“ผะ ผมพูดความจริงนะครับนาย” เสียงเข้มสั่นเครือของร่างที่กองอยู่บนพื้นพรั่นพรึงถึงเจ้านายผู้น่าเกรงขามที่ยืนค้ำหัวตนอยู่ตอนนี้ คำและลูกน้องต่างแสดงท่าทีหวาดกลัวต่อหัวหน้าและนายท่านที่นั่งไขว่ห้างพร้อมวาดรอยยิ้มที่น่าขนลุกอยู่ด้านหลังอย่างกลัวสุดขีด รู้ได้ทันทีว่าอีกไม่นานตัวเองจะชะตาขาด
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน คำและลูกน้องต่างกำลังนั่งคุยโวถึงเรื่องที่เพิ่งยกพวกไปแก้แค้นเบต้ามาเมื่อสองวันก่อนอย่างสนุกปาก สลับกับท่าทีหวาดกลัวขนลุกขนพองกับเสือโคร่งที่ไม่นึกว่าจะได้เห็นกับตา ช่างเป็นสัตว์ที่น่ากลัวสมกับเป็นนักล่ายิ่งนัก
คำหัวเราะร่าในท่าทีของซอน้องเล็ก ที่เลียนแบบท่าทางสะบักสะบอมของหยดเทียนที่โดนอัดจนน่วมคาเท้า แต่ก็มีอารมณ์ขันได้ไม่นานก็ต้องร้องโอดโอยขึ้นมา เพราะดันลืมไปว่าตนใส่เฝือกดามคอที่เคล็ดเอาไว้อยู่ เลยเผลอตัวขยับเคลื่อนไหวคอตามความเคยชิน
แต่ทว่าช่วงเวลาสำราญมันช่างสั้นนัก เพราะโทโมยูกิและคาซามผู้เป็นรองหัวหน้าบอดี้การ์ดฝ่ายซ้ายและขวาของริวกะ ดันเดินวางหน้าขรึมเข้ามาขัดบรรยากาศเสียก่อน
“นายเรียก” เสียงเรียบแสนยะเยือกของโทโมยูกิดังขึ้น ทำให้พวกอันธพาลที่นั่งอยู่สะดุ้งโหยงตกใจ
“..ครับ” หัวโจกเอ่ยตอบพลางเหลียวมองลูกน้องที่มีสีหน้าซีดเผือดไม่แพ้กัน ร้อยวันพันปีนายท่านไม่เคยออกปากเรียกให้พวกมันเข้าไปรับใช้เลยสักครั้ง ขนาดงานง่ายๆ นายท่านยังไม่วางใจให้ทำเลย แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้เรียกไปพบกะทันหันเช่นนี้ คำนั่งขมวดคิ้วครุ่นคิดไปต่างๆ นานาแล้วเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี
แต่ถึงแม้จะหวาดกลัวไม่อยากตามไปแค่ไหน แต่คำสั่งของเจ้านายก็ไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ คำและลูกน้องจึงจำใจยกก้นออกจากม้านั่ง เดินตามแผ่นหลังของรองหัวหน้าทั้งสองคนไปอย่างเสงี่ยมเจียมตัว
หลังจากเดินเท้าตามคาซามและโทโมยูกิลงมาก็พบว่า ภายใต้คฤหาสน์หลังใหญ่โตหลังนี้มีห้องใต้ดินซ่อนอยู่ตามคำเล่าลือที่ได้ยินมาจริงๆ พวกมันกวาดตามองรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคยก่อนจะรีบโน้มตัวทำความเคารพนายท่าน ผู้นั่งอยู่ภายใต้หลอดไฟแสงหม่นที่ห้อยต่องแต่งอยู่กลางห้อง พร้อมกับหัวหน้าที่ยืนหน้าขรึมประสานมืออยู่ด้านข้าง เว้นก็แต่คำที่ไม่สามารถก้มหัวเคารพนายได้จึงพยายามคร่อมตัวลง แม้จะโน้มตัวได้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
บรรยากาศเงียบเชียบ ไร้เสียงใดๆ จากนายเหนือหัวทั้งสองคน ทำให้พวกมันเริ่มพากันใจสั่นกริ่งเกรงต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เพราะได้ยินมาว่าผู้ที่จะลงมาห้องใต้ดินได้ คือผู้ที่ต้องโทษหรือผู้ที่ไม่ได้รับความไว้วางใจจากเจ้านาย แล้วถูกพาตัวลงมาเค้นความกันที่นี่ และที่สำคัญนายท่านถึงกับลงมาสั่งการด้วยตัวเอง ทั้งที่สามารถป้อนคำสั่งผ่านผู้ใกล้ชิดอย่างหัวหน้าริวกะให้ทำแทนตนก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียเวลามานั่งอยู่ในที่อับชื้นเช่นนี้เลย หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรงจริงๆ
รองหัวหน้าฝ่ายซ้ายและขวารีบร่นเท้าถอยไปข้างหลังอย่างรู้งาน เมื่อเห็นว่าหัวหน้าขยับฝีเท้าก้าวเข้ามาหยุดอยู่ด้านหน้าของบอดี้การ์ดที่เพิ่งเรียกตัวมา
ริวกะย่างเท้าผ่านอัลฟ่าที่อยู่ใต้บัญชาไปทีละคนอย่างเชื่องช้า พลางส่งสายตามองอย่างคาดโทษ ต่างคนต่างพากันก้มหน้าหนีดวงตาของมัจจุราชแทบจะโน้มศีรษะแตะถึงพื้น พวกมันลอบถอนหายใจทุกครั้งที่หัวหน้าเดินผ่านตนไป โล่งใจว่าตัวเองไม่ได้ตกเป็นเป้าหมาย
กระทั่งฝีเท้าแกร่งเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของบอดี้การ์ดหัวโจกที่ยืนหน้าซีดไม่สามารถก้มลงพื้นดั่งลูกสมุนตนได้ หยาดเหงื่อสีใสเริ่มผุดแตกพลั่กทั่วทั้งใบหน้าและร่างกาย พรั่นใจกลัวตั้งแต่เดินตามรองหัวหน้ามาแล้ว เมื่อมาถึงตอนนี้และยืนอยู่จุดนี้ ชายหนุ่มยิ่งหวาดกลัวเข้าไปอีกจนร่างกายเริ่มเหน็บชา
ผลัวะ!!
ริวกะไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบประเคนหมัดซัดเข้าที่หน้าท้องของอัลฟ่าที่อยู่เบื้องหน้าทันที เสียงหมัดกระทบกับผิวเนื้อดังก้องไปทั่วทุกตารางห้อง ทำให้พวกที่มุดหัวลงพื้นหันคอมองลูกพี่ตนโดนหมัดจนตัวงออย่างไม่กล้าปริปากหรือขยับกายเข้าไปช่วย
ผลัวะ!!
เสียงที่บ่งบอกถึงการเจ็บตัวดังขึ้นอีกครั้ง จนทำให้ฝ่ายที่โดนกระทำร่วงหล่นลงพื้น นอนกุมท้องด้วยความเจ็บปวด
“ลุกขึ้นมา” น้ำเสียงนิ่งไร้เมตตาไม่แพ้แววตาที่หลุบมองต่ำ ราวกับกำลังมองสัตว์เลื้อยคลานที่ขดตัวอยู่บนพื้นปกป้องตัวเองเมื่อโดนทำร้าย
“ผะ ผมผิดอะไรเหรอครับนาย” คำเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าอย่างครั่นคร้ามแล้วเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนจึงต้องโดนหัวหน้าลงโทษเช่นนี้
“กูบอกให้มึงลุกขึ้นมา!”
มันตะเกียกตะกายรีบร้อนลุกขึ้นตามคำสั่งเพราะกลัวว่าจะโดนโทษหนักกว่านี้ และก็เป็นเช่นเดิม มันต้องลงไปกองบนพื้นอีกครั้งเพราะโดนหมัดประเดประดังเข้าที่เดิม
“อั๊ก! ผะ ผมผิดไปแล้วครับ หะ ให้อภัยผมด้วยครับ” แม้ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือไปทำสิ่งใดให้ขัดใจนายเหนือหัวตอนไหน แต่เพราะรักตัวกลัวตายจึงต้องรีบร้องขอชีวิตอย่างที่สมองมันคิดได้แม้ไม่ได้สำนึก
ริวกะยกมุมปากขึ้นก่อนจะเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มแล้วค่อยๆ ลดตัวนั่งลงตรงหน้า
“กูเตือนมึงแล้วครั้งหนึ่งแต่มึงดันแหกกฎเอง จากนี้ไปกูคงไม่จำเป็นต้องเอามึงไว้”
สิ้นสุดคำของหัวหน้าเพียงเท่านั้น สมองอันมึนทื่อของมันก็ผุดเรื่องเมื่อสองวันก่อนขึ้นมาได้ แล้วขมวดคิ้วโกรธขึ้นมาทันที เพราะคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้คงเป็นหยดเทียนที่วิ่งหางจุกตูดไปฟ้องนาย ทว่ามันมุ่นคิ้วไปได้ไม่นานก็ต้องกลับมาผวาเช่นเดิม เพราะมันรู้แล้วว่าต่อจากนี้ มันจะต้องรับโทษอันหนักหนาเหตุที่มันขัดคำสั่งของเจ้านาย
