ตอนที่ 6 หยดเทียนมีผู้ช่วยคนใหม่

3060 Words
​ หลังจากที่หารือเรื่องงบประมาณการซื้อพืชพันธุ์วัสดุต่างๆ เข้ามาตกแต่งสวนหลังบ้าน และรวมกันจัดสรรปันเนื้อที่แต่ละส่วนว่าจะจัดแต่งเช่นใดจนออกมาเป็นเค้าโครงคร่าวๆ พอให้มองภาพออกเสร็จเรียบร้อย เสียงท้องโครกครากร้องหาสารอาหารก็ดังขึ้นพอดี หยดเทียนจึงได้ขออนุญาตเจ้านายไปทานอาหารกลางวันและพักผ่อนก่อนจะถึงเวลาเข้าทำงาน หยดเทียนหยิบถาดหลุมที่เรียงกันเป็นชั้นซ้อนกันอยู่ในตะกร้า ก่อนจะเดินเข้าไปต่อแถวรอรับอาหารกลางวันซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของบ้านอีกส่วนหนึ่งที่ถูกจัดสรรไว้สำหรับการเลี้ยงอาหารพนักงานโดยเฉพาะ ในระหว่างที่ยืนต่อแถวรอก็ไม่วายจะสังเกตสิ่งรอบข้างไปด้วยความไม่ชินตา จึงเห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่ที่มาทานอาหารกันที่นี่มักจะเป็นพวกบอดี้การ์ดร่างโตเสียซะส่วนมาก และส่วนน้อยนักจะเป็นพนักงานทำงานบ้านทั่วไปเช่นเขา “มาทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้างล่ะเอ็ง” ป้าน้อยผู้ทำหน้าที่ตักแบ่งอาหารทักขึ้น เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มคนคุ้นเคยกันก้าวเดินเข้ามารับอาหาร หลังจากที่ชายร่างสูงเดินออกไป “ก็ดีครับป้าตอนนี้ผมกำลังปรับตัวอยู่ครับ” เบต้าว่าพลางยิ้มให้ในขณะที่สายตาประกายวาวจดจ่ออยู่กับอาหารอันน่าเลิศรสตรงหน้า “เออ แรกๆ ป้าก็เป็นแบบเอ็งนั่นแหละ อ้ะ! ป้าแถมผลไม้ให้ก็แล้วกัน” ป้าน้อยตักอาหารจนเต็มหลุมแล้วหยิบส้มเพิ่มใส่ถาดให้สองลูก “ขอบคุณครับ” เขายิ้มหน้าบานกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินออกไป หยดเทียนชะเง้อคอมองหาที่นั่งมุมอับที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนักเพราะตนเองเป็นผู้มาใหม่ยังไม่มีใครรู้จักและยังไม่รู้จักใคร เขากวาดตาหาไม่นานก็สะดุดเข้ากับโต๊ะลายหินอ่อนที่ตั้งอยู่มุมนอกสุด เป็นทำเลที่ดียิ่งเพราะที่ตรงนั้นก็ไม่ค่อยสะดุดตาใคร ร่างเพรียวจึงรีบเดินเข้าไปนั่งโต๊ะที่ว่านั้นก่อนจะมือคนแย่งไป แล้วลงมามือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ข้าวราดแกงสีเข้มข้นถูกป้อนเข้าปากคำแรกก็แทบทำให้หยดเทียนร้องไห้ ด้วยรสชาติความอร่อยเลิศรสหาที่เปรียบไม่ได้ หาเจอได้ยากนักงานที่เจ้านายเลี้ยงอาหารกลางวันพนักงานแล้วยังใส่ใจในรสชาติการกินของลูกน้องถึงเพียงนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาหยดเทียนพบเจอแต่นายจ้างที่มีจิตสำนึกติดลบมักคิดเป็นสันดานว่าท้องใครท้องมันกระมัง พวกเขาถึงแล้วแต่จะจัดสรรอะไรมาให้พนักงานอย่างเขากินก็ได้ “นั่งคนเดียวไม่เหงาอ๋อ?” เด็กหนุ่มตัวสูงกว่าเดินเข้ามานั่งลงฝั่งตรงข้ามของโต๊ะก่อนจะทักขึ้น “...” หยดเทียนไม่ปริปากตอบแล้วนั่งเคี้ยวอาหารไม่สนใจเพราะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นลูกหลานของคนงานในบ้าน ประกอบกับโหงวเฮ้งใบหน้าที่ดูด้วยตาเพียงข้างเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพวกชอบหาเรื่องใส่ตัว ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่อยากข้องเกี่ยว แม้จะไม่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของเด็กหนุ่มคนนี้ก็ตาม “ไมไม่ตอบอ่ะ ผมไม่ได้มาหาเรื่องพี่นะผมแค่อยากรู้จัก” “ไม่ได้หาเรื่องจริงอะ” เบต้ากลืนอาหารลงกระเพาะก่อนกล่าวตอบ “จริงดิพี่ หน้าผมเหมือนพวกอันธพาลหรือไงออกจะหล่อสมาร์ตขนาดนี้” เด็กหนุ่มฝั่งตรงข้ามเอ่ยก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาสำรวจใบหน้าที่ไม่คุ้นตาใกล้ๆ แล้วถาม ในขณะที่คิ้วขมวดเข้าหากันจนจะกลายเป็นสะพานข้ามทางอยู่แล้ว “ว่าแต่.. พี่เป็นคนงานใหม่หรอไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลยอ่ะ” “อือ เพิ่งทำงานได้สองวัน” “งั้นก็ยังไม่โดนทดสอบอ่ะดิ” “ทดสอบ? ทดสอบอะไร” สีหน้าฉงนปรากฏขึ้นมาหลังจากที่เด็กหนุ่มตรงหน้าพูดจบ “ไม่บอก ถ้าบอกผมก็ซวยสิ ถ้าพี่ไม่มีอะไรก็ไม่ต้องกลัวหรอกน่า” หยดเทียนไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยินมา การทดสอบที่ว่าคืออะไรแล้วจะทดสอบไปทำไม หรือการทดสอบที่เด็กมันว่าคือความกล้าที่พ่อบ้านพาเขาไปเจอเสือโคร่งหรือเปล่า เบต้าหนุ่มนั่งคิดพลางนั่งเขี่ยอาหารในจานใจลอยจนกระทั่งโดนอีกฝ่ายตีมือเรียกสติ “พี่ชื่อไรอ่ะ ผมชื่อเรย์นะ” “ชื่อเรย์หรือชื่อเรย์นะ” คนอายุมากกว่าถามด้วยความกวน “ชื่อเรย์ไม่ต้องมีนะ พี่อ่ะ” “หยดเทียนเรียกว่าเทียนเฉยๆ พอ” “ชื่ออย่างกับนางเอกนิยายแม่พี่ติดนิยายป้ะเนี่ย” เบต้าชะงักไปชั่วครู่พลางคิดตามคำพูดของเรย์อย่างสงสัย ว่าแม่เขาชอบอ่านนิยายหรือชอบอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า แต่ทว่าเมื่อคิดกลับไปกลับมาย้ำอยู่อย่างนั้น รอยยิ้มเจื่อนเศร้าก็โผล่ประดับหน้า เพราะดูเหมือนว่าความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับมารดาอันลอยแหวกว่ายอยู่ในหัวจะมีน้อยเสียเหลือเกิน หยดเทียนจึงไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วแม่เป็นคนอย่างไรหรือชอบอะไรบ้างในชีวิต มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาเห็นมารดาดูมีความสุขคือการตั้งวงดื่มสุรากับผองเพื่อนที่พามาจากคลับ บางครั้งก็พาแขกมาบ้านหรือบางครั้งก็หน้าตาบวมช้ำกลับมา จนอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ว่าสิ่งพวกนี้กระมังที่มารดาตนชื่นชอบ “ไม่ได้ติดนิยายติดเหล้าต่างหาก” เขาว่าพลางยิ้มกลบความเศร้าในใจที่พยายามกดไว้ไม่ให้มันโผล่ออกมาเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าเห็น แล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “ว่าแต่มึง- เอ๊ย! นายเป็นลูกคนงานบ้านนี้หรอ” เรย์ส่ายหัวปฏิเสธ “พ่อบ้านให้ผมมาเป็นเด็กฝึกงานที่นี่ได้ปีกว่า แล้วปีหน้าผมก็จะเข้ามหาลัยแล้วด้วย” หยดเทียนพยักหน้าแล้วยืนหลังขึ้นมองด้วยท่าทีสนใจ “แล้วเด็กฝึกงานที่นี่ทำอะไรบ้างอ่ะ” “ก็ทำเกือบทุกอย่างแล้วแต่โดนสั่งนั่นแหละพี่ เรียนรู้งานทั้งในและนอกบ้านบ้าง โดนใช้ไปซื้อของบ้าง เนี่ย! ล่าสุด ผมโดนพ่อบ้านสั่งให้ไปเป็นผู้ช่วยคนดูแลสวนที่มาใหม่ ผมยังไม่เห็นเลยว่าหน้าตาเขาเป็นยังไงถ้าทำงานไม่ได้นะพ่อจะตบกบาลให้” เรย์กล่าวพร้อมกับทำท่าซ้อมตีกบาลคน “ฉันเนี่ยแหละคนดูแลสวนคนใหม่” “พี่หรอ..” เด็กหนุ่มหน้าเจื่อนยิ้มอ่อนให้คนพี่ เมื่อคนที่ตนจะตบกบาลคือพี่ชายเบต้าที่นั่งอยู่ต่อหน้าต่อตาตนอยู่ตรงนี้ “เออ!” “แหม ไม่น่าล่ะโหงวเฮ้งดีจัดเลย” “เมื่อกี้จะตบกบาลฉันอยู่เลย” “ไม่ใช่ๆ อันนั้นผมซ้อมตบคนอื่นไม่ได้ตบพี่” “เปลี่ยนสีเร็วนะเอ็ง” “ก็นิสหนึ่ง” เด็กหนุ่มตอบด้วยใบหน้ากวนก่อนจะกินข้าวต่อ เวลาเดินทางมาถึงตอนบ่ายแดดกล้าราวกับเวลาติดสปีท คนสวนและผู้ช่วยคนใหม่ยืนหอบหายใจแฮ่กอยู่ใต้เงาไม้พลางเหลือบดูพื้นที่ตรงหน้า “เมื่อเช้ายังครึ้มฟ้าครึ้มฝนอยู่เลยมาตอนนี้แดดออกอย่างกับพระอินทร์จะตากผ้า” หยดเทียนยืนค้ำเอวอย่างถอดใจ “เอาไงพี่ จะเตรียมหน้าดินอะไรนั้นทั้งๆ ที่แดดแรงแบบนี้เนี่ยนะ” เรย์ที่ยืนอยู่ข้างกันยกแขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ไหลออกเป็นน้ำทั้งๆ ที่ยังยืนอยู่ในเงาไม้และยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย “แดดแบบนี้แหละดีต่อการตากดิน” “เอาจริงดิ” เด็กหนุ่มยู่ปากหันหน้ามองคนพี่อย่างไม่อยากทำ แต่ก็โดนหยดเทียนผลักหน้าตนออกไปทางอื่น “เออ รีบๆ หยิบจอบแล้วตามมา” ว่าแล้วคนสวนหนุ่มไฟแรงก็สวมถุงมือและใส่หมวกฟางสาน แล้วหยิบจอบคู่ใจเดินออกไปเฉิดฉายท่ามกลางแดดอันเปรี้ยงปร้าง ทำให้อีกฝ่ายที่ยืนดูในร่มกลืนน้ำลายอย่างขี้ขลาด ด้วยกลัวว่าผิวขาวใสที่ดูแลมานานจะโดนแดดเผาเอา แต่เพราะปฏิเสธคำสั่งของอาจารย์อย่างพ่อบ้านฮันไม่ได้ เรย์จึงต้องจำใจหยิบจอบเดินเบะปากอย่างไม่สมดั่งใจออกไปพร้อมกับตะโกนบ่นไปด้วย “ถ้าผิวผมเสียขึ้นมาผมโทษพี่แน่!” “เออ รีบทำเถอะพ่อคุณ” “แฮ่ก พักก่อนไหมพี่” เสียงหอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อยเจียนจะตายของอัลฟ่าน้อย ก่อนทรุดตัวนั่งลงใต้เงาไม้ ทำให้คนที่อายุมากกว่าต้องตามมานั่งพักด้วย “แดดบ้าอะไรร้อนยังกับนอนห่มร้อยชั้น” เบต้านั่งฟังอัลฟ่าน้อยบ่นพึมพำไปโดยไม่ได้ใส่ใจ แล้วหยิบหมวกสานพัดวีใบหน้าเพื่อระบายความร้อนพลางมองขึ้นไปรอบบ้านโดยที่ไม่ได้คิดอะไร จนสะดุดตาเข้ากับระเบียงกว้างที่อยู่ด้านบน ซึ่งถ้าเดินออกมาสูดอากาศด้านนอกจากระเบียงหลังและก้มลงมาก็จะเจอสวนหลังบ้านแบบชัดเต็มพอดี “นั่นห้องใครอ่ะ” ด้วยความสงสัยใคร่อยากรู้จึงเอ่ยถามผู้ที่ทำงานในบ้านหลังนี้มานานกว่าตน “ไหน?” “นั่นไง” หยดเทียนชี้ไม้ชี้มือไปยังระเบียงกว้างดังกล่าวให้คนน้องดูก่อนเรย์จะเอ่ยขึ้น “อ๋อ! นั่นคือห้องของนายท่าน” ฝ่ายถามพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะตั้งคำถามอีกครั้ง “แล้วนายท่านที่ว่านี่ชื่ออะไรอ่ะ” “จุ๊ๆๆๆ พูดเบาๆ สิพี่...นายท่านกำลังทำงานอยู่ข้างบนเดี๋ยวก็ได้ยินกันพอดี” เรย์กล่าวเสียงเบาติเตือนคนอายุมากกว่าก่อนที่ทั้งสองคนจะกระซิบกระซาบคุยกัน “โทษๆ ฉันไม่รู้หนิว่านายท่านอยู่ข้างบน...รีบๆ บอกมาเลย” “นายท่านชื่ออิวามุโระ เอย์จิเป็นนายน้อยของตระกูลใหญ่ในญี่ปุ่น ฉันบอกเลยนะว่านายท่านเป็นอัลฟ่าที่แข็งแกร่งมาก สู้รบตบมือกับใครไม่เคยแพ้ นิสัยนี่ก็ถือว่าร้ายกาจแถมยังหน้าตาดีสุดๆ” หยดเทียนตาลุกวาวเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ยินมา ไม่คิดไม่ฝันว่าตนเองได้เข้ามาทำงานในบ้านของคนที่ไม่ธรรมดาขนาดนี้ ไม่น่าล่ะเมื่อวันก่อนเขาถึงเห็นบอดี้การ์ดมากมายอารักขาดูแลความปลอดภัยอยู่เต็มทั้งบ้าน “โห นี่ฉันได้มาทำงานให้คนระดับนี้เลยหรอเนี่ย..ไม่อยากเชื่อ” เขาใช้มือทาบหน้าอกตัวเองที่เต้นตุบตับด้วยความอึ้งกับเรื่องที่เกิด “นี่ผมจะบอกความลับให้เอาม้ะ” “ความลับไรวะ?” “ก็เมื่อวานฉันแอบไปได้ยินว่า ที่นายท่านกลับไปญี่ปุ่นเพราะว่ากลับไปตกลงธุรกิจระดับหมื่นล้านกับนักธุรกิจในญี่ปุ่นแบบลับๆ” หยดเทียนนั่งตั้งใจฟังเรย์เล่าอย่างสนใจ กระทั่งจู่ๆ ก็ร้องเอ๊ะ! ในใจ สรุปว่าเรื่องที่เล่านั้นลับหรือไม่ หากว่าเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อนระดับนั้น การที่จะสนทนากันก็ย่อมต้องดูแลความปลอดภัยและระมัดระวังเป็นอย่างดี แล้วอย่างนี้เรย์ไปรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร “ลับ? ลับแล้วทำไมนายถึงรู้” “ก็บอกแล้วไงว่าแอบไปได้ยิน ผมกำลังเอาชาไปให้นายท่านพอดีเลยได้ยินว่านายท่านคุยเรื่องนี้กับพ่อบ้าน” “อ๋อ แอบฟัง” “ใช่ๆ แอบฟัง” “แล้วยังไงต่อ” “แล้วบอกว่า ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปถึงหูของนายท่านอีกหนึ่งตระกูลที่เป็นพันธมิตรกันนี่เรื่องใหญ่แน่ เพราะว่าตระกูลนั้นเขาไม่ถูกกัน” “ลึกลับดีแท้ นักธุรกิจคนหนึ่ง ตระกูลๆ หนึ่ง ไม่รู้ชื่อสักอย่าง” “ก็มันลึกลับน่ะสิถึงสมกับเป็นตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพล แค่ผู้นำตระกูลสะกิดนิดเดียวทั้งประเทศก็พลิกได้แล้ว” “วึ๊ย! ขนลุก! ฉันสาบานเลยฉันไม่มีทางเข้าไปยุ่งกับพวกนี้แน่ๆ” “จริงอ่ะ” “เออสิ ถ้าโดนคว้านท้องเหมือนในหนังขึ้นมาฉันจะทำยังไง” “แต่ฉันว่า...” เขากล่าวพร้อมกับมองขึ้นไปที่ระเบียงห้อง “ว่า...” เรย์ลากเสียงยาวตาม ในขณะที่หยดเทียนเงยหน้ามองขึ้นไปดูระเบียงแล้วหรี่ตาทำใบหน้าสงสัยอยู่นั้น ร่างสูงเจ้าของเรื่องก็เปิดประตูแล้วเดินเอามือไพล่หลังอย่างนายแบบออกมารับลมนอกระเบียงพอดี ส่งผลให้เบต้าเผลอสบตาคมเฉี่ยวของนายท่านเข้า ‘ใครวะหน้าตาโคตรหล่อแต่หล่อแบบกวนตีนฉิบหาย’ เขามองพลางพินิจใบหน้าอันหล่อเหลาที่นิ่งราวกับรูปปั้นชวนให้ต้องมนต์สะกด ผิวพรรณขาวนวลสมกับเป็นผู้ดีมีชาติตระกูล แต่เมื่อจ้องมองใบหน้าของชายคนดังกล่าวไปนานเข้ากลับรู้สึกว่า ใบหน้าของชายคนนี้กวนๆ อย่างไรก็ไม่รู้ หยดเทียนจ้องอยู่นานกระทั่งคนที่อยู่ด้านบนเหลือบเห็นและแสดงสีหน้าไม่พอใจที่ถูกจ้องโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาจึงรีบถอนสายตาออกมา “วะ ว่าควรไปทำงานได้แล้ว” “แต่แดดยังแรงอยู่นะพี่ แล้วเรานั่งพักแค่แป๊บเดียวเอง” ดวงตาคมใสมองตามหลังของคนพี่ที่ลุกลี้ลุกลนหยิบนู้นหยิบนี่ใส่ใส่ร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับออกไปทำงานกลางแดด แล้วคว้าเอาจอบออกไปทันที “ดูข้างบนแล้วรีบตามมา” เสียงใสลอยมาตามลมพลางบุ้ยปากบอกคนน้องด้วยความหวังดีก่อนจะเดินทิ้งห่างออกไปอย่างไม่สนใจรอผู้ช่วยคนใหม่อย่างเรย์ “ไรวะ? เดี๋ยวก็ไม่ไปช่วยซะหรอก อ๋อ..” เขาเอ่ยบ่นพลางขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ แล้วไล่สายตามองขึ้นไปยังข้างบนอย่างที่คนพี่บอกอย่างไม่คิดอะไร และพบว่า.. ใบหน้าอันหล่อเหลาประดุจพญามัจจุราชที่พร้อมจะดุด่าเขาอยู่ตลอดเวลายืนเด่นอยู่บนระเบียงสูง เรย์ยิ้มฝืนยิ้มแห้งให้เจ้านายอย่างกลัวตาย พร้อมกับมือไม้สั่นที่งมหาหมวกอยู่บนพื้น “แฮะๆ กำลังทำงานอยู่ครับ กะ กำลังไปทำ..” เมื่อหมวกที่งมหาอย่างยากเย็นกระเด็นเข้ามาอยู่ในมือก็รีบลุกขึ้นพรวดพราด แล้วรีบคว้าจอบวิ่งตามหลังเบต้าไปอย่างรวดเร็ว นึกโทษพี่ในใจว่าทำไมไม่บอกให้มันชัดกว่านี้! เอย์จิระบายลมหายใจอย่างคิดหนักว่าเรื่องที่ปล่อยให้เด็กฝึกงานทำมันจะได้เรื่องหรือ? สายตาเฉี่ยวคมปลายเหลือบหาคนสวนผู้มาใหม่อย่างครุ่นคิดและเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เพราะเบต้าคนนั้นดันรู้มุมจึงเดินหลบหายเข้าไปทำงานอยู่หลังต้นไม้จึงทำให้สายตาเจ้านายไม่สามารถสอดส่องเห็นเบต้าได้และสังเกตพฤติกรรมได้ชัด “เป็นยังไงบ้าง” เสียงเรียบเย็นเอ่ยกับฮันที่ยืนอยู่ข้างหลัง “ตอนนี้ยังปกติดีครับ” “จับตาดูมันต่อ อย่าให้คาดสายตา” “ครับนายท่าน” ฮันเอ่ยตอบรับด้วยเสียงนุ่มหากแต่ฟังดูหนักแน่น ก่อนจะวางน้ำชาไว้บนโต๊ะจากนั้นก็โน้มตัวเคารพแล้วเดินออกไป ตะวันคล้อยเริ่มตกดินเป็นสัญญาณเตือนให้พนักงานทุกทั้งหลายกลับไปพักผ่อนได้แล้ว หยดเทียนร่ำลาหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งรู้จักเพียงหนึ่งคนก่อนกลับ ในที่สุดสองวันของการทำงานก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ไม่ได้เจ็บตัวไม่โดนต่อว่าจากนายจ้างและที่สำคัญไม่ได้ทะเลาะกับเจ้านายด้วย ร่างสูงขนาดพอดีเดินเปิดประตูเข้ามาในห้องหลังจากเพิ่งลงมาจากรถแท็กซี่โดยสาร พร้อมกับโทรศัพท์ที่แนบหูไม่วางพลางยิ้มเล็กยิ้มน้อยอยู่ไม่หุบ [งานใหม่เป็นยังไงบ้างจ๊ะ ดีไหม?] เสียงหวานที่อยู่ปลายสายเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ดีมากเลย วันนี้พี่เพิ่งปรึกษากับพ่อบ้านเรื่องงานที่ทำงาน ถ้าเป็นงานอื่นนะพี่ไม่มีสิทธิออกความคิดเห็นหรอก” หยดเทียนวางข้าวของที่ซื้อมาบนโต๊ะอาหารก่อนจะเดินมานั่งบนปลายเตียงเพื่อคุยกับน้องชาย [อื้อ! ดีจังเนอะ] “แล้วนี่น้ำกินข้าวหรือยัง” [ซื้อมาแล้วจ้ะแต่ยังไม่ได้กิน น้ำรอให้พวกคนที่อยู่ข้างล่างกลับไปก่อนน้ำถึงจะลงไป] “แขกของแม่หรอ?” [ไม่จ้ะ เหมือนว่าจะเป็นเพื่อนที่ทำงานของแม่น่ะ น้ำได้ยินเสียงหลายคนเลย] หยดเทียนถอนหายใจด้วยความเป็นห่วงก่อนตอบ “น้ำรอพี่ก่อนนะ เงินเก็บพี่มีพอเมื่อไหร่พี่ย้ายออกจากที่นี่แล้วจะรับน้ำมาอยู่ด้วยกันนะ” [น้ำรอพี่เทียนได้อยู่แล้วแต่พี่อย่าทำงานหักโหมเกินไปนะจ๊ะ] “อื้อ! งานสบายๆ น้ำไม่ต้องห่วง” [เอาไว้คุยกันต่อนะจ๊ะ น้ำจะไปอ่านหนังสือต่อช่วงนี้สอบกลางภาคด้วย] “โอเค อย่านอนดึกละ” [จ้ะพี่เทียน] สิ้นเสียงใสปลายสายก็ถูกตัดไป มือเรียวยาววางโทรศัพท์ลงบนพื้นเตียงพร้อมกับสีหน้ากังวลที่ผุดออกมาอย่างเก็บไว้ไม่มิดด้วยความไม่สบายอยู่เต็มอก เพราะหยดน้ำเป็นโอเมก้าที่ต้องอยู่ท่ามกลางแขกอัลฟ่าของมารดาเพียงตัวคนเดียว หากวันดีคืนดีแขกพวกนั้นบุกเข้าห้องหวังทำร้ายร่างกายหรือข่มขืนหยดน้ำขึ้นมา ร่างบางน้อยด้อยพละกำลังจะสู้อย่างไรถึงจะเอาตัวรอดได้ จะดีไม่น้อยหากตอนนี้เขาพร้อมที่พาน้องชายมาอยู่ด้วยกันได้ แต่ด้วยปัญหาสินทรัพย์ที่ไม่พอจะยาไส้และการเจรจาต่อรองกับป้าเจ้าของห้องเช่าไม่ได้ จึงเป็นอุปสรรคอันไม่เอื้ออำนวยให้เขาเจอทางออก และด้วยเหตุผลเหล่านี้หยดเทียนจึงคาดหวังกับการทำงานในบ้านคนรวยไว้มาก เพราะนี่คือหนทางเดียวที่ทำให้เขาพอจะมีเก็บออมที่ลิดรอนมาจากเงินเดือนเก็บไว้ได้บ้าง และเมื่อเวลานั้นมาถึงชายเบต้าคนนี้จะได้มีกำลังมากพอที่จะฉุดน้องชายขึ้นมาจากกองขี้เถ้าโสมมเหล่านั้นได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD