ท่านไม่คู่ควรเอ่ยถึงบิดาข้า

1766 Words
สิบเดือนก่อนหน้า เมิ่งหย่งชวนกำลังอ่านตำราในที่พักของบัณฑิตเนื่องจากอีกสามวันจะเป็นวันเข้าสอบจริง สองวันก่อนหน้าเขาได้ทำการสอนให้เหล่าบัณฑิตด้วยกันจนหนึ่งในคนที่ร่วมสอบปีนี้เกิดริษยา ตกดึกก็มีคนมาเคาะประตูห้องพอเขาเปิดออกมาก็พบกับชายชราที่เขาไม่มีวันลืมใบหน้านั้นได้เลย ก๊อกๆๆๆเมิ่งหย่งชวนเปิดประตูก็เห็นคนสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนส่วนอีกคนเป็นชายชรา เมิ่งหย่งชวนถอนหายใจก่อนจะเอ่ยปาก "พวกท่านมีอะไรหรือไม่ขอรับ ข้าน้อยเป็นเพียงบัณฑิตเท่านั้น มิทราบว่าจะให้ช่วยเหลือสิ่งใด" "บัณฑิตเมิ่งข้าคือจางฮั่นรองใต้เท้ากรมอาญา และนี่คือใต้เท้าลู่หานอำมาตย์ซ้ายวันนี้มีเรื่องอยากคุยกับเจ้า จะเชิญข้าเข้าไปได้หรือไม่" "อ้อใต้เท้าทั้งสองเชิญขอรับ" สามคนเข้ามาในห้อง ลู่หานใช้สีหน้าดูถูกเขา แม้แต่เก้าอี้ยังเขาไม่อยากนั่ง ช่างต่ำต้อยเสียจริงๆ "บัณฑิตเมิ่ง ข้ามีน้องชายคนนึงแม้ว่าเรื่องนี้ไม่ควรเอ่ยปาก แต่ข้าอยากให้เจ้าไม่ลงสอบในอีกสามวันข้างหน้าได้หรือไม่" "ใต้เท้าจางเอ่ยสิ่งใดกันข้าน้อยไม่เข้าใจขอรับ ข้าเดินทางมาไกลหวังการสอบครั้งนี้มากนักก็เพื่อครอบครัวของข้า หากไม่สอบครั้งนี้ต้องเสียเวลาไปอีกสามปี เหตุผลใดที่ให้ข้าสละสิทธิ์ขอรับ" "มีคนต้องได้ที่หนึ่ง และคนๆนั้นต้องไม่ใช่เจ้า บุตรเขยข้าเจ้าอย่าไปกล่าวมากความเลย ก็แค่คนบ้านนอกคนนึง ให้ไปสักสองร้อยตำลึงขี้คร้านจะรีบไสหัวกลับไป" เมิ่งหย่งชวนกำหมัดแน่นก่อนจะเอ่ยออกมา "บัณฑิตที่ยอมขายศักดิ์ศรีจะเป็นบัณฑิตได้อย่างไรกันใต้เท้า คนเมืองหลวงอย่างพวกท่านเหตุใดถึงได้กระทำเช่นนี้ แต่ข้าได้ยินมาเหมือนกันว่า คนบางคนอย่าว่าแต่ขายศักดิ์ศรีเลย ข้ารู้มาว่าคนบางคนขายกระทั่งบุตรสาวเพื่อความก้าวหน้าของตนช่างอัปยศยิ่งนัก" "เมิ่งหย่งชวน เจ้าหุบปากเสีย" ลู่หานตวาดเขาเสียงดัง เมิ่งหย่งชวนไม่หลบสายตาจ้องเขากลับเช่นกัน จางฮั่นจึงเอ่ยตัดบท "เราไปกันเถอะขอรับท่านพ่อตา ท่านอย่าโมโหนักเลย บัณฑิตเมิ่งข้าไม่รบกวนแล้ว ข้าหวังว่าสามวันจากนี้จะไม่เจอท่านในสนามสอบ หากเจ้าไม่เชื่อฟังคงรู้นะว่าข้าทำอะไรได้บ้าง" ทั้งสองคนจากไปแล้ว เมิ่งหย่งชวนเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง มือหนากำแน่นจนเห็นกระดูก ลู่หานอยากให้ข้าถอยหรือ หึ เจ้าฝันกลางวันหรืออย่างไรกัน ยามอู่เสี่ยวเอ้อของโรงเตี้ยมมาเคาะประตูเรียกเขาบอกว่ามีคนมาขอพบ เขาเดินตามลงมาก็พบกับชายชราคนนึง เมิ่งหย่งชวนจำเขาได้ ลุ่จงพ่อบ้านใหญ่สกุลลู่ "มิทราบว่าท่านลุงมาพบข้าน้อยด้วยเรื่องอันใด จำไม่ได้ว่าเคยรู้จักมาก่อน" "คุณชายน้อย ท่านจำบ่าวไม่ได้จริงๆหรือไม่อยากจำกันแน่ขอรับ นายท่านให้ข้ามาตามท่านไปพบ" "ข้าเป็นเพียงบุตรชาวนาต่ำต้อย ไหนเลยจะมีเงินซื้อบ่าวไพร่ ท่านลุงคงจำคนผิดแล้วกระมัง" "คุณชายน้อยไปพบนายท่านสักครั้งนะขอรับ บางทีนายท่านอาจจะให้ท่านได้พบคุณหนูรองก็ได้" "ข้าไม่อยากพบผู้ใดทั้งนั้น คุณหนูของท่านข้าไม่รู้จักและยิ่งไม่อยากพบ ขอตัวก่อนนะท่านลุง" เมิ่งหย่งชวนเดินขึ้นข้างบน ยังไม่ทันที่เท้าจะแตะขั้นบันไดก็มีเสียงตามหลังมา "เจ้าคิดว่าสอบขุนนางได้แล้วจะยกฐานะตนเองสูงส่งหรือ มีพ่อเป็นแค่ชาวนาน่ารังเกียจ ข้ายอมลดตัวมาพบกับเจ้านับว่าดีแล้ว การสอบปีนี้คนที่ได้ที่หนึ่งต้องเป็น จางถูลี่ น้องชายจางฮั่นบุตรเขยข้าเท่านั้น อย่าให้ข้าเห็นเจ้าในสนามสอบเด็ดขาด" "ทำไมหรือใต้เท้าลู่ ท่านอยากให้ข้าหายสาบสูญไปเหมือนบิดาข้าเพื่อชุบตัวบุตรสาวแสนดีของท่านหรือ นางช่างกตัญญูนักห่วงใยตระกูลบิดาจนยอมทิ้งลูกผัวตนเอง เชิญท่านกลับไปได้แล้ว ข้าจะเข้าสอบได้หรือไม่นั่นเป็นสิ่งที่ข้ากำหนดเอง กลับดีๆล่ะข้าไม่ส่งนะ" เมิ่งหย่งชวนสาวเท้าขึ้นบันไดโดยไม่หันหลังกลับไปอีกเลย ยามเซินเขาลงมาจากห้องไปหาอาหารกิน ในตลาดก็เจอเข้ากับรถม้าคันนึงมาจอดขวางไว้ สตรีคนนึงแต่งตัวคล้ายสาวใช้เดินมาหาก่อนจะเชื้อเชิญให้เขาไปยังห้องรับรองส่วนตัวของโรงเตี้ยมอันดับหนึ่ง เขายากจนยิ่งกว่าอะไร เสื้อผ้าที่ซีดจนหาสีเดิมไม่ได้ คนในโรงเตี้ยมดูถูกเขาด้วยสายตา ในที่สุดเขาก็ขึ้นมายังชั้นสอง ในห้องรับรองมีคนนั่งรออยู่แล้ว คนอื่นๆล้วนถูกไล่ออกไปหมด มีเพียงเขาและนางเท่านั้น สตรีวัยสามสิบกว่าช่างงามสง่ายิ่งนัก นางจิบชาก่อนจะเรียกชื่อเขา "หย่งเอ๋อร์ มานั่งนี่สิไม่เจอเจ้านานโตมากแล้ว เจินเอ๋อร์เล่าเขาเป็นเช่นไรบ้างโตมากหรือยัง" "ฮูหยินท่านนี้ ท่านรู้จักข้าหรือขอรับ จำได้ว่าเราไม่เคยพบกัน" น้ำตาของลู่ซินค่อยๆไหล ออกมาเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้ได้ไหม มิใช่แม่อยากทอดทิ้งพวกเจ้า แต่หากไม่กลับมาตระกูลท่านตาเจ้าจะเดือดร้อน หย่งเอ๋อร์ท่านพ่อเจ้าเล่าเขาสบายดีหรือไม่" "ฮูหยิน ท่านแม่ข้านางตายไปนานแล้ว ตายไปเมื่อห้าปีก่อน ส่วนท่านพ่อข้าเป็นหรือตาย มิใช่ว่าพวกท่านรู้ดีที่สุดหรอกหรือ ข้าขอตัวก่อน" "หย่งเอ๋อร์ นั่งกับแม่สักหน่อยเถอะ คิดถึงเจ้าเหลือเกิน ดื่มชากับแม่ก่อนค่อยไปได้ไหม" เมิ่งหย่งชวนได้กลิ่นยาในชานานแล้ว หึ แม่หรือมีมารดาที่ไหนวางยาพิษบุตรตนเอง เมิ่งหย่งชวนหยิบถ้วยชาขึ้นมากรอกปากตนเองก่อนจะเขวี้ยงถ้วยลงพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ มือหนาคว้ามือบางขึ้นมาออกแรงบีบข้อมือแดงช้ำจากนั้นก็เริ่มเขียวจนเกือบม่วง จนลู่ซินต้องนิ่วหน้า เมิ่งหย่งชวนเอ่ยรอดไรฟันไม่ให้คนด้านนอกได้ยิน "มารดาเช่นท่านไม่มีก็ได้คุณหนูลู่ แม้แต่ชาวนาเช่นพวกข้ายังไม่วางยาพิษบุตรชายตนเองเช่นท่านเลย