพี่ซื้อของมาเยอะแยะเลยเจ้าค่ะ” นางยิ้มตอบเขา ก่อนจะยกตะกร้าผ้ามาถือไว้ “ท่านพี่ดูลูกก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าเอาผ้าไปตากสักครู่”
หยางหยางเห็นเช่นนั้นก็รีบเอาของไปตั้งไว้บนแคร่ แล้วเดินมาที่อี้หลัน
“เจ้าดูลูกเถิด เดี๋ยวพี่เอาผ้าไปตากเอง”
“ข้าไปตากเองเจ้าค่ะ ท่านพี่เพิ่งกลับมา ไปนั่งพักก่อนเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้ากลับมาแล้วเราค่อยคุยกัน” นางไม่รอให้เขาไปตอบรับหรือปฏิเสธก็เดินเร็วๆ ไปตากผ้าแล้ว
นางแค่ทำงานในบ้านกับเลี้ยงลูก ไม่เหนื่อยเท่าเขาที่ต้องขึ้นเขาลงห้วย หาเงินเข้าบ้านหรอก
หยางหยางที่เห็นภรรยาตัวน้อยของเขาเดินไปตากผ้าแล้ว เขาก็ไปขนของที่รถเข็นเข้ามาในบ้านอีกรอบ ก่อนจะมานั่งมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่หลับอย่างสบายใจไม่สนผู้ใด
มือน้อยๆ ทั้งสองข้างชูขึ้นเหนือศีรษะ ปากเล็กๆ นั่นก็แย้มออกเหมือนกำลังยิ้ม ไม่รู้ว่าฝันดีอะไรถึงยิ้มเช่นนี้ ในตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นหันไปทางประตูก็เป็นจังหวะเดียวกับอี้หลันเดินผ่านประตูเข้ามา
“เสร็จแล้วหรือ” เขาเอ่ยถาม
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ เหตุใดท่านพี่ถึงซื้อของมาเยอะเช่นนี้เจ้าคะ” ข้าวสารกระสอบใหญ่ เครื่องปรุงชนิดต่างๆ “หมูป่าขายได้ราคาดีหรือเจ้าคะ” นางหันไปถามด้วยความสงสัย มือก็คอยหยิบจับของที่หยางหยางซื้อมาจัดเข้าที่เข้าทาง
“ใช่ๆ พี่กับอาหมิงแบ่งกันแล้วได้ตั้งคนละ 20 ตำลึง” หยางหยางเอ่ยตอบ
อี้หลันที่จัดของเสร็จแล้วก็เดินมานั่งลงข้างๆ หยางหยาง “เยอะมากเจ้าค่ะ” เงิน 20 ตำลึงสำหรับชาวบ้านทั่วไปถือว่าเยอะมากแล้ว ถ้าใช้อย่างประหยัดก็คงอยู่ได้หลายเดือนหรือไม่ก็อาจจะเป็นปีด้วยซ้ำ
“แต่พี่เอาเงินที่ขายหมูป่าไปซื้อพวกข้าวสาว เครื่องปรุง จึงเหลือเพียงเท่านี้ พี่ให้เจ้าเก็บไว้” หยางหยางยื่นเงินส่วนที่เหลือมาตรงหน้าอี้หลัน ปกติเวลาที่เขาหาเงินได้ก็จะมอบให้นางเป็นผู้เก็บ
อี้หลันยื่นมือมาหยิบเงินตรงหน้าที่เหลืออยู่ประมาณ 18 ตำลึงกว่า“ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้วท่านพี่ทานอะไรมาหรือยังเจ้าคะ”
“พี่ซื้อซาลาเปากินแล้ว ซื้อมาฝากเจ้าด้วย”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านพี่นอนพักสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวท่านตื่นแล้วเราค่อยไปที่ลำธารจับปลากกัน” เห็นสีหน้าเขาดูอ่อนเพลียก็อดไม่ได้ที่จะบอกให้เขาพักผ่อน เอาแรงสักหน่อย
“อืม ถ้าเจ้าไม่มีอะไรให้ทำแล้วก็ไปนอนพักด้วยกันเถิด” หยางหยางอุ้มลูกน้อยขึ้นจากแคร่เดินไปทางห้องนอน อี้หลันจึงหยิบที่นอนของลูกน้อยเดินตามไป ก่อนจะวางมันลงบนที่นอนเพื่อให้หยางหยางวางลูกน้อยลงนอน
จะว่าไปนางก็เหนื่อยเหมือนกัน ขอนอนพักเอาแรงสักหน่อยดีกว่า และบ้านหยาง 3 คนพ่อแม่ลูกก็หลับพักผ่อนอยู่ในบ้านหลังน้อย
ผ่านไป 1 ชั่วยาม อี้หลันก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หันมองข้างตัวก็ไม่พบสองพ่อลูกแล้ว สงสัยหยางหยางคงพาลูกออกไปเดินเล่น นางจึงเก็บที่นอนไปล้างหน้าล้างตาและเดินออกไปนอกบ้าน ก็พบว่าสองพ่อลูกกำลังชี้ชวนให้ดูกิ่งไม้ใบหญ้า
