“สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า นี่ปิตินันท์ น้องชายของผมกลับ เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกครับ” ปิติภัทรแนะนำน้องชายของเขาที่เพิ่งกลับจากประเทศอังกฤษให้กับป้าทิพาและลุงปราโมชย์ได้รู้จัก
“สวัสดีครับ” ปิตินันท์ทำความเคารพผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน วันนี้เขาและปิติภัทรได้รับมอบหมายจากผู้เป็นแม่ ให้นำโสมคุณภาพดีจากเมืองจีนมามอบให้ป้าทิพา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของท่านตั้งแต่สมัยสาวๆ
“สวัสดีลูก นั่งก่อนๆ ไม่ได้เจอกันหลายปีเลยนะ คลาดกันไปคลาดกันมา วันนี้ได้เจอกันสักที” ป้าทิพาต้อนรับทั้งสองอย่างอบอุ่น เพราะเป็นลูกชายของเพื่อนสนิท
“ขอบคุณครับ ขอโทษด้วยนะครับ ที่มาผิดเวลานัด เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ” ผู้เป็นพี่ชายรีบกล่าวขอโทษ
“ตายแล้ว! แล้วเป็นอะไรกันหรือเปล่า บาดเจ็บตรงไหนไหม พ่อโทรหาลูกเราหน่อยสิ ว่าถึงไหนแล้ว” เธอบอกด้วยความตกใจ พรางสำรวจร่างกายของชายหนุ่มทั้งคู่ อีกใจก็เป็นห่วงลูกสาวที่ยังกลับไม่ถึงบ้าน
“ไม่ต้องโทรหรอก มานู่นแล้ว” ลุงปราโมชย์มุ้ยหน้าไปทางหน้าบ้าน ที่ประตูรั้วกำลังถูกเปิดออก พร้อมกับแสงไฟจากรถยนต์ที่ส่องเข้ามา
“เฮ้อ... โล่งใจไปที ป้าเพิ่งให้น้องเอารถไปใช้น่ะลูก เลยเป็นห่วงมากไปหน่อย”
“ครับ” ปิติภัทรมองตามไปก็จำได้ในทันทีว่า มันคือรถของลูกศิษย์ของตัวเอง
“อยู่กินข้าวด้วยกันหน่อยนะลูก อ้าว แล้วนั่นรถใครมาอีกล่ะ” ป้าทิพาชะเง้อมอง รถที่รู้สึกไม่คุ้นอีกคัน ที่จอดต่อท้ายรถของลูกสาวเธออยู่
“น่าจะเป็นรถของแม่ผมนะครับ” ปิตินันท์เป็นฝ่ายคลายข้อสงสัยให้
“อ้าว! ไหนบอกว่าจะไม่มาไง เดี๋ยวป้าออกไปดูหน่อยนะลูก”
“ป้านภา สวัสดีค่ะ” นาราภัทรรีบยกมือไหว้เพื่อนสนิทของแม่เธอ ที่มักจะแวะเวียนมาหาที่บ้านเป็นประจำ
“สวัสดีมะนาว เว้นที่ไว้ให้ป้าจอดอีกคันนะลูก” นภาลดกระจกลง และตะโกนบอกหลานสาว นาราภัทร ขับรถเข้ามาจอดในบ้าน ก็เห็นว่ามีรถอีกคันซึ่งไม่ใช่รถของบ้านเธอจอดอยู่ เมื่อดับเครื่องยนต์และลงมาสำรวจ เธอก็ถึงกับตกใจ เพราะมันคือคันเดียวกับที่ทำให้เธอเสียเวลาอยู่เป็นชั่วโมง และเจ้าของรถทั้งสองคนก็เดินออกจากในบ้าน พร้อมกับแม่ของเธอด้วย
“มะนาว กลับบ้านช้าจังลูก ไหนบอกแม่จะกลับถึงบ้านหกโมงไงลูก นี่จะหนึ่งทุ่มแล้วนะ”
“แม่ นาวขับรถปาดหน้าคนอื่นค่ะ เลยเสียเวลาเคลียร์กับประกันนิดหน่อย”
“หะ! อย่าบอกนะว่าชนกับพี่ดิน” ทิพาคำนวณเวลาและความเป็นไปได้ จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ใช่ครับคุณป้า จริงๆ แล้วรถผมก็มีส่วนผิดด้วย ไม่ใช่แค่น้องคนเดียวหรอกครับ” ปิติภัทรรีบแสดงความรับผิดชอบ เพราะแอบเห็นลุงปราโมชย์มีท่าทางไม่พอใจลูกสาว
“บังเอิญจังนะพ่อ อย่าดุลูกเลย รถก็ดูไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมมะนาว” ทิพาลูบแขนของสามีเบาๆ เพราะรู้ว่าคนเจ้าอารมณ์แบบเขาอาจจะดุลูกสาวจนขวัญเสีย
“ไม่เป็นอะไรมากค่ะ ถลอกนิดหน่อย นาวได้ใบเคลมจากประกันมาแล้วค่ะ” เธอชูกระดาษในมือให้พ่อของเธอดู เธอกลัวไม่น้อยที่เห็นสีหน้าของผู้เป็นพ่อ เพราะเขาไม่อยากให้เธอขับรถ แต่เธอก็ดื้อด้านขอเขาจนได้
“ทิพา!” เสียงนภาดังมาก่อนตัว
“นภา! มานี่เร็ว ดูสิ ลูกเธอกับลูกฉัน ขับรถชนกันซะงั้น อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น” ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างอารมณ์ดี
“ตายแล้ว จริงไหมลูก ใครขับ ดินหรืออิฐ?” เธอมองหน้าลูกชายทั้งสอง
“ผมครับ” ปิตินันท์หรืออิฐ ยอมรับกับแม่ หลังยืนนิ่งอยู่นาน
“ช่างมันลูก ของนอกกาย พวกหนูไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูก” นภาหันไปมองนาราภัทรก็หมดห่วง
“งั้นกินข้าวกันเลยดีกว่า จะจืดชืดหมแล้ว ดีนะ ฉันทำเผื่อไว้ ลางสังกรณ์มันบอกว่าเธอจะมา” สองเพื่อนซี้รุ่นใหญ่เดินนำเข้าบ้านไปก่อน ปิตินันท์เดินตามเข้าไป ตามหลังด้วยปิติภัทร และสุดท้ายคือนาราภัทรกับปราโมชย์
“พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าขับรถเองมันอันตราย จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีใครรู้ ดีที่วันนี้ยังไม่ใช่อุบัติเหตุใหญ่โต พรุ่งนี้พ่อไม่ให้ขับรถไปแล้วนะ จะนั่งรถไฟฟ้าไป หรือจะให้พ่อไปส่งก็เลือกเอา ทุกวันนี้เอาแต่อยู่กับแปลงผักพ่อก็ไม่ชอบใจแล้วนะมะนาว แทนที่จะเรียนบัญชี นั่งทำงานสบายๆ ในห้องแอร์ กลับออกไปตากแดดตากลม” ปราโมชย์ดุลูกสาวทันทีที่มีโอกาส เขาไม่ค่อยพอใจนักที่นาราภัทรไม่เลือกเดินตามเส้นทางที่เขาวางไว้ให้ แถมยังคอยทำตัวให้เขาเป็นห่วงอยู่บ่อยๆ
“ขอโทษค่ะ” เธอยกมือไหว้ขอโทษผู้เป็นพ่อด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร แต่พ่อห้ามมะนาวใช้รถ จนกว่าจะเรียนจบ ตามที่สัญญากันไว้”