รักสามีขุนนางของท่านถึงขนาดคิดฆ่าบุตรตนเองยังกล้าเรียกตัวเองว่ามารดา สกุลลู่มีแต่คนหน้าหนาเสียจริงๆ ชาถ้วยนี้ถือว่าข้าคืนความเป็นบุตรชายให้ท่านไปแล้ว ไปบอกบิดาท่านด้วยข้าเมิ่งหย่งชวนจะทำให้สกุลลู่ของเขาตกต่ำเสียยิ่งกว่าตอนนั้นที่เขาไปพรากสตรีจิตใจโลเลคนนั้นมาจากสามีที่แสนดี ข้าจะทำให้เขาไม่สามารถพลิกกลับได้อีก" เพี๊ยะ!!! ทันทีที่เมิ่งหย่งชวนปล่อยมือลู่ซินก็ตบหน้าเขาทันที "เขาเป็นท่านตาของเจ้านะ หย่งเอ๋อร์เจ้ากลายเป็นคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน บางทีท่านพ่ออาจกล่าวถูก บิดาเจ้าเป็นพวกเลือดร้อนมุทะลุ ตอนที่เขาเปิดสำนักคุ้มภัยเจ้าคงซึมซับนิสัยเหล่านั้นไปไม่น้อย" "ท่านไม่มีสิทธิ์เอ่ยถึงเขาท่านไม่คู่ควร อย่างน้อยบิดาข้าก็พยายามเลี้ยงดูพวกข้าในวันที่สตรีแพศยาออย่างท่านทอดทิ้งพวกเราไปเพื่อหาความก้าวหน้า และบิดาข้าก็ไม่วางยาพิษบุตรตนเองในถ้วยชาเหมือนที่ท่านทำ ฮูหยินจางมารดาข้านางตายไปนานแล้ว อย่าทำตัวเหมือนว่าท่านรักและเมตตาพวกข้าพี่น้อง เก็บความจอมปลอมของท่านกลับไปซะ" เมิ่งหย่งชวนเดินออกมาจากห้องก็เห็นลู่หานยืนอยู่ เขาเอ่ยกับคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "ท่านมีปัญญาแค่นี้หรือใต้เท้าลู่ หลอกใช้คนอื่นเพื่อเป้าหมายตนเอง ตำแหน่งขุนนางของท่านหลอกใช้ใครให้ได้มันมาบ้างเล่าลู่หาน" เมิ่งหย่งชวนจากไปแล้ว แต่ด้านในห้องลู่ซินกลับนั่งร้องไห้แทบขาดใจ นางเห็นบิดาเดินเข้ามาก็ยิ่งร้องหนักกว่าเดิม "ท่านพ่อ ที่หย่งเอ๋อร์กล่าวเป็นความจริงหรือไม่ ท่านวางยาพิษบุตรชายข้าหรือ ท่านทำเพื่ออะไรกันใต้เท้าลู่ แล้วเรื่องเมิ่งหย่งชุนเล่า ท่านทำอะไรกับเขา ข้ายอมถึงเพียงนี้เหตุใดท่านยังไม่ปล่อยพวกเขาสามพ่อลูกไปอีก ฮือๆๆ" "เมิ่งหย่งชุนเป็นความอัปยศของเจ้า ส่วนเมิ่งหย่งชวนคือผลผลิตของไอ้สารเลวนั่น ซินเอ๋อร์ เจ้าเลิกร้องไห้แล้วแต่งหน้าเสียใหม่ หากจางฮั่นเห็นจะสงสัยเอาได้ ตราบใดที่สกุลลู่ยังไม่มั่นคงเจ้าควรรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ บุตรชาวนาหรือว่าจางอี้บุตรชายของเจ้ากับจางฮั่น" ลู่หานไปแล้วลู่ซินได้แต่หมดอาลัยตายอยากบุตรชายรังเกียจนาง เด็กหนุ่มที่เคยนอนหนุนตัก พาน้องชายขี่คอวิ่งเล่นในทุ่ง ยามเดินทางคุ้มกันขบวนสินค้าเขามักจะขึ้นเขาหาดอกไม้หาของแปลกๆมาให้ท่านแม่เสมอ ตอนนี้ไม่มีแล้วในสายตาของเขามีแต่ความเกลียดชังและเคียดแค้น ห้าปีก่อนนางไม่ควรเชื่อใจท่านพ่อ ไม่ควรหลงกลกลับมาเมืองหลวง ลู่ซินร้องไห้จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ นางกลับสกุลลู่และให้คนไปแจ้งไปยังสกุลจางว่าท่านแม่ไม่สบายนางอยากอยู่ดูแลสักสามวัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD