ตอนที่ 8 หยดเทียนมาหาน้องชาย

2296 Words
ตะวันยามบ่ายคล้อยตกสู่ขอบฟ้า ทำให้แสงสว่างเริ่มจางหายไปทีละน้อย ร่างสูงพอดีตัวยืนซื้อกับข้าวที่ร้านพี่สร้อยเจ้าประจำก่อนจะโบกแท็กซี่กลับบ้านที่อยู่ห่างไกลจากห้องพักของตนไปพอสมควร เมื่อมาถึงหน้าบ้าน หยดเทียนก็รีบยกโทรศัพท์โทรหาน้องชายให้ลงมาเปิดประตูรั้วบ้านให้ ทันทีที่หยดน้ำผู้นอนกระดิกขาอ่านหนังสือรู้ว่าพี่ชายของตนกลับมาก็รีบวิ่งตะลีตะลานแทบจะกระโดดลงมาจากชั้นบนลงมาด้านล่างด้วยความเร่งรีบ หลังจากประตูรั้วถูกเปิดโอเมก้าน้อยก็โผล่เข้ากอดพี่ชายทันทีด้วยความคิดถึงก่อนจะพากันเดินเข้ามาในบ้าน “อยู่บ้านคนเดียวหรอ?” หยดเทียนเอ่ยถามน้องชายพร้อมกับวางถุงกับข้าวลงบนโต๊ะกินข้าวแล้วหันมองรอบๆ หยดน้ำพยักหน้า “แม่ยังไม่กลับตั้งแต่เมื่อคืนแล้วจ้ะ” “งั้นเราทานกันสองคนนี่แหละเนอะ” เขาพูดพลางยิ้มหวานให้ ช่างรู้สึกโล่งใจนักที่วันนี้ไม่ต้องประสบพบเจอมารดาที่ไม่ค่อยลงรอยกันนัก แม้รู้ว่าความคิดอัปยศน่าอดสูเช่นนี้ไม่สมควรหลุดออกมาจากปากลูกชายแท้ๆ แต่ก็ยอมรับอย่างไม่มีคำเถียงเลยว่าหยดเทียนรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ “งั้นเดี๋ยวน้ำแกะกับข้าวรอนะจ๊ะ” “จ้ะ” คนพี่เอ่ยตอบก่อนจะวางชามที่บรรจุข้าวลงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้าและปิดฝาลง เสียงเปิดประตูดังขึ้นในขณะที่พี่น้องสองหยดกำลังนั่งกินข้าวอยู่ในห้องครัว หยดเทียนชะเง้อหน้ามองก็เห็นว่าชายหนุ่มอัลฟ่าคนหนึ่งกำลังพยุงร่างอันไร้สติของมารดาเดินเข้ามาก่อนจะวางลงบนโซฟา ชายคนนั้นยืนถอนหายใจพร้อมกับมือเท้าเอวมองแล้วส่ายหน้าด้วยความหน่ายที่เธอทำให้เขาต้องเสียเวลามาส่งทุกครั้งที่เมา แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ถือว่าคุ้มใช้ได้ เพราะแม้จะเสียแรงกายหามหญิงวัยกลางคนมาส่งถึงบ้าน แต่ก็เป็นโอกาสดีที่ทำให้เขาเจอหน้าลูกชายสุดสวยของเธออยู่บ่อยๆ นั่นนับว่าคุ้มค่าอยู่พอตัว “แม่กลับมาหรอจ๊ะ” โอเมก้าน้อยเอ่ยถาม “อย่าสนใจเลยกินต่อเถอะ” หยดเทียนตักอาหารเข้าปากโดยไม่ใคร่จะสนใจนักว่าอุ่นทิพย์จะเป็นอย่างไร ผิดกับหยดน้ำที่มีสีหน้ากังวลเพราะรู้อยู่แก่ใจดีว่าเมื่อแม่ของตนกลับมาย่อมมีชายอัลฟ่าคนนั้นตามกลับมาด้วย เสียงพูดคุยของทั้งสองคนแว่วเข้าหูของชายยืนเท้าเอวอยู่ในห้องนั่งเล่น ทำให้เขาเดินตามเสียงสนทนาดังกล่าวมาหยุดอยู่หน้าห้องครัวพลางเพ่งสายตาไปที่เป้าหมายตัวขาวที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าของอัลฟ่ายกอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้โอเมก้าน้อยรู้สึกวาบหวิวใจจนแทบกลืนข้าวไม่ลง ยิ่งชายหนุ่มเห็นท่าทางการแสดงออกของหยดน้ำเช่นนั้นมันยิ่งได้ใจ ก่อนจะเสสายตาเหลือบเห็นอีกหนึ่งคนที่กำลังนั่งหันหลังให้อย่างไม่รู้สึกรู้สาว่ากำลังมีคนอยู่ด้านหลัง เขาขมวดคิ้วนึกแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นหน้าค่าตาอีกฝ่ายมาก่อน “ไงครับน้องน้ำ ทานอาหารอร่อยไหมครับ” ทันทีที่ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นหยดเทียนก็ช้อนตาขึ้นมองหน้าน้องชายโดยอัตโนมัติ “ใคร?” พี่ชายเบต้าเอ่ยถามน้องทันทีด้วยความสงสัย “ผมชื่อธามครับพอดีแวะมาส่งคุณทิพย์น่ะครับ” เป็นธามที่สวนตอบขึ้นมาแทนพร้อมกับเดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านหน้าโต๊ะอาหารที่สองพี่น้องนั่งอยู่ หยดเทียนเคี้ยวอาหารต่ออย่างไม่สนใจ เพราะคนที่เกี่ยวข้องกับมารดาไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ย่อมต้องเป็นคนที่ประพฤติตัวไม่ค่อยดีนัก เขาไม่มีทางเอาตัวเองและน้องชายเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนพันธุ์นี้แน่นอน “ว่าแต่ผมไม่เคยเห็นคุณเลยเป็นเพื่อนน้องน้ำหรือครับ เป็นเพื่อนที่โรงเรียนหรือเป็นเพื่อนที่ทำงานครับ” “...” และแน่นอนว่าหยดเทียนนั่งนิ่งเป็นตอไม้ตายเช่นเดิม แม้จะเหลือบตามองหน้าน้องชายอยู่บ้างในตอนที่อัลฟ่าพูดถึงเรื่องการทำงานของน้องตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่รู้ “ปะ เปล่าครับเป็น-” “น้ำเก็บจาน” ยังไม่ทันที่หยดน้ำจะเอ่ยจบ พี่ชายของเขาก็ยกมือขึ้นเชิงบอกว่าให้หยุดพูดและออกคำสั่งให้เก็บโต๊ะอาหาร หยดน้ำเหลือบมองใบหน้าพี่ชายที่ยิ้มอย่างฝืนปากก่อนสลับสายตาไปยังอีกฝ่ายที่จ้องมองมาที่ตัวเขาด้วยสายตาที่น่ารังเกียจไม่หยุด หยดเทียนหันหน้ามาปะทะชายหนุ่มที่ยืนซ่อนมือไว้ในถุงกางเกงอย่างเก๊กท่า เขาร้องเฮอะในลำคอก่อนจะใช้สายตาหยามเกียรติมองอัลฟ่าตั้งแต่ปลายเท้ายันถึงเส้นผม “แต่งตัวดีจังเลยนะครับ” ธามหยักไหล่ก่อนตอบ “ครับ พอดีผมเพิ่งไปพบลูกค้ามาน่ะครับเลยแต่งตัวเต็มหน่อย” “อ๋อ...” เบต้าหนุ่มลากเสียงเอื่อยยาวพร้อมกับลุกขึ้นยืนต่อหน้าอัลฟ่าหนุ่มที่ตัวสูงกว่าอย่างไม่เกรงกลัว “หน้าตาก็ดี..สูทที่ใส่ก็สวย..กางเกงก็แพง..ไม่อยากนึกเลยรองเท้าคงต้องแพงหูฉี่เลยมั้งครับเนี่ย” หยดเทียนกอดอกชี้นิ้วประจบสอพลอไปที่ใบหน้าและเสื้อผ้าของชายที่เผชิญอยู่เบื้องหน้าอย่างเสแสร้งแกล้งทำ “ก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ แค่นี้ไม่ทำให้กระเป๋าผมเบาลงหรอก” ธามยิ้มไม่หุบอย่างภูมิใจเมื่อมีคนยกยอปอปั้นตน หยดเทียนยิ้มตอบจนตาหยีให้กับคู่สนทนา จนทำให้อีกฝ่ายคิดว่าหนุ่มผิวสีผึ้งคนนี้คงกำลังสนใจตนเป็นแน่เพราะเห็นว่าเสื้อผ้าหน้าผมดูเป็นผู้ลากมากดี ธามยกยิ้มพลางคิดหยามอีกฝ่ายในใจว่าหากร่างเพรียวตรงหน้าพร้อมพลีกายพลีใจให้ เขาก็ไม่ติอะไรถ้าจะเลี้ยงเด็กพร้อมกันทั้งสองคน “ใช่ครับ เพอร์เฟกต์ทุกอย่างแต่สันดานไม่น่าเสียเลยครับ ผมเสียดายแทนคุณจริงๆ เลย” “อะไรนะ?” “นอกจากสันดานเสียแล้วยังหูหนวกอีกหรือครับ แหม...แบบนี้ใครเห็นเข้าจะว่าฉันรังแกคนพิการไหมเนี่ย...แต่ก็คงไม่หรอกมั้งเพราะการที่คนเราจะกระทืบใครสักคนคาตีน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่มันอยู่ที่สันดานคนนั้นล้วนๆ เลยนี่เนอะ” หยดเทียนยื่นหน้าพลางเอียงคอมองอีกฝ่ายพร้อมยกยิ้มเย้ยอย่างกวนโอ๊ย อัลฟ่าหนุ่มแลบเลียลิ้นด้วยอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นเพราะโดนอีกฝ่ายต่อว่า เขาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะตอบโต้ “สันดานเสีย?” “ใช่! คนสันดานดีที่ไหนใส่รองเท้าเข้ามาในบ้านคนอื่น แถมยังเสนอหน้ามาให้คนอื่นเห็นจนทานข้าวต่อไม่ลง” “ปากดีจังนะ ไม่ทราบว่าเป็นเจ้าของบ้านนี่หรือไงถึงได้กล้าด่าคนอื่น” “ฉันไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน นายเองก็ไม่ได้เป็นเหมือนกันนี่ เพราะฉะนั้นทั้งฉันและนายไม่ควรทำแบบที่นายทำตอนนี้ ฉันพูดถูกไหม?” หยดเทียนกอดอกพูดพลางทำสีหน้าทะเล้นยั่วโทสะอย่างสนุกใจ ธามเดาะลิ้นเสียงดังพร้อมกับควักกระเป๋าเงินออกมา ด้วยคิดจะใช้เงินฟาดหัวอีกฝ่ายอย่างที่เคยทำมาตลอด เขาเห็นมานัดต่อนัดแล้วว่าคนหัวแข็งก้าวร้าวแบบนี้ขอแค่ได้ดมกลิ่นเงินเข้าหน่อยก็แทบจะนอนเป็นผ้าเช็ดตีนให้เขาใช้แล้ว “อ๋อ! พูดแบบนี้ต้องการเงินว่างั้น เอาเท่าไหร่ล่ะห้าพันพอไหม? แต่...