“ค่ะ” เธอตอบตกลงหน้าหงอย เพราะนี่เป็นข้อตกลงที่เธอให้ไว้ เธอสัญญากับเขาไว้ว่า หากเธอเกิดอุบัติเหตุเพียงครั้งเดียว เธอต้องหยุดใช้รถยนต์ในการเดินทางไปเรียนในทันที
ทุกคำพูดของพ่อกับลูกสาว ถูกปิติภัทรบันทึกไว้ในหัวทุกคำ และเมื่ออยู่บนโต๊ะอาหาร เขาสังเกตเห็นว่านาราภัทร พยายามยิ้มแย้มให้มากที่สุด และเมื่อมื้ออาหารสิ้นสุดลง เธอก็ขอตัวขึ้นห้องทันที
“เดี๋ยวสิมะนาว พาพี่ดินกับพี่อิฐ ไปเดินดูปลาคาร์ฟหลังบ้านสิ เดินย่อยกันก่อน แม่กับพ่อมีธุระต้องคุยกับป้านภาก่อน”
“ค่ะ” เธอไม่ปฏิเสธคำสั่งของแม่ ด้านปิติภัทรและปิตินันท์ก็รู้สึกเบื่อหน่ายที่จะนั่งฟังเรื่องของผู้ใหญ่ จึงลุกออกจากวงสนทนาอย่างง่ายดาย
“พี่ดิน ผมไปโทรศัพท์ก่อนนะ พี่ไม่ค่อยชอบปลาน่ะ มะนาวพาพี่อิฐไปดูแล้วกันนะ” ปิตินันท์เข้าใจดีว่าเธอทำตามหน้าที่ ส่วนเขาก็อยากจะทำอย่างอื่นมากกว่า จึงปลีกตัวออกไป ทิ้งให้พี่ชายรับหน้าที่เป็นแขกที่ดีต่อไป
“จะขึ้นห้องก็ได้นะ พี่อยู่คนเดียวได้” เมื่ออยู่กันตามลำพัง ปิติภัทรก็เป็นฝ่ายพูดก่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ ชอบปลาไหมคะ” เธอหันมายิ้มให้เขา
“ก็ชอบนะ แต่ชอบปลาที่อยู่ในธรรมชาติมากกว่า” เขาเดินล้วงกระเป๋าตามนาราภัทรไปเรื่อยๆ
“หนูมีเรื่องจะบอกค่ะ จริงๆ แล้วหนูคือผู้หญิงคนที่เจออาจารย์กับผู้ชายคนนั้นที่ผับค่ะ” นาราภัทรหันมาบอกเขา โดยที่คนฟังก็ไม่ได้ตั้งตัวว่าจะได้ยิน
“เรียกพี่ก็ได้ ตอนนี้หมดเวลาสอนแล้ว” เขาบอกเธอสบายๆ ในใจก็ชื่นชมที่ในที่สุดเธอก็กล้ายอมรับความจริง
“ค่ะ นาวเป็นคนที่เจอพี่ดิน...”
“ไม่ต้องพูดย้ำก็ได้ พี่ก็ไม่ค่อยโอเคกับเหตุการณ์นั้นเท่าไหร่ ยิ่งได้ยินยิ่งเซ็ง” เขาทำหน้าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
“นาวขอโทษนะคะ นาวไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะ แฟนพี่ดินโกรธนาวมากไหมคะ”
“หืม? เค้าไม่ใช่แฟนพี่” ปิตินันท์เลิกคิ้วสูงขึ้นมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ที่ได้ยินคำถามแบบนี้
“อ้าว เหรอคะ” นาราภัทรเข้าใจว่าเขาคงจะเป็นพวกรักสนุก
“อย่าคิดว่าพี่เป็นคนแบบนั้นนะ เห็นแบบนี้พี่ก็เลือก” เขาอ่านความคิดของเธอออก
“อ๋อ...”
“แล้วพี่ก็ไม่เป็นเกย์ด้วย”
“หะ?”
“พี่บอกว่า พี่ไม่ได้เป็นเกย์” เขาย้ำความเป็นตัวตนของเขาอีกครั้ง
“จะไม่ได้เป็นได้ยังคะ วันนั้นพี่ดินยังนัวเนียกับเค้าอยู่เลย” นาราภัทรนึกภาพเหตุการณ์นั้น
“พี่ไม่ได้เป็น พี่ถูกลวนลาม”
“ลวนลาม!”
“ใช่ ตอนที่มะนาวมาเห็น พี่ดีใจมากเลยนะ เพราะถ้าขืนนานกว่านั้น พี่ได้ถูกกินแน่ๆ” เขาบอกและเดินตรงเข้ามาหานาราภัทรมากยิ่งขึ้น
“พี่ยอมให้เค้าลวมลามหรือเปล่า นาวเห็นพี่... พี่รูดซิบกางเกงด้วยนะ” เธอนึกถึงตอนท่าทีร้อนรนของเขา ที่พยายามใส่กางเกงในเรียบร้อย
“พี่ไม่ได้ยอมให้เค้ารูด พี่แค่รีบออกมาจากห้องน้ำ มันเลยยังใส่อะไรไม่ค่อยเข้าที่ แล้วก็ถูกลากตัวมาหลังร้านซะก่อน” ปิติภัทรค่อยๆ อธิบายและเดินตรงมาหานาราภัทรเรื่อยๆ
“โอเคค่ะ นาวชื่อแล้วค่ะ ถอยหลังไปหน่อยได้ไหมคะ นาวจะไม่มีที่ยืนแล้ว” นาราภัทรบอกแกมขอร้อง เพราะตัวของเธอหยุดอยู่ที่ขอบของบ่อปลาแล้ว
“พี่จะถอย ก็ต่อเมื่อมะนาวเชื่อว่าพี่ไม่ได้เป็นเกย์” เขาใช้แขนใหญ่โอบหลังของเธอไว้ ก่อนจะดันตัวของเธอเข้ามาชิดเขาให้มากขึ้น
“มะนาวเชื่อค่ะ” เธอเอียงตัวหลบใบหน้าของเขาที่เข้ามาใกล้เธอมากทุกที
“ไม่จริง เมื่อกี๊มะนาวยังคิดว่าพี่เป็นแฟนกับน้องชายพี่อยู่เลย”
“มะ... มะ... มะนาวไม่ได้คิดค่ะ” เธอใช้สองมือดันหน้าอกปิติภัทร ป้องกันการใกล้ชิดของเขาที่มากขึ้นเรื่อยๆ
“จริงเหรอ?”
“จริงค่ะ มะนาวเชื่อ”
“แต่สายตาหนูมันไม่ได้บอกแบบนั้นนะ” สายตาของผู้เป็นพี่ชาย จ้องมองดวงตาคู่สวยของหญิงสาวอย่างไม่ยอมละสายตา เขาเห็นเธอพยายามมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา ก็แอบยิ้มให้กับความกลัวของเธอที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“มะนาวเชื่อจริงๆ ค่ะ ปล่อยค่ะพี่ดิน”
“เอางี้ดีกว่า พี่จะมีข้อพิสูจน์ ว่าพี่ไม่ได้เป็นเกย์”
“มะนาวเชื่อแล้วค่ะ ไม่ต้องพิสูจน์หรอก” นาราภัทรถูกปล่อยให้อิสระ เธอรีบจัดแจงเสื้อนักศึกษาให้เรียบร้อย พร้อมกับเดินหนีเขาด้วยหัวใจที่เต้นรัว
“หนูมีหน้าอกคัพซี” เขาบอกพร้อมกับรั้งแขนเล็กของเธอไว้
“เฮ้ย!” นาราภัทรกระชากแขนตัวเองออกจากมือของเขามาปิดหน้าอกเอาไว้
“ถูกไหมครับ”
“ไอ้... ไอ้ถ้ำมอง ไอ้โรคจิต!” เธอนึกขึ้นได้ว่าเขาบอกเธอให้เธอติดกระดุมเม็ดบนสุด แต่เธอก็ไม่ได้กังวลอะไรเพราะคิดว่าเขาเกย์ แต่เมื่อเรื่องจริงมันปรากฏแบบนี้ เธอก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี แถมเขายังทายขนาดหน้าอกของเธอได้ถูกต้อง ไหนจะใจเต้นของเธอที่เต้นแรงหลังจากได้ใกล้ชิดเขา แค่นี้มันก็ยืนยันแล้วว่าเขาไม่ได้เป็นเกย์ เพราะความมาดแมนของเขามันทำให้เธอหวั่นไหวได้อีกด้วย
“ด่าจบหรือยัง พี่จะได้เคลียร์เรื่องวันนั้นต่อ”
“ยังไม่จบ ไอ้บ้า ไอ้หื่น” นาราภัทรชี้หน้าด่าเขา ขายาวๆ ของเธอก็ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ
“ว๊ายยยย!” และเธอก็เกือบพลาดท่าเดินตกพื้นต่างระดับ
“อย่ากรี๊ดสิ! เดี๋ยวพ่อก็ดุอีกหรอก” เขารวบตัวเธอมาไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง ก่อนจะเอาชื่อลุงปราโมชย์มาอ้าง เพราะรู้ว่านาราภัทรนั้นเกรงกลัวพ่อมากแค่ไหน
“ปล่อย!”
“วันนั้นพี่ยังไม่ทันได้ขอบคุณมะนาวเลย ขอบคุณนะ ที่มาช่วยชีวิตพี่ไว้”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นย้อนกลับมา เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ แต่ณัฐพลและนิรดา ก็ดึงตัวเธอออกมาจากเขาซะก่อน
“พี่ไม่ได้เป็นเกย์” ปิติภัทรพูดจบก็ฝังปากหยักลงบนปากเรียวสวยที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างทันที เขาจู่โจมจูบสาวน้อยในอ้อมแขนที่ตาค้างด้วยความตกใจ แถมปากยังอ้าให้เขาได้กวาดลิ้นสำรวจพื้นที่ได้อย่างสะดวกอีกด้วย และเมื่อไม่มีคำปฏิเสธหรือขอร้องให้หยุดแต่อย่างใด ชายหนุ่มก็ยิ่งได้ใจ ปิติภัทรเม้มปากของตัวเองลงบนริมฝีปากบางทั้งล่างและบน สลับกับแทรกลิ้นเข้าไปวนเวียนในโพรงปากอย่างหนำใจ เขามองดวงตากลมโตที่เริ่มหลับพริ้มลงอย่างโอนอ่อนต่อสัมผัสที่เขามอบให้ ชายหนุ่มยิ้มมุมปากออกมาอย่างพอใจ ที่สามารถทำให้เธอเคลิบเคลิ้มได้ถึงเพียงนี้ เขาค่อยๆ ลดจังหวะความเร่าร้อนให้นุ่มนวลลง พร้อมๆ กับที่นาราภัทรลืมตาขึ้นมา และสายตาของทั้งสองประสานกันชั่วขณะ...
“แล้วพี่ก็ชอบหนูตั้งแต่วันนั้น” เขาบอกนาราภัทรไปตามความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ ในวันนั้นเขารีบกลับเข้ามาในร้านเพื่อตามหาเธอ แต่ด้วยผู้คนมากมายทำให้เขาหาเธอไม่เจอ และเขาก็ยังไม่หมดความพยายาม โดยไปที่ร้านนั้นบ่อยๆ เท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย แต่เขาก็ไม่เคยได้พบเจอเธออีกเลย จนกระทั่งวันนี้ แม้ว่าเธอกับเขาจะมีฐานะของอาจารย์และลูกศิษย์มาขวางอยู่ เขาตัดสินใจว่าจะรอให้เธอเรียนจบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และลงมือจีบเธอทันที แต่ในเมื่อโชคชะตาชักนำเขาและเธอให้มาพบกันขนาดนี้ เขาก็จะไม่ยอมเสียเวลาไปเปล่าแน่ๆ
“ฉันฝันร้ายอยู่แน่ๆ” นาราภัทรบ่นพึมพำกับตัวเอง เมื่อครู่เธอรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในฝัน และเธอก็หมดสติไปทันที...
“มะนาว! มะนาว!” ปิติภัทรเขย่าตัวของนาราภัทรที่เป็นลมอยู่ในอ้อมแขน
“พี่ดิน น้องเป็นอะไรเนี่ย” ปิตินันท์ที่เพิ่งคุยธุระเสร็จ เห็นนาราภัทรหมดสติก็ถามด้วยความเป็นห่วง
“เอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งถาม” เขาช้อนร่างบางของนาราภัทร และอุ้มเธอเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว