“มะนาว... มะนาวลูก” เสียงของทิพาผู้เป็นแม่ ดังขึ้นที่ข้างหูของนาราภัทร
“แม่... พ่อ...” เธอลืมตาขึ้นมาช้าๆ จนดวงตาปรับสภาพรับแสงได้ ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องนอนของเธอ นอกจากพ่อกับแม่แล้ว ก็ยังมีป้านภา ปิตินันท์ และ...
“เป็นยังไงบ้างครับน้องมะนาว” ปิติภัทรยืนกอดอกถามอยู่ข้างเตียง เขาเป็นห่วงเธอไม่น้อย แต่ก็พยายามรักษาอาการเอาไว้
“เป็นยังไงบ้างลูก พี่ดินอุ้มหนูมาจากหลังบ้าน ไม่สบายอะไร ทำไมจู่ๆ ก็เป็นลม” ทิพาลูบผมลูกสาวด้วยความห่วงใย
“ก็คงจะไม่พ้นตากแดด ขุดดิน ปลูกผัก ปลูกต้นไม้น่ะสิ” เสียงของปราโมชย์แทรกขึ้นมา
“นาวไม่ได้เป็นลมเพราะเหตุผลที่พ่อพูดนะคะ” หญิงสาวถึงจะรู้สึกปวดหัว แต่ก็มีแรงเถียงพ่อ
“แล้วเป็นอะไร ทำไมถึงเป็นลม” เขาจ้องหน้าลูกสาว
“ก็นาว...” เธออ้ำอึ้งแล้วหันไปมองต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ที่ยืนมองหน้าเธออย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“นาวทำไม?” ปราโมชย์ยังคงคาดคั้นจะเอาคำตอบ
“น้องคงตากฝนน่ะครับคุณลุง เมื่อตอนกลางวันที่มหาลัยฝนตก ตอนบ่ายยังต้องมานั่งตากแอร์ในห้องเรียนอีก” ปิติภัทรตอบคำถามแทนเธอ เขามองตาเธออยู่ไม่กี่วินาทีก่อนจะพูดต่อ
“ช่วงนี้นักศึกษายังไม่ได้ลงแปลงปลูกอะไรหรอกครับคุณลุง อาจจะเป็นเพราะฝนมากกว่า” ปราโมชย์มีสายตาดุน้อยลงทันทีที่ปิติภัทรพูดจบ เขาก็เพิ่งรู้วันนี้เองว่าปิติภัทรเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แถมยังบังเอิญได้สอนลูกสาวของตัวเองด้วย
“เราให้น้องมะนาวพักผ่อนดีกว่าไหมครับ” ปิตินันท์ที่ยืนเงียบอยู่นาน รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างในความสัมพันธ์ของพ่อลูกจึงพูดตัดบท เพื่ออะไรจะดีขึ้น
“ป้าก็คิดเหมือนอิฐเลยลูก ไปเถอะพวกเรา ไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวนะลูก เดี๋ยวแม่หายามาให้” ทิพาบอกลูกสาวด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะแม่” ทุกคนทยอยเดินออกจากเรื่อยๆ และก็เหลือปิติภัทรที่ตั้งใจเดินออกจากห้องนอนของเธอเป็นคนสุดท้าย
“เชื่อหรือยังครับ” เขายักคิ้วและส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอ
“ไอ้ทุเรศ!” นาราภัทรปาหมอนใส่เขา แต่ปิติภัทรก็รับมันได้ทัน
ฟอด!
“นอนพักเยอะๆ นะครับ เจอกันพรุ่งนี้” เขาขโมยหอมแก้มคนที่นั่งพิงหัวเตียง และรีบเดินออกจากห้องทันที
“ไอ้ดินผสมขี้วัว!” นาราภัทรตะโกนด่าเขา ก่อนจะก้มหน้างุดใส่หมอนและกรี๊ดจนสุดเสียงด้วยความโกรธ เพราะเขาขโมยจูบแรกที่เธอหวังว่าจะเก็บมันไว้ให้กับคนที่เธอรัก และฝันว่ามันจะต้องเป็นจูบที่หวานซึ้งกว่านี้ เธอกับเขาอาจจะยืนอยู่ริมทะเล หรือบนยอดเขา แล้วจูบกันด้วยความรัก แต่เขากลับทำฝันของเธอสลายอยู่ที่สวนหลังบ้านของตัวเอง
“เบื่อโว้ยยยยย!” นาราภัทรนึกขึ้นได้ว่าหมอนที่เธอกอดอยู่นั้น มีสัมผัสจากคนฉวยโอกาสอยู่ ก็รีบปามันทิ้งลงพื้น
“แล้วชะนีสองตัวนี้เป็นอะไรคะ หน้าบูดเป็นตูดลิงตัวผู้เลย” ณัฐพลทักทายนาราภัทรและนิรดา ที่มาถึงห้องเมหาวิทยาลัยก่อนใครเพื่อน
“เมื่อวานฉันกับมะนาวถูกรถชนท้ายน่ะสิ”
“หะ! พวกแกสองคนนี่นะ”
“ใช่น่ะสิ โคตรซวย” นิรดาบอกอย่างหงุดหงิดและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ณัฐพลและนิลวรรณฟังในทันที
“โคตรบังเอิญ แล้วผู้ชายที่เถียงกับแก ใช่แฟนอาจารย์ปิติภัทรจริงๆ เหรอวะ”
“ใช่มั้ง แกว่าใช่ไหมวะมะนาว” นิรดาตอบคำถามนิลวรรณ ก่อนจะหันไปสะกิดแขนนาราภัทรที่กำลังก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์มือถือ
“มะนาว!”
“อีมะนาว!” เพื่อนทั้งสามคนเรียกเธอเสียงดัง เพราะเธอไม่ได้ยินที่พวกเขาเรียกเลย
“อะไรของพวกแกเนี่ย” นาราภัทรทำเป็นรำคาญกลบเกลื่อน เพราะเธอไม่อยากออกความเห็นเรื่องนี้
“แกว่าผู้ชายคนนั้นใช่แฟนอาจารย์ปิติภัทรหรือเปล่า” นิรดาถามย้ำ
“ไม่ใช่หรอกครับ เค้าเป็นน้องชายผม” เสียงปิติภัทรดังขึ้นจากด้านหลัง จนทุกคนหันไปมอง ยกเว้นแต่นาราภัทรที่ยังนั่งนิ่ง
“สวัสดีค่ะอาจารย์” ทั้งสามคนยกมือไหว้ และหลบหน้าหลบตาคนที่พวกเขาเพิ่งพูดถึง
“มะนาว... สวัสดีอาจารย์สิ” ณัฐพลใช้ข้อศอกกระทุ้งเอวเพื่อนสาวเบาๆ ด้านอาจารย์หนุ่มก็ยืนล้วงกระเป๋า รอลุ้นว่าเธอจะทำยังกับสถานการณ์แบบนี้ นาราภัทรถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ หันกลับมา
“สวัสดีค่ะ” เธอสบตากับเขาเพียงแค่วินาทีเดียว ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ เพื่อนทั้งสามต่างงุนงงกับพฤติกรรมที่ดูไม่มีมารยาทของเพื่อน ทั้งๆ ที่นาราภัทรไม่เคยทำตัวไม่มีสัมมาคารวะแบบนี้
“เอ่อ... ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะอาจารย์ สงสัยประจำเดือนจะมาน่ะค่ะ” ณัฐพลออกรับแทน
“ไม่เป็นไรครับ ขอตัวก่อนนะ” ปิติภัทรยิ้มให้ทั้งสามคน ก่อนจะแกล้งทำเป็นเดินไปทางเดียวกับนาราภัทร เมื่อเขาเห็นว่าทางสะดวก ไม่มีคนพลุกพล่าน เขาก็ก้าวเท้ายาวๆ จนตามเธอทัน
“คุยกันก่อนสิ” เขารั้งแขนเล็กเอาไว้
“ไม่คุยค่ะ” นาราภัทรสะบัดแขนตัวเองที่ถูกเขาจับไว้อย่างหลวมๆ และรีบหันมองรอบๆ ว่าจะมีใครมาเห็นหรือเปล่า
“หายปวดหัวหรือยัง”
“เมื่อเช้าน่ะหายแล้ว แต่ตอนนี้กำลังปวดเลยค่ะ ปวดมากด้วย!” เธอมองหน้าเขาด้วยความโกรธ
“เพราะเห็นหน้าพี่เหรอ” ปิติภัทรยังคงยิ้มแย้ม ไม่สนคำประชดประชันของเธอ
“ใช่ค่ะ เห็นแล้วอารมณ์ไม่ดี ขอตัวนะคะ!” นาราภัทรหันหลังกลับทันที
“เดี๋ยวก่อน” คราวนี้ปิติภัทรไม่รั้งแขนเธอไว้ แต่เขาคว้าเอวบางมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะดันหลังของเธอพิงต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ
“อย่าคิดจะทำอะไรไม่ดีนะ” คนที่ถูกกักขังด้วยแขนทั้งสองข้างกำยำรีบขู่
“ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย” ปิติภัทรเดินถอยหลังออกห่าง และล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบบางอย่างออกมาและยื่นให้กับนาราภัทร
“ลูกอมดับกลิ่นปาก?” เธอมองมันที่อยู่ในมือเขาด้วยความสงสัย
“ใช่ พี่ซื้อมาให้” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
“ขอบคุณ” เธอรับมันมาและชักมือกลับอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ทันมือใหญ่ของเขาที่เกาะกุมมือของเธอไว้ก่อน
“กินด้วยนะ มันอร่อยมาก พี่ชอบ” ปิติภัทรใช้ลิ้นดุนดันในช่องปากของตัวเองไปรอบๆ ก่อนจะทำปากจู๋ส่งให้เธอ
“ชอบอะไร”
“ชอบรสชาติของลูกอมไง พี่อยากให้ปากหนูเป็นกลิ่นเดียวกับปากพี่”
“ไอ้...”
“ชู่... เพื่อนๆ มะนาวกำลังเดินมาทางนี้” เขาใช้มือปิดปากเธอเอาไว้ และค่อยๆ ลดมือลง เมื่อแน่ใจว่าเธอจะไม่ต่อว่าอะไรเขาแล้ว
“พี่ไปก่อนนะครับ เจอกันตอนบ่าย” เขาส่งยิ้มให้เธอ ก่อนจะหยิกแก้มนุ่มๆ ของนาราภัทร ที่มันน่าจะเอาปากไปทาบซะจริงๆ
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” นาราภัทรอยากจะต่อว่าเขา แต่ก็กลัวว่าเพื่อนของเธอจะได้ยิน เธอรีบหันกลับมาดู ว่าเพื่อนสนิทของเธอใกล้มาถึงหรือยัง แต่ก็พบกับความว่างเปล่า ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ มีเพียงรถยนต์ที่จอดอยู่ และผู้คนที่เธอไม่คุ้นหน้า ยืนห่างออกไปเท่านั้น
“ไอ้พี่ปุ๋ยคอก!” เธอหันไปมองคนที่กล้าหลอกเธอกลางวันแสกๆ อย่างหงุดหงิด
“ก่อนจะหมดคลาสวันนี้ ผมอยากได้ตัวแทนนักศึกษา ไว้คอยติดต่องานกับผม แล้วก็ได้ยินจากอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกคุณว่า หัวหน้าชั้นของพวกคุณงานล้นมือแล้ว ดังนั้นผมจะสุ่มรายชื่อในแก้วนี้นะครับ” ปิติภัทรชูแก้วพลาสติกที่เต็มไปด้วยกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่พับอยู่จำนวนหนึ่ง
“หนูอาสาเองค่ะ” นักศึกษาหญิงคนหนึ่งยกมือบอกด้วยความเต็มใจ
“หนูก็ได้ค่ะอาจารย์” นักศึกษาสาวประเภทสองอีกคนลุกขึ้นยืนบอก
“ขอบคุณที่เสียสละกันนะครับ แต่เอาเป็นว่า จับฉลากแล้วกันนะครับ แล้วเพื่อความโปร่งใส ผมให้สิทธิ์หัวหน้าชั้นของพวกคุณ เป็นคนฉลากนะครับ เชิญหน้าห้องเลยครับ” เขาพยักหน้าเรียกหัวหน้าชั้นออกมา
“จับฉลาก แล้วก็ประกาศใส่ไมค์เลยครับ” ปิติภัทรยื่นแก้วพลาสติก และไมโครโฟนให้หัวหน้าชั้น
“นาราภัทร มงคลไพศาลครับ” เจ้าของชื่อที่ภาวนาในใจว่าอย่าให้เป็นชื่อของเธอเลย ถอนหายใจและหลับตาลงด้วยความหงุดหงิด
“ไหนครับ นาราภัทร” อาจารย์หนุ่มที่ยืนอยู่หน้าชั้น เขาทำเป็นมองไปรอบๆ ห้องด้วยท่าทีสงสัย
“ยกมือสิวะมะนาว” นิลวรรณหันไปบอกเพื่อนที่กำลังเก็บปากกาใส่กระเป๋า
“นาราภัทร มงคลไพศาล ไม่ได้เข้าเรียนเหรอครับ” เขายังถามย้ำอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าคนที่เขากำลังตามหานั่งอยู่ในห้องเรียนนี้
“ค่ะ” นาราภัทรที่นั่งอยู่แถวหลังสุดของห้อง แสดงตัวต่ออาจารย์
“คิดว่าโดดเรียนแล้วให้เพื่อนเช็คชื่อให้ซะอีก ไปพบผมที่ห้องพักก่อนกลับบ้านด้วยนะครับ ผมขอรบกวนเวลาไม่เกินสิบนาที”
“ค่ะ”
“วันนี้เลิกคลาสได้ครับ อาทิตย์หน้าเตรียมลงแปลงกันครับ” เขาบอกนักศึกษาคนอื่นๆ ก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์ และเดินออกจากห้องเรียนไป
“พบผมที่ห้องพักก่อนกลับบ้านด้วยนะครับ แหวะ จะพบอะไรนักหนาก็ไม่รู้” นาราภัทรบอกเพื่อนด้วยความเบื่อหน่าย
“ให้ฉันไปพบแทนไหม เพื่อฉันจะได้กินผู้ชายหล่อๆ แบบอาจารย์บ้าง มาดแมน แฮนด์ซั่ม กล้ามใหญ่ อ๊ายยยย ไม่รู้ตรงนั้นจะใหญ่ด้วยหรือเปล่า” ณัฐพลประสานมือของตัวเองไว้ ก่อนจะหลับตาเพ้อฝัน
“มโนให้มันน้อยๆ หน่อยจูโน่ นี่อาจารย์นะเว้ย” นิรดาใช้หนังสือตีเพื่อน
“โอ๊ย! แกก็ให้ฉันเพ้อเจ้อหน่อยก็ไม่ได้ เนี่ย อีกไม่นานเราก็เรียนจบกันแล้ว จีบกันตั้งแต่ตอนนี้แหละ จบแล้วก็เปิดตัวไปเลย”
“ถามอาจารย์หรือยังว่าเค้าจะให้แกจีบหรือเปล่า”
“ไม่รู้แหละ ฉันจีบน้องชายอาจารย์ก็ได้ หล่อใช่ไหมโบตั๋น ใช่ป่ะมะนาว”
“หล่อ แต่ก็คงจะเป็นเกย์ทั้งคู่นั่นแหละ” นิรดาบอกสั้นๆ
“พวกแกกลับกันเลยก็ได้นะ เดี๋ยววันนี้พ่อฉันมารับ” นาราภัทรที่ยืนฟังเพื่อนเถียงกันอยู่เงียบๆ พูดขึ้นมา
“อ้าว? แล้วแกไม่กลับพร้อมโบตั๋นเหรอ”
“ฉันต้องไปเอาของที่บ้านญาติให้แม่ก่อน แล้วพ่อมะนาวก็ไม่ให้มะนาวใช้รถแล้วด้วย”
“โอเคๆ แล้วแกไม่ให้พวกฉันไปเป็นเพื่อนก่อนเหรอ” นิลวรรณเป็นห่วงเพื่อน
“ไม่ต้องหรอก สิบนาทีเอง เดี๋ยวพ่อฉันก็มารับแล้วด้วย สบายมาก”
“งั้นก็แยกย้าย เจอกันพรุ่งนี้ทุกคน”