เฮยหลงสบตาคนที่มองไม่หลบมายังเขา คนที่อีโก้สูงปากแข็งไม่เคยแสดงความรู้สึกผ่านสีหน้าออกมาให้คนอื่นได้เห็นแต่ตอนนี้กำลังมองเขาด้วยสายตา ตัดพ้อ น้อยใจ และฉายชัดว่ากำลังเจ็บปวด ทำเอาเขาที่ไม่เคยถูกมองแบบนี้อย่างเปิดเผยรู้สึกทำตัวไม่ถูก
“เรียกหมอประจำตระกูลมา” ว่าจบร่างหนาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงตวัดเรียวขาแกร่งเดินออกไปจากรัศมีแสนอึดอัด
“ปรางทิพย์”
เสียงเรียกชื่อเต็มไปด้วยความเย็นชาและเรียบนิ่งเอ่ยเรียกคนที่กำลังจะลุกตามเฮยหลงออกไป สองขาสั่น ๆ พยายามก้าวเข้าไปใกล้รุ่นพี่ที่เธอกล้าพูดว่าเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวเสมอมา มันเจ็บในใจจนพูดไม่ออกด้วยซ้ำ แต่เธอก็อยากพูด
“ก็อย่างที่เธอเห็น ฉันชอบเฮยหลงมาก่อนเธออีก” ใบหน้าเรียบนิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวเอ่ยออกมาอย่างเบื่อหน่าย ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง
ปรางทิพย์เคยเป็นนางแบบมาก่อนแต่ช่วงหลัง ๆ เธอเหมือนจะไม่ต้องทำงานก็มีเงินใช้ไม่ขาดมือ เราสองคนรู้จักกันในตอนออกงานอีเว้นท์แห่งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ปรางทิพย์เข้ามาทักก่อนและแสดงความห่วงใยจนคนที่ไม่เคยมีใครแสดงทีท่าเป็นห่วงถึงกับใจสั่น ถึงเธอจะร้ายแค่ไหนก็ไม่เคยไม่ไว้หน้าปรางทิพย์เลย ดีด้วยทุกอย่าง ยอมบอกเรื่องสามีที่ไม่ค่อยมีคนอื่นรู้ ไม่คิดว่าปรางทิพย์ก็จะเหมือนผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้ให้เธอไว้ใจเพื่ออยากเคลมสามีของเธอ ความจริงในข้อนี้มันทำให้เธอมือสั่นปากสั่นไปหมด
“พี่หักหลังแสนได้ยังไง?” เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงเหนียวข้น กว่ามันจะกลั่นออกมาเป็นประโยคนี้ได้ใจเธอเจ็บจนจุก
“เพียงแสน ชื่อนี้ของผู้หญิงที่ไม่เคยมองดูสภาพของตัวเองหรือเปล่า นิสัยของเธอคิดเหรอว่าจะมีคนหวังดีกับเธอจริง ๆ รู้ไหมว่าตัวเองน่าสมเพชแค่ไหน” ในขณะที่พูดปรางทิพย์ก็ยิ้มเยาะไปด้วย กวาดสายตามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตานึกรังเกียจ “ยาจกยังไงมันก็ไม่ทิ้งกำพืดของตัวเองหรอก ต่อให้แต่งตัวประดับด้วยเพชรแต่นิสัยมันยังเป็นยาจกอยู่วันยังค่ำ รู้ไหมที่ผ่านมาฉันต้องอดทนแค่ไหนในการอยู่ใกล้เธอ”
มือบางกำเข้าหากันจนเส้นเลือดที่แขนปูดขึ้นมาเด่นชัด เธอทำดีกับปรางทิพย์ทุกอย่างเพราะเห็นว่านิสัยเราคล้ายกันและเติบโตมาในสถานที่ อโคจรไม่ต่างกัน แต่เธอลืมไปว่าไอ้คำว่า ‘นิสัยเหมือนกัน’ นี่แหละ มันเลยทำให้มีความคิดเหมือนกันก็คือ ‘หาผัวรวย’
ปรางทิพย์จากที่ยิ้มเยาะตอนนี้ยิ้มไม่ออกเพราะเพียงแสนก้าวฉับ ๆ มาถึงตัวเธอได้อย่างง่ายดาย เคยเห็นแต่หญิงสาวตบตีข้าบริวารแต่ไม่เคยเจอกับตัว หรือว่าเพียงแสนจะทำกับเธอแบบที่ทำกับลูกน้อง สายตาเริ่มกวาดหาตัวช่วยทันที
“ช่วยด้วยค่ะ” น้ำเสียงเริ่มร้อนลนเมื่อก้าวถอยจนชิดกำแพง