ถ้าฉันจะจ้างมานอนด้วยนี่คิดเท่าไหร่ถามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังให้ด้วยสิ” ว่าจบเขาก็ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับเปิดกระเป๋าสตางค์หรูที่บรรจุเงินแบงก์เทาไว้หลายใบแล้วหยิบมันออกมา เบต้าควันออกหูโมโหขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน เขาแทบอยากจะออกหมัดปะทะเข้าเบ้าหน้าของชายตรงหน้าสักหมัดเสียเต็มประดา กล้าดียังไงถึงได้เอาเงินมาซื้อตัวน้องชายาวกับว่าเป็นของซื้อของขายในตลาดนัด หากไม่มีหยดน้ำยืนอยู่ตรงนี้มีหวังเขาคงกระทืบอัลฟ่านายนี้แล้ว หยดเทียนหายใจเข้าลึกๆ ทำให้หัวของตัวเองเย็นลงก่อนจะยิ้มแฉ่งโต้กลับ “อี๋! เอาออกไปไกลๆ เลย!” ว่าแล้วเขาก็รีบเอามืออุดจมูกพร้อมกับใช้นิ้วชี้ผลักมือของธามออกไปให้ห่างด้วยท่าทีสะอิดสะเอียน “ปกติฉันชอบเงินมากนะแต่ทำไมเมื่อเห็นเงินนายแล้วฉันอยากจะอ้วกขนาดนี้!” ธามเบิกตาถมึงทึงด้วยความไม่พอใจเพราะวิธีที่ตนมักใช้แก้ปัญหามาหลายหนใช้กับครั้งนี้ไม่ได้ ซ้ำยังโดนอีกฝ่ายทำท่าทีราวกับว่าเงินของเขาเป็นกระดาษชำระที่ผ่านการใช้งานมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น ‘โธ่ แค่นี้ก็ทนไม่ได้ซะแล้ว’ ฝ่ายเบต้าที่เห็นคู่กรณีแสดงท่าทีโมโหแทบจะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ได้ก็ยิ่งได้ใจ พวกเศรษฐีมีหน้ามีตาชอบใช้เงินปรนเปรอตัวเองจนเป็นนิสัย มักแก้ไขปัญหาด้วยการใช้เงินฟาดหัวคนอื่น แต่เมื่อวิธีที่ตนชอบใช้แก้ปัญหาไม่ได้จึงแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาก็นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว “มารยาทพื้นฐานการใช้ชีวิตมันสำคัญนะ ถ้าว่างๆ ก็หัดใช้เงินที่หามาไปเรียนบ้างละ เผื่อมันจะข่มสันดานเลวๆ ของนายเอาไว้ได้บ้าง ทีหลังจะได้ไม่ตัวทำส้นตีนแบบนี้กับคนอื่นอีก แล้วก็ออกไปจากบ้านนี้ซะก่อนฉันจะแจ้งตำรวจ” เสียงใสผ่อนความหนักลงแล้วเอ่ยด้วยความจริงใจอย่างเวทนาลึกๆ แม้ว่าจะมีคำหยาบแซบแซมเข้ามาอยู่บ้าง เมื่อพูดจบเขาก็จูงมือหยดน้ำขึ้นไปบนห้องทันที ฝ่ายธามที่เห็นว่าหยดเทียนกำลังเดินหนีทั้งที่เพิ่งด่าตนไปก็รีบปล่อยฟีโรโมนความเข้มข้นสูงออกมาหวังสกัดทั้งสองไว้ให้อยู่ในกำมือ กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าแม้จะปล่อยออกมาดั่งรถน้ำหอมคว้ำก็ไม่สามารถทำอะไรเบต้าได้แม้แต่ปลายนิ้วน้อย แต่ไม่ใช่กับน้องชายที่เป็นโอเมก้า หยดน้ำเริ่มหน้าแดงทันทีที่ได้สูดกลิ่นเข้าร่างกายและเริ่มประคับประคองตัวไม่ได้ และด้วยความเป็นพี่ชายที่ต้องปกป้องดูแลน้องจึงรีบกระโดดลงจากบันไดคว้าหยิบน้ำหอมปรับอากาศแล้วฉีดพ่นใส่ร่างกายอีกฝ่ายและเน้นไปที่ใบหน้าของธามอย่างโมโห “ออกไป! อย่ามาปล่อยกลิ่นขี้แถวนี้!” เขาตะโกนด่าเสียงก้องบ้านแล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดพาหยดน้ำหนีขึ้นไปบนห้องทันที “แค่กๆๆ” ธามละฝ่ามือออกจากจมูกแล้วไอด้วยความสำลักสเปรย์ เขาลืมตาแล้วกวาดดูคู่แค้นแล้วขบกรามด้วยความแค้นใจ เด็กคนนี้ทำเขาไว้เจ็บแสบนัก ด่าว่ายังไม่พอยังฉีดสเปรย์อากาศใส่เขาอีก แม้จะโกรธจนอยากยิงทิ้งแต่ธามก็รู้ดีว่ามันเสี่ยงแค่ไหน จึงเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปเมื่อตนทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ หลังจากที่สองพี่น้องเดินเข้ามาในห้อง หยดเทียนพยุงพาหยดน้ำนั่งพักอยู่บนเตียงอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อดีขึ้นแล้วผู้เป็นพี่ชายจึงเริ่มถาม “น้ำทำงานหรอ?” เสียงเรียบนิ่งของพี่ทำให้โอเมก้าน้อยเกิดอาการเงอะงะที่จะตอบ “จะ จ้ะ น้ำทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านขนมทางเข้าซอย” เด็กน้อยก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผิด หยดเทียนถอนหายใจเมื่อเห็นท่าทางของหยดน้ำ เขาเผลอใส่อารมณ์ในประโยคเมื่อครู่มากเกินไปจนทำให้น้องชายกดดันและกังวล จึงหลับตาทำใจเย็นลงแล้วค่อยๆ พูดค่อยๆ ถามน้อง “แล้วทำไมน้ำไม่บอกพี่” “น้ำกลัวพี่ไม่ให้น้ำทำ น้ำไม่อยากขอเงินพี่เทียนจ้ะ...น้ำอยากหาด้วยตัวเอง...นะ น้ำขอทำต่อได้ไหมจ๊ะ” เบต้าหนุ่มนั่งนิ่งไปชั่วขณะ มองใบหน้านวลอย่างครุ่นคิดพิจารณาว่าควรตอบคำถามนี้อย่างไรดี เขากลัวว่าหยดน้ำจะเหนื่อยเพราะทั้งเรียนทั้งทำงานไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากเป็นเรื่องที่หยดน้ำต้องการเขาคงห้ามน้องไม่ได้ สุดท้ายก็คงต้องปล่อยให้น้องชายเรียนรู้อะไรบ้าง “น้ำห้ามทำงานหนักนะไปทำแค่เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดก็พอ” เด็กน้อยยิ้มตาปิดด้วยความดีใจก่อนจะโผล่กอดพี่ชายตัวเองแน่น “น้ำจะไม่ทำงานหนักแน่นอนจ้ะ” “ต่อไปนี้ห้ามโกหกหรือปิดบังอะไรพี่อีกนะ” เด็กน้อยขบริมฝีปากพลางพยักหน้าหงึกหงัก “ดีมาก งั้นไปอาบน้ำเถอะ” “จ้ะ” สายตาเป็นห่วงมองลาดไหลเล็กที่หายลับไปในห้องน้ำแล้วถอนหายใจอีกครั้ง หากวันนี้เขาไม่มาที่นี่ก็คงไม่รู้ว่าอัลฟ่าพวกนี้มันอันตรายมากกว่าที่คิดเอาไว้มาก เพราะฉะนั้นวันนี้เขาจึงตัดสินใจว่าจะนอนที่ค้างที่บ้านเพราะกลัวว่าไอ้ผู้ชายเมื่อครู่จะย้อนกลับมาหาเรื่องอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD