เหตุผลของการที่ต้องทำอะไรสักอย่าง
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
“เข้ามาได้” เสียงอันทรงอำนาจลอดผ่านบานประตูบานใหญ่เนื้อไม้แข็งแรง
“ใคร?” เขาถามขึ้นมาทันที เมื่อมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่เดินตามหลังคนสนิทของเขาเข้ามา
“ลูกสาวคุณดวงแขครับคุณชัช” คำตอบของทนายกิตติทำให้ชัชวาลเงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้า ชายหนุ่มมองผ่านแว่นสายตามายังร่างงามของลลนา เขายิ้มมุมปากออกมา ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นถอดแว่นสายตาที่เกะกะรกใบหน้าให้ออกไป
ลีนมองใบหน้าที่หมดจดของเขาแบบไม่วางตา ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาคมของเขาที่จ้องมองมาเหมือนจะให้มันทะลุผ่านเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เธอใส่เอาไว้ ลลนาจับประสานมือของเธอที่เย็นเฉียบเอาไว้แน่น ลมหายใจเริ่มติดขัด นั่งตัวเกร็งไปหมด เธอแอบพ่นลมหายใจที่ประหม่ากับสายตาคมกล้าของคุณชัช
เมื่อสิบห้าชั่วโมงที่ผ่านมา
“ยายลีน จำได้ไหมว่าฉันเลี้ยงหล่อนมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่?” คำถามที่เหมือนไม่ต้องการคำตอบ แต่เล่นเอาคนที่ได้ยินถึงกับหน้าเจื่อนลง
“ฮึ...ก็ตั้งแต่พ่อของแกตายไปไง” คุณดวงแขตอบเสียเอง
“รู้ไหม ว่าฉันลำบากแค่ไหนที่ต้องหาเลี้ยงแก ส่งเสียให้แกเรียนหนังสือหนังหาจนจบเนี่ย” ปากก็ยังทวงบุญคุณไม่เลิก ซึ่งลีนได้ยินประโยคแบบนี้มาเป็นร้อย ๆ รอบ
‘ค่ะ ม. หก กศน.’ ลลนาเถียงนางอยู่ในใจ แต่ตอนนี้เธอก็ได้แต่ยืนก้มหน้า
สายตาแทะโลมของคุณสมภพที่มองมายังหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกติดสามีเก่าของคุณดวงแขที่ตายลงไป เขาส่งสายตากรุ้มกริ่มลับหลังคุณดวงแขอยู่เสมอ สมภพจ้องสบตากับหญิงสาว แต่ลลนาทำเป็นเมินไม่มองเห็น
ในครัวเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
ลลนายังตกใจไม่หาย ที่คุณสมภพเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วใช้ฝ่ามือหนา ๆ ของเขาขย้ำลงไปบนสะโพกกลมมนของเธอ จนลลนาอุทานขึ้นมาเสียงดัง
“ว้าย...”
เพล้ง... เสียงจานที่อยู่ในมือของลลนาหล่นลงไปที่พื้น
คุณดวงแขและสรีนลูกสาวของนางถึงกับเดินเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น คุณสมภพทำหน้าตายเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ก็ยายลีนนะสิ มือไม้อ่อนทำจานหล่นแตกอีกแล้ว ทำอะไรระวังหน่อยสิลูก” เขาหันไปฟ้องภรรยา และทำเป็นหวังดีกับหญิงสาว
คุณดวงแขทำตาขวางขึ้นมาทันที
“ระวังหน่อยสิยายลีน ทุกอย่างที่อยู่ในบ้านนี้ ฉันใช้เงินซื้อมานะยะ ทำอะไรให้มันระวัง ๆ หน่อย จริง ๆ เลย” นางทำเสียงเข้ม
ลลนากัดริมฝีปากขบเม้มเอาไว้แน่น เธอหันไปมองหน้าคุณสมภพที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แล้วเขาก็เดินหนีเลี่ยงออกไปจากในครัว
“คุณแม่ขา... เดือนนี้พี่ลีนทำจานชามแตกไปกี่ใบแล้วคะ” เสียงน้องสาว เอ๊ะ... ไม่ใช่น้องสาวสิ สรีนเป็นลูกของคุณดวงแขกับคุณสมภพ นับแล้วก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวพันกับลลนาเลย
“เออ...นั่นสิ ดีนะสิรินเตือนแม่ ฉันหักค่าขนมแกทั้งอาทิตย์นะยายลีน ดูซิต่อไปแกจะมือไม้อ่อนอีกไหม” นางพูดพลางสะบัดตูดตามสามีและลูกสาวออกไป
ลลนานั่งลง เธอเก็บเศษจานที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น พร้อมกับถอนหายใจออกมาแรง ๆ
‘เมื่อไหร่นะ หนูจะได้ไปพ้นจากบ้านหลังนี้ค่ะคุณพ่อ จริง ๆ ลีนรักบ้านหลังนี้มาก แต่ถ้ามันอยู่แบบนี้ คุณพ่อขา คุณแม่ขา หาทางออกดี ๆ ให้กับลีนด้วยนะคะ’ เธอพูดอยู่ในใจและน้ำตาคลอ
“อะไรนะคะ คุณทนาย” เสียงคุณดวงแขดังลั่น น้ำเสียงสั่นด้วยความตกใจออกมา ทำให้คนที่อยู่ในห้องรับแขกที่ได้ยินหันไปมองด้วยความสนใจ
(“ใช่ครับ คุณฟังไม่ผิดหรอกครับ”) ทนายกิตติสวนน้ำคำขึ้นมาทันที
(“คุณชัชวาลให้ผมแจ้งมาทางคุณดวงแขว่า หากคุณดวงแขไม่จ่ายเงินคืนกับทางเราทั้งต้นทั้งดอกภายในวันนี้ ก็เอาลูกสาวของคุณนายมาขัดดอกก็แล้วกัน”) ทนายกิตติสื่อสารออกไปตามคำพูดของนายจ้างที่บอกเขามาอย่างชัดเจน
“ไม่มีทางหรอก ลูกสาวของฉันอายุยังน้อย” นางพูดปฏิเสธออกไปทันที จ้องมองใบหน้าของลูกสาวทีสามีที แววตาหวั่น ๆ
(“ฮา ๆ ฮา ๆ...”) เสียงทนายกิตติหัวเราะออกมาแบบไม่ไว้หน้า
(“คุณนายดวงแขครับ หกเดือนแล้วนะครับที่คุณนายไม่จ่าย ทางเราไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียวทั้งเงินต้นและทั้งเงินดอก อันที่จริงผมว่านะครับ ข้อเสนอของคุณชัชวาลออกจะดีนะ หรือว่าจะให้ทางเรายึดบ้าน”) ทนายกิตติพูดขู่
“คุณทนายนี่มันจะไม่ใจร้ายใจดำมากไปหน่อยหรือคะ เงินต้นที่ทางเราเอามาแค่สามล้าน แต่ที่คุณเรียกเก็บมามันโหดมาก ๆ...” คุณดวงแขปากสั่นหน้าตาซีดเผือด คุณสมภพและสรีนขยับเข้ามาใกล้ ๆ สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยคำถาม
คุณสมภพพอจะรู้อยู่เป็นเลา ๆ แล้วว่าดวงแขพูดนั้นหมายถึงเรื่องอะไร เขามีสีหน้ากังวลขึ้นมาสายตาจ้องมองภรรยาสบสายตากัน
สาเหตุของเรื่องก็คือ ทั้งเขาและคุณดวงแขได้ไปเล่นพนันที่บ่อนของเสี่ย ทรงชัยและเล่นกันจนหมดตัวที่บ่อน และได้เอาที่บ้านหลังนี้ไปจดจำนองไว้กับชัชวาล เสี่ยใหญ่เจ้าของตลาดและตึกแถวหลายแห่งในย่านการค้าของกรุงเทพฯ และแถวชานเมือง
(“งั้นพวกคุณก็รอหมายศาลละกัน”) กิตติพูดแบบไม่ไยดี
“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว...” คุณดวงแขพูดออกไปด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก
(“ครับ... ว่าไง กระผมรอฟังอยู่”)
“แล้ว...ไอ้ที่ว่า เอาลูกสาวไปขัดดอกนี้ยังไง ฉันจะมีส่วนลดยังไง” คำพูดของแม่ ทำให้สรีนที่นั่งฟังอยู่ใกล้ ๆ ถึงกับยกมือขึ้นมาโบกสะบัดและขยับปากพูดปฏิเสธเบา
“แม่คะ สรีนไม่มีวันยอม” เธอกะพริบตาไล่น้ำตาปริบ ๆ แล้วเริ่มร้องไห้ คุณดวงแขยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากของลูกสาว และทำเสียง
“จุ๊ จุ๊ จุ๊...” ให้เธอหยุดส่งเสียง
(“ก็ไม่มีดอกเบี้ย หากคุณนายหาเงินต้นมาคืนให้กับทางเราได้ก่อนวันที่สามสิบเอ็ดเดือนสิงหาคม”) ทนายกิตติยื่นข้อเสนอตามที่คุณชัชวาลแจ้งเงื่อนไขเอาไว้
เสียงของทนายกิตติที่ดังไม่ใช่เล่น ดังลอดออกมาจนคุณสมภพได้ยิน
“ตกลง” เขาพูดขึ้นเสียงดัง และแย่งมือถือในมือของดวงแขมาพูดเอง
ดวงแขถึงกับจ้องหน้าสามีดวงตาของเธอแทบถลนออกมานอกเบ้า
“คุณสมภพ... แล้วเราจะเอาเงินจากไหน...” ดวงแขโพล่งปากออกไปทันที ฝ่ามือหนา ๆ ของคุณสมภพถูกยกขึ้นมาปิดปากของภรรยาทันทีเช่นกัน แล้วเขาก็แย่งเอาโทรศัพท์จากมือของนางไปถือเอาไว้เสียเอง
“ทางเรารับข้อเสนอครับ” สมภพพูดออกไป แต่ก็ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
(“เฮ้อ... นึกว่าคุณสมภพมักจะหลบอยู่ใต้กระโปรงของเมีย...”) ทนายกิตติพูดเจ็บ
“คุณทนาย...” สมภพเมื่อถูกดูถูกเขาก็ทำเสียงดังขึ้นอีก
(“ตกลงตามนี้นะครับคุณสมภพ อย่าบิดพลิ้ว ให้ลูกสาวของคุณเก็บกระเป๋ารอได้เลย พรุ่งนี้ผมจะไปรับเธอด้วยตัวของผมเอง”)
“ได้ครับ... หากถ้าถึงวันนั้น คุณชัชวาลไม่ได้เงินต้นสามล้านคืน คุณก็มาเอาบ้านหลังนี้ไป” เขาตะเบ็งเสียงใส่โทรศัพท์ ก่อนจะกดวางสาย
สามพ่อแม่ลูกมองหน้ากัน
“นี่มันอะไรกันคะ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แล้วขัดดงขัดดอกอะไร” เด็กสาวขี้โวยวายพูดขึ้นมาทันที พูดได้แค่นั้นสรีนก็ปิดหน้า ร้องไห้โฮ ๆ เสียงดังลั่นไปทั้งบ้าน