“ตื่นแล้วหรือ” หยางหยางที่อุ้มบุตรชายอยู่ หันมาเห็นอี้หลันเดินออกมาจากบ้านพอดี
“เจ้าค่ะ ท่านพี่กับเสี่ยวอี้ตื่นนานแล้วเหรอเจ้าคะ” นางเดินเข้าไปหาสองพ่อลูก
“ไม่นาน ข้ากลัวเสี่ยวอี้จะร้องรบกวนเวลานอนของเจ้า จึงพาเขาออกมาเดินเล่น” เจ้าก้อนซาลาเปาเห็นมารดาก็ดีใจ ดีดขาไปมา ทั้งยังยื่นแขนไปด้านหน้าให้มารดาอุ้ม “สงสัยลูกจะหิวแล้ว เจ้าพาเสี่ยวอี้ไปกินนมก่อนเถิด”
อี้หลันเอื้อมมือไปรับบุตรชาย เพื่อพาเขาเข้าไปในบ้านกินนม “เจ้าค่ะ”
ไม่ถึง 2 เค่อ หยางอี้ก็อิ่มแปล้แล้ว
“ไปจับปลากันเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน” นางเตรียมผ้าไปปูเพื่อนั่งรอแล้ว
“ได้ๆ ข้าต้องเตรียมอะไรไปด้วยหรือไม่”
“ท่านพี่มีเสียมหรืออะไรก็ได้เจ้าคะที่ใช้ขุดดินได้ มีหรือไม่เจ้าคะ”
“มี ให้ข้าเอาไปหรือไม่”
“เอาไปเจ้าค่ะ”
ถึงแม้จะสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้ถามให้มากความ เดินไปหยิบสิ่งของตามที่อี้หลันบอก
สามคนพ่อแม่ลูก เดินมาถึงลำธารหลังบ้าน หยางหยางวางของที่ถือมาลงบนพื้น ก่อนจะเอาผ้ามาปูให้อี้หลันกับหยางอี้ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีร่มเงาของต้นไม้ สองแม่ลูกจะได้ไม่ร้อนเวลานั่งรอเขา และไม่ลืมเอาเบาะนอนของเจ้าก้อนซาลาเปาวางลงไปด้วย
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” อี้หลันเอ่ยขอบคุณก่อนจะนั่งลงบนผ้าปู
“พี่ต้องทำอย่างไรถึงจะจับปลาพวกนี้ได้” หยางหยางมองลงไปในน้ำ เห็นปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายไปมา
อี้หลันมองลงไปในน้ำก่อนจะเอ่ยอธิบายวิธีการจับปลาตามความรู้เดิมที่นางพอจะมี “ท่านพี่ขุดหลุมบริเวณริมลำธารเลยเจ้าค่ะ เลือกทำเลที่คาดว่าปลาน่าจะว่ายผ่านนะเจ้าคะ จากนั้นท่านพี่ก็ไปเอาดินโคลนใต้น้ำ มาลูบมาทาในร่องและหลุมที่ขุดไว้เจ้าค่ะ เมื่อปลามันได้กลิ่นดินโคลน ก็จะตามกลิ่นเข้ามาในหลุมเองเจ้าค่ะ” อี้หลันอธิบายให้หยางหยางฟัง
“ได้” หยางหยางก็ทำตามที่นางบอกทุกอย่าง ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ เหตุใดเมื่อก่อนเขาถึงไม่รู้นะ
“แอ้ แอ้” เสียงเล็กๆ ของเจ้าก้อนซาลาเปาหยางอี้ เรียกความสนใจให้อี้หลันหันไปมอง วันนี้ดูเหมือนลูกน้อยจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“ว่าอย่างไรเจ้าก้อนซาลาเปาน้อยของแม่” นางละความสนใจจากสามีมาพูดคุยกับลูกแทน
“แอ้ แอ้” ลูกชายนางก็ตอบโต้เป็นภาษาของเขา
“แอ้ แอ้” อี้หลันจึงเลียนแบบภาษาของลูกชายเสียเลย
หยางหยางที่ขุดหลุมดักปลาอยู่ เงยหน้าขึ้นมองดูสองแม่ลูกที่พูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม ดูลูกชายเขาสิ ยืดแขน ยืดขาดูสนุกเชียว
ดูจนพอใจแล้วก็หันกลับมาขุดหลุมต่อ เขาขุดไปถึง 5 หลุม เลยทีเดียว
“เจ้าอุ้มลูกมาตรงนี้ทำไมรึ” เขาจัดการเอาดินโคลนมาทาตามหลุมที่ขุดไว้เสร็จแล้ว ก็เห็นอี้หลันอุ้มลูกน้อยมาทางตน
“พาลูกมาเล่นน้ำเจ้าค่ะ” นางตอบเขาด้วยรอยยิ้ม
“น้ำในลำธารเย็น เดี๋ยวเสี่ยวอี้จะป่วยเอาได้”
“แค่เอาขาเขาจุ่มลงน้ำสัก 2-3 ทีก็พอเจ้าค่ะ”
“งั้นส่งเสี่ยวอี้มาเดี๋ยวพี่พาเขาลงน้ำเอง”
อี้หลันไม่ปฏิเสธ ยื่นเจ้าก้อนแป้งให้เขาทันที
“อา อา” หยางอี้หัวเราะชอบใจตอนที่ขาของตนจุ่มลงไปในน้ำ ขาเล็กๆ ดีดไปมา อีกทั้งยังพยายามจะออกจากการจับของบิดาด้วย สงสัยคงอยากลงไปว่ายน้ำ
“แอะ แอะ” ดูสิหันมายิ้มให้อี้หลันที่นั่งเอาห้อยขาลงในน้ำจนเห็นเหงือกแดงๆ แล้ว
“พอแล้วเจ้าค่ะ”
“อืม”
“แอ้!” เกิดการประท้วงเล็กๆ ขึ้น เมื่อหยางหยางจะพาหยางอี้ขึ้นจากน้ำ “แอ้!” เด็กน้อยตีมือเล็กๆ ลงบนมือของบิดาที่จับตนไว้
“วันนี้พอก่อน วันหลังพ่อจะพาเจ้ามาเล่นอีก” หยางหยางอธิบายบุตรชาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคงไม่เข้าใจ
เด็กน้อยรู้สึกไม่พอใจ ชูมือไปทางมารดาให้มาอุ้มตนแทนบิดา เรียกรอยยิ้มจากทั้งคู่ได้ไม่น้อย
“ไปกันเถิดเจ้าคะ”
หยางหยางรู้สึกมึนงงเล็กน้อย ก็ไหนนางบอกว่ามาจับปลาอย่างไรเล่า แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ปลาสักตัวเลยนะ
“แต่พี่ยังจับปลาไม่ได้สักตัวเลย”
“อ๋อ วันพรุ่งท่านพี่ค่อยมาดูเจ้าค่ะ” นางกล่าว
อาว แล้วกับข้าวเย็นนี้ละ หยางหยางคิด
“จริงสิ ท่านพี่เจ้าคะ ท่านไปเก็บผักนั้นให้ข้าหน่อยเจ้าคะ” อี้หลันชีไปยังผักที่ขึ้นอยู่รอบๆ ลำธาร
“มันกินได้หรือ” เขาไม่เคยเห็นใครกินเลย
“ได้สิเจ้าคะ วันนี้ข้าจะทำให้ท่านกินเจ้าคะ”
หยางหยางยังมีข้อสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอีกเช่นเคย ทำเพียงเดินไปเก็บผักตามที่นางบอก จนได้มา 1 กำ อี้หลันก็บอกว่าพอแล้ว พวกเขาทั้งสามจึงเดินกลับบ้านหลังน้อย
กลับถึงบ้านอี้หลันให้หยางหยางเช็ดหน้า เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หยางอี้ ส่วนนางเข้าครัวลงมือทำอาหาร เมนูอาหารวันนี้เป็นข้าวต้ม เนื้อแดดเดียวทอดที่เหลืออยู่ไม่เยอะ และผัดผักบุ้งไฟแดง ถามว่าได้ผักบุ้งมาจากไหนก็ได้มาตอนที่ให้ท่านพี่ไปเก็บให้อย่างไรเล่า
ทำไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย จากนั้นนางก็เข้าไปให้นมเจ้าก้อนแป้ง วันนี้ลูกชายนางคงเพลียไม่น้อย เพราะกินนมไปเพียงนิดเดียวก็หลับเสียแล้ว อี้หลันไม่ไว้ใจที่จะปล่อยให้ลูกนอนคนเดียวในห้อง จึงพาเขามานอนบนแคร่ในครัว ออกมาก็พบว่าหยางหยางยกกับข้าว ถ้วยจาน มาครบแล้ว
“ท่านพี่กินได้หรือไม่เจ้าคะ”
“กินได้”
“ท่านพี่ลองกินผัดผักบุ้งดูสิเจ้าคะ มันคือผักที่ข้าให้ท่านพี่เก็บมากจากลำธารเจ้าค่ะ” อี้หลันคีบผัดผักบุ้งให้กับสามีของตน
“มันกินได้แน่หรือหลันเอ๋อ” เขาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง แต่ครั้งนี้อี้หลันไม่ตอบแต่เลือกที่จะคีบผัดผักบุ้งและนำเข้าปากเคี้ยวแล้วกลืน ให้เขาดู
“เชื่อข้าหรือยังเจ้าคะ”
หยางหยางเห็นเช่นนั้นก็คีบเข้าปากบ้าง “อร่อย” เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผักที่ขึ้นริมลำธารนี้จะกินได้ อีกทั้งยังอร่อยด้วย
“อร่อยก็กินเยอะๆ นะเจ้าคะ” นางคีบทั้งผัก ทั้งเนื้อ วางลงในถ้วยของเขา
“ได้ ขอบใจเจ้ามาก” หยางหยางก็ไม่น้อยหน้าคีบอาหารใส่ถ้วยนางเช่นกัน สองสามีภรรยาสลับกันคีบอาหารให้กันตลอดมื้ออาหารเย็น