เพียงแสนคลี่ยิ้มเย็นมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยหัวใจแหลกหล่าน ที่เข้ามาทำดีด้วยเพราะหวังผู้ชายคนเดียวกัน มีเรื่องทุกข์ใจอะไรเธอเลือกปรึกษาปรางทิพย์อยู่เสมอ เรียกได้ว่าผู้หญิงตรงหน้ารู้ไส้รู้พุงเธอจนหมด รวมถึงเรื่องของเฮยหลงนั่นก็ด้วย
“เวลาโดนคนไว้ใจหักหลังมันเจ็บแบบนี้นี่เอง”
“ยี๋ อย่าเข้ามาใกล้หล่อนน่ากลัว!” ปรางทิพย์หดคอหนีให้วุ่นเพราะใบหน้าที่เคยสวยแต่ทว่าตอนนี้มันเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด “ถะ...ถอยออกไปจะอ้วก”
“ฉันว่าหล่อนควรชินไว้นะ อยากเป็นเมียเขารู้ไหมว่าเขาทำงานอะไร ถ้าทนมองเลือดไม่ได้ฉันว่าหล่อนรีบใสหัวออกห่างเขาดีกว่า”
“ทะ...ทนได้สิ”
“หน้าด้าน!”
“เพียงแสน!” ปรางทิพย์หน้าดำหน้าแดง รู้ดีว่าเพียงแสนเป็นคนที่มีวาจาร้ายกาจ แต่หล่อนก็ไม่เคยแสดงปฏิกิริยาแบบนี้ใส่ตนมาก่อนเลยยอมรับว่าตกใจมาก
“ต่อให้เขามีเมียก็อยากแย่งว่างั้นสิ”
“เฮยหลงบอกว่าไม่เคยเห็นหล่อนเป็นเมีย”
“แล้วทำไม เนื้อตัวมันสั่นอยากได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
หมับ! มือชุ่มไปด้วยเลือดแห้งเกรอะคว้าเข้าที่กลุ่มผมได้ทรงออกแรงจิกที่หนักหัวแล้วกระชากเข้ามาหาตัว
“กรี้ดดด เฮยหลงช่วยปรางด้วยค่ะ” ปรางทิพย์กำลังจะจิกเข้าที่บาดแผลเดิมของเพียงแสนเปลี่ยนเป็นมาจับผมตัวเองไว้แทนหลังจากเห็นร่างคุ้นตาเดินเข้ามาที่ห้องโถงอีกครั้ง
“แสนหยุดสร้างเรื่องสักที” เฮยหลงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ เขาเบื่อกับเหตุการณ์แบบนี้เต็มที
“อยากได้นักเหรอผัวคนอื่น งั้นฉันจะรอดูว่าเธอจะมีปัญญาไหม” เธอยอมปล่อยก่อนจะหมุนตัวกลับไปหาคนที่เดินเข้ามาใหม่ สายตาว่างเปล่ามองตรงไม่หลบหลีกสายตาเย็นชาของเขา
“ทำไม?” เฮยหลงเลิกคิ้วยั่วยวนอีกคน ดูสภาพก่อนเถอะไม่มีสักเสี้ยววินาทีที่เขาอยากจะไปชมชอบผู้หญิงคนนี้
“หลบ” เธอเดินชนไหล่หนาออกไปทันที
หมดคำจะพูด นึกไม่ออกสักประโยคว่าควรพูดอะไรกับผู้ชายคนนี้ดี เป็นผัวที่โคตรเส็งเคร็ง บอกว่าไม่ชอบเธอ ไม่มีวันรักเธอ แต่ไฉนมาเอากับเธออยู่ตลอด ย้อนแย้งจังนะ
เฮยหลงขมวดคิ้วมองตามอีกคนออกไปจนลับสายตา วันนี้สายตาที่เพียงแสนมองมาที่เขามันเปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัดจริง ๆ หรือเป็นเพราะสิ่งที่ต้องเจอ แต่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ยายนี่ถูกจับตัวไปหรอก เขาก็ช่วยได้เท่าที่อยากช่วย ไม่ใช่ว่ายายนี่ไม่รู้ว่าแต่งเข้าตระกูลทำธุรกิจแบบไหน เต็มใจเองไม่ใช่เหรอ ทนไม่ไหวก็ยอมไปเซ็นใบหย่าให้เขาสิ มันจะยากอะไร
“นายครับคนดูแลที่โกดังของเราถูกเก็บแล้วครับ” จังก้าเดินเข้ามาด้วยใบหน้าตึง ๆ หลังจากได้รับรายงานว่าลูกน้องเขาถูกเก็บไปเกือบหมด โดยที่ไม่มีคนส่งข่าวมาได้สักคน
“พวกมันเริ่มแล้วใช่ไหม” เฮยหลงเดินตรงไปยังห้องทำงานไม่ได้สนใจผู้หญิงหน้าไหน ทั้งคนที่เดินหนีไปและยืนมองมาที่เขาไม่ละสายตาด้วยความหวัง เขาเบื่อผู้หญิงจ้องจับผู้ชายที่มีเงิน เบื่อที่สุด!
“แต่ผมตรวจสอบจากกล้องหน้ารถแถวนั้นเหมือนจะเป็นมือปืนรับจ้างนะครับ ไม่น่าจะมีสังกัด”
“อย่าใช้คำว่า ‘น่าจะ’ เพราะชีวิตลูกน้องกูเสียไปแล้วกี่ชีวิต ไปสืบหาตัวมันมา” เขากำหมัดแน่น ไม่คิดว่าจะโดนตลบหลังจนทำให้เสียลูกน้องไปหลายชีวิตขนาดนี้
“ขอโทษครับนาย ผมจะรีบสืบมาให้” จังก้าค้อมศีรษะก่อนจะหมุนตัวออกไปจากห้องทำงานของนาย ช่วงนี้ชีวิตนายเขาไม่ค่อยสงบสุขเท่าไหร่ ยิ่งธุรกิจเติบโตขึ้นมากเท่าไหร่ศัตรูก็เพิ่มตามมาด้วย
“มึงคิดว่าเป็นใครวะ?” เฮยหลงหันไปถามมือขวาของตัวเอง
“ผมว่าน่าจะสองคนนี้ครับ” จาร์กัวเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยื่นไอแพดให้เจ้านายได้ดู “เสี่ยบุญมีกับคนที่เจ้านายพึ่งปลดออกจากตำแหน่งสำคัญ”
เฮยหลงพยักหน้าตามถ้าเป็นคนใกล้ชิดงั้นเขาก็จะไปเยือนสักหน่อย ให้มันรู้ไปว่ากำลังเล่นกับใครอยู่ พวกที่ชอบดิ้นทั้งที่รู้ว่าสู้เขาไม่ได้ ไม่ยอมรับไม่ว่าแต่เล่นตลบหลังเขาแบบนี้พวกมันต้องชดใช้
“เสี่ยบุญมีส่งการ์ดเชิญไปร่วมงานเปิดตัวตึกใหม่ใช่ไหม”
“ใช่ครับนาย”
“งั้นก็ตอบตกลงไป”
“แล้วนายจะควงใครไปงานนี้ครับ?”
“ปรางทิพย์”
“ทำไม...”
“จาร์กัวกูไม่รู้ว่ามึงพัวพันกับเพียงแสนได้ยังไง ทางที่ดีมึงไม่ควรหักหลังกูนะ”
“ผมไม่เคยคิดหักหลังนายอยู่แล้วครับ เพียงแต่คุณเพียงแสนน่าจะเหมาะกับงานนี้กว่า”
“ทำไม?”
“ผมเคยเห็นเสี่ยบุญมีมาวอแวเหมือนรู้จักกับคุณเพียงแสนครับ”
“เสี่ยบุญมีรู้จักกับยายนั่น?” เฮยหลงขมวดคิ้ว ไม่นึกว่าจะมีเรื่องอย่างนี้ด้วย “งั้นงานนี้ให้ยายนั่นไป”
หรือว่ายายนี่จะแปรพักตร์แล้ว!
“อีกอย่างทางที่ดีนายควรจัดการกับรุ่นพี่ของคุณเพียงแสนซะ นายแค่อยากยั่วโมโหคุณแสนไม่ใช่เหรอครับ”
“เออ อย่าให้มายุ่งกับกูอีก!”