ลลนาตกใจกับเสียงโอดครวญและหวีดร้องของน้องสาว รีบวิ่งออกมาดู
“ใครเป็นอะไรคะ” ลีนถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
พ่อแม่ลูกเขากอดกันกลม คุณสมภพและคุณดวงแขหันไปมองใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางของลลนาเป็นตาเดียวกัน คุณดวงแขเริ่มบีบน้ำตาดรามาขึ้นมาทันที ก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้โฮ ๆ ตามลูกสาวไปอีกคน
ลลนาตกใจกับสิ่งที่เธอได้เห็น นี่คงเป็นครั้งแรกมั้งที่เธอได้เห็นความอ่อนแอ และท่าทางของทั้งสามคนที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในขณะนี้
“คุณแม่คะ มีใครจะบอกลีนได้บ้าง ว่าเกิดอะไรขึ้น” ลลนาถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
“ยายลีน จำได้ไหมว่าฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่?” คำถามที่เหมือนไม่ต้องการคำตอบ แต่เล่นเอาคนที่ได้ยินถึงกับหน้าเสีย
“คุณพ่อเสียตั้งแต่ลีนอายุได้แค่เจ็ดขวบ” เธอตอบออกไปตรง ๆ
“ขอบใจนะที่แกยังจำได้” นางพูดพลางยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาแบบลวก ๆ
“นั่งก่อนสิ” นางใช้มือไล่ทั้งสามีและลูกสาวให้ขยับออกห่าง และตบลงไปบนโซฟาให้ลลนานั่งลง หญิงสาวจึงนั่งลงแบบว่าง่าย
“ตอนนี้ที่บ้านเรามีปัญหาแล้วล่ะ แม่อยากให้ลีนช่วย” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาช่างน่าฟังและขอความเห็นใจที่สุดตั้งแต่ลลนาได้ยินมา
“ค่ะ คุณแม่จะให้ลีนช่วยอะไร ลีนทำได้ ลีนทำทั้งนั้น มันหนักหนามากไหมคะ” เธอมองตอบกลับสายตาของคุณดวงแขด้วยความกังวล
“คือ...” คุณดวงแขไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เธอได้แต่จ้องหน้าของลลนาอย่างเดียว ไม่กล้าขยับปากเล่า เพราะก็ยังนึกไม่ออกว่าจะลำดับเรื่องอย่างไรให้ออกมาดูดีและน่าสงสารที่สุด
“ยังงี้นะ...”
คุณสมภพโพล่งขึ้นมา เพราะทนเห็นท่าทางอึกอักของภรรยาไม่ได้
“อากับแม่เอาบ้านหลังนี้ไปจำนองตั้งแต่หกเดือนที่แล้ว และยังไม่ได้ใช้คืนทั้งต้นและดอกเบี้ยกับนายทุนแม้แต่บาทเดียว” คำตอบของสมภพทำให้ลลนาถึงกับหน้าตกใจ
“บ้านหลังนี้หรือคะ” เธอพูดด้วยเสียงอันดัง
บ้านที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ ที่มีแต่ความทรงจำดี ๆ ของพ่อกับแม่ที่ชโลมหัวใจของลลนาให้อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
คุณดวงแขขยับมือมาจับมือของลลนาเอาไว้
“ใช่... แม่ขอโทษนะลีน เราจำเป็นต้องใช้เงิน คิดดูว่าดอกเบี้ยที่คุณพ่อฝากฟิกเอาไว้ให้กับสรีนก็ได้ดอกน้อยมาก ๆ และยังถอนออกมาไม่ได้ แล้วก็เห็นอยู่น้องก็เรียนโรงเรียนเอกชน อีกอย่างค่าใช้จ่ายในยุคเศรษฐกิจแบบนี้มันจะพอใช้จ่ายอะไร แล้วลำพังเงินเดือนที่ลีนให้แม่ มันก็ไม่พอนะลูก ค่าน้ำค่าไฟ โอ้ย...ค่าจิปาถะ” นางบีบน้ำตา
“แล้วเราจะทำยังไงดีคะคุณแม่” สรีนปล่อยโฮออกมาแบบใจเสีย ร้องไห้ดังขึ้นมาอีกครั้ง คุณสมภพกอดลูกสาวของเขาไว้แน่น พูดปลอบใจกันพึมพำ
“ถ้าเราไม่มีเงินไปจ่ายดอกเขาวันนี้ เขาว่าจะฟ้องร้องเรา แล้ว...ฮือ ๆ ถ้าเราแพ้คดี เขาอาจจะมายึดบ้านของเราก็ได้ ฮือ ฮือ ฮือ...” นางครวญออกมาทันใด
“ใจเย็น ๆ ค่ะคุณแม่ แล้วเขามีข้อเสนออะไรไหมคะ เราไปต่อรองกับเขาได้ไหมคะ” ลลนายกมือขึ้นโอบกอดคุณดวงแขที่พยายามซบหน้าลงมาที่หัวไหล่ของลีน เธอพยายามคิดตามและหาทางช่วย
“เมื่อกี้อาก็คุยกับทนายของคุณชัชวาล เขามีทางเลือกให้เรานะ... แต่...” คุณสมภพเว้นระยะ
“อะไรคะ แต่อะไรคะคุณอาสมภพ” ลลนาร้อนอกร้อนใจ ถ้าหากมีทางออกดี ๆ อาจจะทดเวลาไปได้อีก
“เอ่อ... คือ...” เขาแกล้งทำสีหน้าที่ไม่สบายใจ แกล้งอึกอักไม่อยากพูดอีกครั้ง และส่งสายตาให้กับเมีย
“เขาบอกกับแม่ว่า เขาให้โอกาสเรานะลีน เขาเพียงแต่ให้เอาลูกสาวไปขัดดอกเอาไว้จนกว่าจะถึงวันที่สามสิบเอ็ดสิงหาคม แล้วเขาให้เราหาเงินต้นไปคืนเท่านั้น เขาจะไม่คิดดอกเบี้ยกับเราสักบาท ฮือ ๆ...” นางร้องไห้ตัวโยน
“ขัดดอก...” ลลนาพูดออกมาเหมือนเพ้อ
“ใช่ลูก ขัดดอก... คือเขาแค่ให้เราไปเป็นหลักประกัน ระหว่างนี้แม่กับคุณอาสมภพก็จะคิดวิธีหาเงินต้นไปคืนเขา แม่กับอาว่าเราทำได้ ลูกลีน...แล้วลีนจะให้แม่ทำยังไง สรีนก็เพิ่งสิบสี่ปี จะให้น้องไปตกระกำลำบากเหรอ ฮึ...” นางใช้สายตาอ้อนวอนเชิงปรึกษาและสีหน้าหนักอกหนักใจเป็นอย่างมาก
“นั่นน่ะสิ...โธ่เอ้ย...ยายสรีน” คุณสมภพดึงใบหน้าของลูกสาวที่นั่งตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ เข้ามากอด และหอมแก้มทั้งซ้ายทั้งขวา
“เขาให้ข้อเสนอแบบนั้นมา จริง ๆ หรือคะ” ลลนาถามย้ำอีกครั้ง
“จ้า...ลูก” ดวงแขดวงตามีประกาย
“คุณแม่คะ คุณอาโทรไปบอกเขาเลยค่ะ ว่าเราจะทำตามข้อเสนอของเขา” ดวงตาของลลนาจ้องสบมาบอกแววว่าจริงจัง
“ลีน...” คุณดวงแขเรียกชื่อลูกสาวนอกไส้แบบอ่อนโยน ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของเธอด้วยความเห็นใจ
“ค่ะ ลีนจะทำตามข้อเสนอของเขา ลีนจะเป็นคนเข้าไปทำงานขัดดอกให้ แต่คุณอากับคุณแม่ต้องสัญญากับลีนนะคะ ว่าจะหาเงินมาไถ่บ้านหลังนี้ให้ได้”
“ได้สิ ๆ” คุณสมภพแทบกระโดดเข้ามากอดทั้งคุณดวงแขและลลนา แต่พอเห็นสายตาของภรรยาก็ชักมือกลับ
“แน่นอนสิ แม่จะหาเงินให้สุดชีวิต ลูกไม่ได้ไปทำงานกับเขา ขัดดอกให้เสียเหงื่อฟรี ๆ หรอก แม่จะรีบหาเงินเลยลูก ลีนอาจจะอยู่กับพวกเขาไม่นาน”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ ลีนต้องรักษาบ้านของคุณพ่อเอาไว้ให้ได้ค่ะ” เธอพูดด้วยสายตามุ่งมั่น
“ฮัลโหล คุณกิตติครับ ตกลงพวกเรารับข้อเสนอของคุณ” เสียงคุณสมภพดังขึ้นแบบโล่งใจ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้กดพูดกับใครสักคน
“ลีนเอาเสื้อผ้าอะไรไปมั่งลูก แม่กับน้องจะได้ไปช่วยเก็บนะลูกนะ” นางทำทีเป็นแสดงน้ำใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่ ลีนจัดการตัวเองได้ค่ะ” เธอบอกก่อนจะลุกขึ้นไปยังห้องของตัวเอง
“เฮ้อ...” สามพ่อแม่ลูกถอนหายใจออกมาแบบโล่งอก
“อย่างนี้จะดีหรือคุณ” คุณดวงแขพูดขึ้นอีก
“แล้วคุณมีเงินไปให้ไอ้ชัชวาลตอนนี้หรือเปล่าล่ะ” สามีพูดกระซิบกระซาบ ภรรยาได้แต่ส่ายหน้า
“ยังไงยายลีนคงไม่ลำบากหรอก แต่พวกเราสิ ต่อไปใครจะทำงานบ้าน หาข้าวหาปลา หุงหาอาหาร และก็ทำความสะอาด” คำพูดของคุณดวงแขไม่ได้ห่วงลีนเลย ห่วงแต่ตัวเองเท่านั้น
“ก็นี่ไง” คุณสมภพจับบ่าลูกสาวของเขาเอาไว้แน่น และหมุนตัวของสรีนให้หันหน้าไปหาภรรยา
“ได้ไงคะคุณพ่อ ซักผ้า ถูบ้าน ล้างจาน ทำอาหาร สรีนทำเป็นซะที่ไหน ไม่เอาหรอก... คุณแม่กับคุณพ่อต้องหาคนใช้นะคะ สรีนขอตัวเลยค่ะ เรื่องแบบนี้ อีกอย่างเดี๋ยวเล็บของหนูพังพอดี เพิ่งไปต่อมาใหม่นะคะ” เธอสะบัดตัวลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะหมุนตัววิ่งเข้าไปในห้องของตัวเอง
“สรีน...” คุณดวงแขเรียกชื่อลูกสาวตามหลัง
“เป็นไงเลี้ยงลูกให้เป็นเทวดา” คุณสมภพกระแนะกระแหนดวงแข
“อย่ามาว่าฉันคนเดียวนะ คุณก็ตามใจยายสรีนมาก เป็นไง ได้ดังใจไหม” ทั้งคู่ทำสีหน้าหนักอกหนักใจ และก็ถอนหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน แต่ในหัวตอนนี้โล่งอกโล่งใจมาก ๆ
“สามล้าน” คุณสมภพพูดขึ้นมาลอย ๆ ภรรยาตีมือลงไปบนเนื้อขาของเขาทันควัน
“อย่าพูดได้ไหมคะ คนยิ่งเครียด ๆ อยู่” เธอแว้ดสามีขึ้นมาทันที แล้วทั้งสองก็เงียบเสียงลงไป ต่างใช้ความคิดของตัวเอง
ห้องทำงานของชัชวาล
“เก่งไปไหน" ชัชวาลถามทนายกิตติพ่อของวทัญญู
"เก่งคงกำลังเดินทางกลับมาครับ เพราะไปประชุมที่ตลาดโบกี้ เมื่อกี้...โทรเข้ามาแล้วว่า..." ชัชวาลยกมือของเขาขึ้นห้าม ปากที่ขยับของทนายกิตติหุบแทบไม่ทัน
"นั่งสิ..." เขาพูดกับหญิงสาวตรงหน้า เธอคลี่ยิ้มให้กับเขา แต่สิ่งที่ชายหนุ่มตอบกลับมาคือแววตาที่เฉยชา สายตาที่มองแทบจะเหมือนจะดูถูกด้วยซ้ำไป เธอมีเซนส์
'อะไรของเขา รู้สึกไม่ค่อยดี มาทำหน้ายักษ์เข้าใส่ แล้วนั่งเก๊กอยู่ได้ คงคิดว่าตัวเองหล่อดูดีมากหรือไง หรือคิดว่าเป็นเจ้าของเงินกู้จะทำกิริยาดูถูกยังไงก็ได้ ฮึ...' ลีนในใจขุ่น ๆ แต่ก็แสร้งอมยิ้มนิด ๆ ทำใบหน้ายิ้มแย้ม และเธอก็ค่อย ๆ ก็นั่งลงแบบระมัดระวัง
ชัชวาลพอใจนิด ๆ ที่เห็นใบหน้าสวย ๆ ของเธอ และพิมพ์ในหัวใจของเขาไปแล้วตั้งแต่แรกเจอ
"ไปไหนก็ไปเถอะครับทนายกิตติ เดี๋ยวเก่งกลับมาถึง ให้เก่งเข้ามาหาผมละกัน" ชัชวาลหันไปสั่งคุณทนาย เขาจึงก้มหัวแล้วเดินออกไป
ลลนานั่งอย่างอึดอัดไม่กล้าขยับตัว หลังจากที่ผ่านไปได้สักพัก เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ
'จะให้นั่งรออะไรนะ มานั่งดูเขาทำงานนี่หรือ คือการมาขัดดอก' เธอคิดและค้อนเขาอยู่ในใจ พยายามสบสายตากับเขาแต่ชัชวาลแทบไม่สนใจ เขาสนใจแต่งานเอกสารตรงหน้า ทำเหมือนลลนาไม่มีตัวตนนั่งอยู่ตรงนี้
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง
ก๊อก... ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง ก่อนจะมีชายหนุ่มหน้าตาดีเปิดประตูเดินเข้ามา ส่งยิ้มให้ทั้งสองคน
"เก่ง พา...เอ่อ..." เขาหันมามองหน้าหญิงสาวอีกครั้ง ท่าสะบัดผมที่ยาวปกระใบหน้า แล้วส่งยิ้มอ่อนหวานให้กับเขา ชัชวาลถึงกับหัวใจกระตุก ผมที่นุ่มยาวสลวยมองออกว่าเป็นสีธรรมชาติ กับฟันสีขาวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ทำให้หัวใจหนุ่มแน่นเต้นตึก ๆ
'สวย...' เขาคิดในใจ
"ลลนาค่ะ หรือ คุณชัชเรียก ลีน ก็ได้ค่ะ" เธอพูดกับเขาเหมือนเป็นคนกันเอง รู้จักมาเนิ่นนาน แต่จริง ๆ แล้วเธอเพิ่งได้รับข้อมูลทุกอย่าง และเรื่องราวของเขาคร่าว ๆ จากปากของทนายกิตติระหว่างทางที่เขารับและพาเธอมาส่งที่นี่เอง
"ลีน..." เขาพูดชื่อเธอออกมาเบา ๆ
วทัญญูฉีกยิ้มกว้างของเขาให้กับหญิงสาวในทันทีด้วยความเป็นมิตร ก่อนจะยื่นมือของเขาไปตรงหน้า
ลลนาส่งยิ้มแบบเดียวกับที่ยิ้มให้กับชัชวาลให้กับชายหนุ่ม ก่อนจะยกมือของเธอไปสัมผัสกับมือของเขา และชักมือกลับพร้อมกลับยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
"อะแฮ่ม..." ชัชวาลส่งเสียงกระแอม ก่อนจะทำตาขุ่นให้กับหญิงสาว เธอถึงกับหุบยิ้มลงในทันที เก่งดึงมือกลับและยืนกุมมือตัวเองไว้ และรอรับคำสั่งของชัชวาล
"พาคุณลีนไปที่คอนโดของพี่" เขาเรียกตัวเองว่าพี่เสมอกับวทัญญู
"เอ่อ...อีกอย่างนะเก่ง แวะหาซื้อเสื้อผ้าของคุณลีนใหม่ทั้งหมด พร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่คุณลีนอยากได้” เขาพูดโดยไม่มองหน้าของเธอ แต่สบตากับเก่ง
‘ใจดีจัง’ เธอนึกชมเขาในใจ เธอมาเป็นคนใช้ แต่ยังได้รับอภิสิทธิ์และสวัสดิการดี ๆ
“ครับผม” วทัญญูรับปาก พร้อมส่งสายตามองยังลลนา เธอรีบลุกขึ้นทันที เพราะนั่นหมายถึงเขาก็สั่งเธอด้วย