“ตะ แต่ผมไม่ได้เริ่มก่อนนะครับนาย...มันทำพวกผมก่อน! วะ ไว้ชีวิตผมด้วยครับนาย!” มันรีบคว้าเท้าของริวกะมากอดร้องขอชีวิตอย่างสุนัขจนตรอก ทว่าแววตาของอัลฟ่าผู้โหดเหี้ยมหาได้มีความเมตตาไว้ชีวิตมันไม่ ในเมื่อเก่งกล้าสามารถถึงขั้นแหกกฎที่นายท่านตั้งขึ้นมาได้ ก็ควรเตรียมใจเอาไว้สำหรับบทลงโทษที่จะตามมาทีหลังด้วย
คำกอดเท้าแกร่งสั่นเทาอย่างหวาดกลัว มันจะทำอย่างไรดี มันจะชะตาขาดตอนนี้จริงๆ หรือ ทำไมเงยมองใบหน้าเจ้านายแล้วช่างรู้สึกหมดหนทางนัก ในดวงตาดำทมิฬไม่มีสิ่งใดที่เรียกว่าความเห็นใจเลยสักนิด มันคิดผิดหรือนี่ที่เข้ามาอ้อนวอนปีศาจที่หมายจะดึงวิญญาณออกจากร่างมันอยู่รอมร่อ
“เบาๆ หน่อยสิ เดี๋ยวลูกน้องฉันก็ตายกันพอดีหรอก” ร่างสูงโปร่งยกขาที่พาดทับกันออกแล้วลุกยืนด้วยท่าทีเห็นใจ พลางเดินเข้ามาหาผู้ที่นอนอยู่ด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ผิดกับแววตาที่มุ่งจะฆ่ากันทุกเมื่อ ริวกะยันกายลุกขึ้นยืนดังเดิม ก่อนก้าวเท้าถอยหลังหนึ่งก้าวใหญ่หลีกทางให้ เมื่อรู้ว่าเจ้านายจะเดินเข้ามาทางนี้
คำรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า พร้อมเอาหัวโขกลงพื้นอย่างแรง แล้วก้มหน้าขนาบพื้นอยู่อย่างนั้นแม้คอจะยังเจ็บปวดอยู่ก็ตาม มันไม่กล้าเงยหน้าสบตากับนายท่าน เกรงว่าจะตายก่อนที่จะได้แก้ตัว
“นะ นายท่านครับ.. ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนครับ มันต่างหากที่เป็นคนเริ่มก่อน ดะ ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วยครับท่าน” เสียงสั่นเครือพร้อมร่างกายสั่นเทาราวกับหนาวไปจนถึงกระดูก วิงวอนขอชีวิตจากร่างทะมึนตรงหน้า ตอนนี้มันรู้ซึ้งแล้วว่านายท่านผู้นี้น่ากลัวอย่างไร นึกอยากตบขมับตัวเองนักที่นึกเหิมเกริมกล้าขัดคำสั่งอย่างไม่กลัวตาย เพียงเพราะไม่เคยเห็นด้านมืดของเจ้านายมาก่อน ไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากรอยยิ้มจะเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมเหนือมนุษย์มนามากขนาดไหน มารู้ซึ้งถึงความกลัวเอาป่านนี้ไม่รู้ว่านายท่านจะยังเมตตาไว้ชีวิตมันอยู่อีกหรือเปล่า
“กฎของฉันมันไร้สาระหรือถึงกล้าขัด”
“ไม่ใช่ครับนายท่าน! เป็นเพราะผมโง่รู้เท่าไม่ถึงการเองครับ ดะ ได้โปรดให้โอกาสผมด้วยครับ”
เอย์จินิ่งเงียบยืนชั่งใจว่าควรจะสังหารไอ้พวกนี้เลยดีไหม แต่เพราะความรู้สึกว้าวุ่นบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจ เมื่อยามนึกถึงคำที่พ่อบ้านบอกเมื่อวันก่อน
“เอาเถอะ ถ้าสารภาพออกมาทั้งหมดครั้งนี้ฉันจะยอมไว้ชีวิตแล้วกัน”
คำฉีกยิ้มดีใจสุดขีดเมื่อได้ยินว่าตัวเองกำลังจะรอด เลยจะผงกหัวขึ้นมากะว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมด แต่ทว่าพื้นรองเท้าราคาแพงของผู้ที่ยืนอยู่เหนือหัวดันยกขึ้นมาวางเหยียบ แล้วใช้แรงขากดศีรษะลงไว้เช่นเดิม จึงทำให้ร่างที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าร้องโอดครวญเพราะหน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรง
“ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าให้เธอเงยหน้าขึ้นมา ยังไม่ทันได้แก้ตัวก็จะขัดคำสั่งของฉันอีกแล้วเหรอ เดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งซะหรอก” ทั้งที่กล่าวประโยคอันน่าเกรงกลัวออกมา แต่ใบหน้ายังคงยิ้มทะเล้นเทียวเล่นเทียวจริงจังอยู่ไม่จาง
“ขะ ขออภัยครับนายท่าน” คำรีบตะโกนแผดเสียงด้วยกลัวว่าเจ้านายจะเปลี่ยนใจฆ่าตนทิ้ง
อัลฟ่าหนุ่มผู้หน้าผากนาบกับพื้น รวบรวมสติทั้งหมดแล้วเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดให้เอย์จิฟังตั้งแต่ต้นจนจบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักติดขัดบางตอน กลัวนักว่าตัวเองจะพูดผิดแล้วโดนเป่าหัวทิ้ง
ส่วนพวกลูกน้องที่ยืนโค้งตัวอยู่ด้านข้างก็ยังคงสั่นเทาอยู่ไม่หาย อีกทั้งยังปวดหลังเหลือเกินเพราะในเวลาผ่านมารวมจะครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ยังคงไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมาด้วยกลัวว่าตนจะเป็นเป้าคนต่อไป เลยต้องค้อมตัวก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
เมื่อเล่าจบเอย์จิก็ชักเท้าที่กดศีรษะลูกน้องออก แล้วกลับไปนั่งที่เดิมด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“กล้าดียังไงถึงมาทำลายสวนของฉัน” เอย์จิพึมพำกับตัวเองในขณะที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ กล้าทำร้ายผู้ดูแลสวนที่ดูแลสถานที่นั่งพักประจำของเขาเช่นนี้คงต้องลงโทษให้หนัก
“จับพวกมันสามคนกดน้ำ หากไม่หมดสติห้ามปล่อยมันออกไป” เอย์จิเอ่ยสั่งลูกน้องด้วยเสียงเรียบนิ่งทำให้ยูม ซากิและซอที่ได้ฟังบทลงโทษของตนเองรีบเอี่ยวหน้าที่ซีดเผือด มองตากันด้วยความกลัวถึงขั้นสุด
“ส่วนไอ้นี่ซ้อมมันให้หนักถ้าซี่โครงไม่หักกูจะซ้อมพวกมึงแทน”
“ครับนาย” หัวหน้าและรองหัวหน้าบอดี้การ์ดฝ่ายซ้ายขวาตอบรับเสียงหนักแน่น แล้วรีบตระเตรียมการลงโทษตามคำสั่งของเจ้านายอย่างไร้ข้อติง ทั้งสามคนลงมือจัดการด้วยแววตาแน่นิ่งราวกับโดนลบความรู้สึกออกไปจากจิตใต้สำนึกจนหมดสิ้นแล้ว
เสียงร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดทรมานดังระงมทั่วทุกตารางห้องอย่างไม่เป็นภาษา โดยมีเอย์จินั่งเท้าคางดูอย่างไร้ความรู้สึกนึกคิดใดๆ นอกจากความรำคาญ ชายหนุ่มนั่งดูได้ไม่นานก็ทนเสียงร้องครวญครางของชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนไม่ไหว จึงชักหน้าไม่พอใจแล้วระบายลมหายใจก่อนจะเดินออกไปหาที่เงียบๆ นั่งพัก
ชายหนุ่มเดินกอดอกแสดงสีหน้าเคลือบแคลงในตัวเองอย่างหนัก เหตุใดถึงไม่ฆ่าพวกมันไปเสียทั้งที่พวกนี้ขัดคำสั่งของเขา เป็นเพราะอยู่ๆ ก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมาหรือ? หรือเป็นเพราะเมื่อวันก่อนพ่อบ้านกลับมารายงานให้ฟังว่า คนสวนที่นอนพักฟื้นไม่อยากให้ใครต้องมาตายเพราะตนเป็นตัวต้นเหตุหรือเปล่า ถึงได้ไม่มีความอยากฆ่าผู้แหกกฎให้ตายเช่นที่ผ่านมา ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจตัวเอง และเมื่อไม่เข้าใจตัวเองก็ยิ่งต้องคิดหนักมากกว่าเดิมไปอีก เพราะเพิ่งรับรู้ว่าตัวเองเริ่มเปลี่ยนไปอีกแล้ว