ตอนที่ 1 หยดเทียนจะลาออก

2591 Words
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!” “ขออนุญาตครับ” เสียงเคาะประตูหยุดลงพร้อมกับเสียงทุ้มใสของพนักงานหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมาตามหลัง เขาเอ่ยขออนุญาตหัวหน้าผู้เป็นเจ้าของห้องก่อนจะเปิดประตูบานทึบหนาเข้าไป หยดเทียน เบต้าหนุ่มวัย 24 ปีผู้เป็นเจ้าของร่างสูง 175 เซนติเมตรเดินเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบหลังจากที่โดนเรียกตัวด่วนเมื่อ 5 นาทีก่อน ทำให้เขาต้องรีบวางงานทุกอย่างในมือลงแล้วรีบวิ่งกรูเข้ามาพบผู้จัดการโดยทันที “ผู้จัดการเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาเอ่ยถามหัวหน้าพลางชำเลืองตามองไปยังภาเพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน ที่กำลังแสดงท่าทีสั่นกลัวพร้อมกับเอาฝ่ามือประกบที่แก้มของตนอยู่ตลอดเวลา เบต้าถอนหายใจเบาอย่างรู้ชะตากรรม เดาได้ไม่ยากเลยว่าสาเหตุที่เขาโดนเรียกเข้าพบโดยด่วนนั้นคือเรื่องอะไร “มีคนแจ้งผมมาว่าคุณทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมงานอีกแล้ว” สิน อัลฟ่าวัย 38 ปีผู้นั่งเก้าอี้ผู้จัดการร้านอาหารว่าด้วยสีหน้ายิ้มอย่างยิ่งยโสผิดกับน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจและเบื่อหน่ายกับพนักงานหนุ่มคนนี้อยู่ไม่น้อย เหตุเพราะชายหนุ่มคนนี้เข้ามาทำงานที่นี่ได้เพียงห้าเดือนก็ไปมีเรื่องตบตีกับพนักงานคนอื่นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และครั้งนี้ก็เช่นกัน “มีหลักฐานไหมครับว่าผมเป็นคนทำจริง” หยดเทียนตอบกลับพลางตีหน้ามึนไม่ยอมรับความผิดแม้รอยที่สลักอยู่บนหน้าโอเมก้าหนุ่มจะเป็นฝีมือของเขาจริงๆ ก็ตาม แต่หากไม่มีหลักฐานมายืนยันว่าเขาผิดจริง เขามีสิทธิปฏิเสธข้อกล่าวหานี้เช่นกัน “หลักฐานก็อยู่บนหน้าภานี่ไงครับ” หนุ่มน้อยโอเมก้าเอาฝ่ามือที่ประกบแก้มในตอนแรกออกก่อนจะหันใบหน้าข้างที่โดนทำร้ายให้ผู้จัดการดู สินมองรอยฟกช้ำที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของลูกน้องก็มีท่าทีตกใจ เพราะรอยดังกล่าวเขียวช้ำและระบมแดงจนน่ากลัว หากไม่รู้ว่ารอยที่ประจักษ์แก่ตาเป็นฝีมือของเบต้าแล้วละก็ เขาคงคิดว่าภาคงโดนพวกอัลฟ่าทำร้ายมาแน่ๆ “ผมทำจริงครับแต่ผมไม่ได้เริ่มก่อน” เมื่อเห็นท่าจะปฏิเสธไม่ได้ จึงเลือกที่จะโพล่งปากยอมรับว่าตนทำจริงโดยที่ไม่ต้องรอให้ผู้จัดการซักถามอะไรให้มากความ เพราะถึงอย่างไรหลักฐานก็เห็นอยู่คาตาคงจะปฏิเสธอะไรไม่ได้อีก “ไม่จริงครับเขาเป็นคนเริ่มก่อน ผมแค่เผลอทำน้ำหกใส่เสื้อคุณเทียนนิดหน่อยเอง แต่คุณเทียนคงไม่พอใจเลยตบหน้าภา ภาล้มหัวชนขอบโต๊ะหัวเกือบแตกเลยครับ” ภาเล่าด้วยสีหน้าหวาดกลัวพร้อมกับน้ำตาที่สั่งได้ ทำให้ผู้จัดการที่นั่งฟังมีท่าทีเห็นใจแล้วหันมาทำหน้ายักษ์ใส่พนักงานอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กันแทน “ผมจะลงโทษคุณยังไงดีนะคุณถึงจะหลาบจำสักที นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่คุณทำร้ายพนักงานคนอื่น” อัลฟ่าชายวัยกลางคนถอนหายใจพลางทิ้งแผ่นหลังลงพนักพิงเก้าอี้อย่างไม่สบอารมณ์ แล้วนั่งนิ่งสงบสติอารมณ์ที่กำลังจะทำลายภาพลักษณ์ที่ตนคิดว่าตัวเองดูเป็นสุขุมและฉลาด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วช่างตรงกันข้ามเกือบทั้งหมด เขานั่งทำท่าครุ่นคิดหาทางออกก่อนจะยกนิ้วชี้หน้าออกคำสั่ง “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณเทียนรีบขอโทษภาเดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่ผมจะพักงานคุณหรือไม่ก็ไล่คุณออก” หัวคิ้วมนขมวดเข้ากันแทบชิดเมื่อได้ฟังคำสั่งที่ไม่รู้ออกมาจากส่วนไหนของสมอง อึ้งกับการแสดงละครของเพื่อนร่วมงานแล้วยังต้องมาอึ้งต่อกับความลำเอียงของผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าที่คอยคุมคนหลายสิบชีวิต อุตส่าห์นั่งวางท่าคิดเสียดิบดีนึกว่ากำลังคิดหาวิธีทำให้เรื่องนี้คลี่คลายด้วยความยุติธรรมเสียอีก แต่สิ่งที่พูดออกมาดันไม่ต่างอะไรกับคนหัวทึบที่เชื่อคนง่ายเสียเหลือเกิน ตั้งศาลเตี้ยตัดสินคนอื่นง่ายๆ โดยที่ไม่ได้ซักถามแต่ละฝ่ายให้แจ่มแจ้งหรือหาหลักฐานให้ดีเสียก่อน “แต่ผมไม่ได้เริ่มก่อนนะครับหัวหน้า คุณภาเขาทำน้ำหกใส่ผมก่อนแล้วจะเข้ามาตบผมอีก หัวหน้าต้องให้ความยุติธรรมกับผมบ้างสิครับ!” “แล้วไหนล่ะหลักฐานที่หาว่าภาจะตบ ไม่เห็นมีรอยมืออยู่บนหน้าคุณเทียนเลยนี่ครับ!” “ก็คุณง้างมือจะตบผม...ผมโง่ยืนรอให้คุณตบมั้งครับ ผมก็ต้องปกป้องหน้าผมก่อนสิ” หยดเทียนโต้ตอบด้วยน้ำเสียงกระแทกเพราะตอนนี้เขาเริ่มเดือดดาลแล้ว “ก็ยังไม่ได้ตบนี่ครับ” “ก็จะตบไหมล่ะ-” “เงียบ!” เสียงร้องห้ามของผู้จัดการดังขึ้นเสียงดังปรามเหตุการณ์ถกเถียงระหว่างเบต้าและโอเมก้าให้หยุดลง “รีบๆ ขอโทษภาซะจะได้แยกย้ายกันไปทำงาน อย่าทำให้เรื่องแค่นี้กลายเป็นเรื่องใหญ่เลย คุณจะเดือดร้อนเปล่าๆ” ทันทีที่ผู้เป็นหัวหน้าเอ่ยจบ หยดเทียนก็แสดงสีหน้าโมโหทันทีเมื่อรู้สึกว่าตนไม่ได้รับความยุติธรรม ผิดกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ที่แสยะยิ้มมุมปากอย่างสะใจเมื่อเห็นว่าผู้จัดการกำลังเข้าข้างตัวเอง “ห้ะ!? ทำไมต้องเป็นผมครับ ผมไม่ได้-” “ถ้าเรื่องแค่นี้คุณทำไม่ได้ ผมว่างานในร้านนี้ก็คงจะยากเกินความสามารถของคุณแล้วละ” “ไม่ใช่ทำไม่ได้ครับแต่ผู้จัดการก็ควรให้ความยุติธรรมกับผมด้วยสิครับ คุณควรหาหลักฐานก่อนถึงจะถูก กล้องวงจรปิดก็มีไม่ใช่หรือครับ ผู้จัดการควรเปิดดูก่อนจะตัดสินสิครับถึงจะถูก” “มีกล้องแล้วจะทำไม ผมเป็นคนรับคุณเข้ามาทำงานเอง ผมย่อมรู้จักนิสัยและสันดานคุณดีอยู่แล้วว่าคุณเป็นคนหัวรุนแรงแค่ไหน” เบต้าหนุ่มจ้องหน้าผู้จัดการตาไม่กะพริบด้วยความโกรธ เรื่องทั้งหมดไม่ควรจบแบบนี้ คนที่เริ่มก่อนคือภาไม่ใช่เขา จริงอยู่ว่าเขาอาจจะป้องกันตัวจนเกินเหตุไปบ้าง แต่หากผู้จัดการให้คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องขอโทษก่อน หยดเทียนก็ยินดีที่จะให้อภัยและขอโทษในสิ่งที่เขาทำผิดจริงๆ ฉะนั้นบทสรุปของเรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นเลยที่หยดเทียนจะก้มหัวขอโทษใครก่อน “ทำไม จ้องหน้าผมทำไมไม่พอใจหรือไง!” สินกล่าวอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายที่เป็นเพียงลูกน้อง ประพฤติตัวจองหองด้วยการเหลือบมองหน้าด้วยสายตาไม่พอใจราวกับว่าอยากจะเข้ามาซัดตนเสียเต็มทนก็รู้สึกเหมือนถูกหยามศักดิ์ศรี ชายอัลฟ่าจึงดันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพุ่งมาหยุดอยู่เบื้องหน้าลูกน้องที่ตัวเตี้ยกว่าพลางยกมือค้ำเอวข่ม “ครับ ผมว่าผู้จัดการลำเอียงเกินไปครับ” น้ำเสียงราบเรียบดังขึ้นพร้อมกับสายตาที่จ้องหน้าอัลฟ่าไม่กะพริบ “แล้วยังไง! ฉันเป็นหัวหน้าส่วนเธอเป็นแค่ลูกน้องที่ฉันจะถีบหัวส่งเธอเมื่อไหร่ก็ได้” เขากลืนน้ำลายก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างสมเพช “หึ! ตั้งแต่ผันตัวจากเด็กล้างจานต๊อกต๋อยมาเป็นพนักงานเสิร์ฟ ก็ปีกกล้าขาแข็งทำตัวกร่างข้ามหัวฉันแล้ว ทำตัวแบบนี้อนาคตคงหนีไม่พ้นพวกกุ๊ยข้างทางหรอก!” สินเริ่มโมโหเมื่อโดนพนักงานอย่างหยดเทียนหาว่าเขาตั้งต้นเป็นศาลเตี้ย จึงต่อว่าอย่างเสียๆ หายๆ ไม่สมกับคนที่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าเลยสักนิด “ทำผิดแล้วไม่ยอมรับซ้ำยังหาว่าฉันไม่ยุติธรรมอีก บุญมากแค่ไหนแล้วที่ฉันสงสารรับเธอเข้ามาทำงานในร้านดังแบบนี้ ถ้าไม่พอใจหนักก็กลับไปกวาดใบไม้ทางข้างนู้นไป!!” อัลฟ่าพูดพร้อมกับเอานิ้วผลักหน้าผากของพนักงานที่เขาหาว่าเป็นอันธพาลไปด้วย ทำให้เบต้าต้องหลับตาปี๋ข่มอารมณ์และกำมือยับยั้งหมัดที่แทบจะพุ่งใส่หน้าสินอยู่รอมร่อ “หลับตาทำไมห้ะ! โกรธงั้นหรอ!โมโหงั้นหรอ!! ต่อยฉันสิ เอาเลย! ทำแบบที่พวกอันธพาลอย่างเธอเขาทำกันน่ะ!” ยิ่งอัลฟ่าหนุ่มพูดกระแทกแดกดันเสียงใส่หยดเทียนมากเท่าไหร่ นิ้วที่ออกแรงผลักหน้าผากก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปเท่านั้น ฝ่ายภาที่ยืนดูอยู่ก็ยิ่งสะใจไม่แม้แต่จะคิดเข้ามาห้ามปราม “ที่หลับตาก็ไม่ได้จะทำไมหรอกครับ แต่จะทำแบบนี้ไง!” “ผลัวะ!!” เขาถกแขนเสื้อขึ้นก่อนที่กำปั้นแกร่งจะตรงเข้าปะทะที่เบ้าหน้าของผู้จัดการอย่างจังจนทำให้เขาเซถลาล้มลงก้นจ้ำพื้น กลิ่นคาวเลือดที่ซิบออกมาตีขึ้นจมูกทำให้อัลฟ่าหนุ่มรีบยกมือแตะบริเวณมุมปากของตัวเอง แล้วพบว่าบริเวณนั้นมีเลือดซิบออกมา “ผะ ผู้จัดการ!” ภาที่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มปรับเปลี่ยนสีหน้าแทบไม่ทันเมื่อเห็นผู้จัดการล่วงไปอยู่กับพื้นภายในพริบตา เขายืนนิ่งค้างด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าเบต้าที่ยืนอยู่เบื้องหน้าจะกล้าทำร้ายเจ้านายของตัวเอง ดวงตาสั่นไวของโอเมก้าละสายตาออกจากพนักงานหัวรุนแรงแล้วรีบมองคนที่นอนกองอยู่ข้างล่างที่ประเมินด้วยตาแล้วคงไม่สามารถลุกเองได้ เขาจึงต้องรีบเข้าไปช่วยพยุงร่างที่ใหญ่กว่าให้ลุกขึ้นมาอย่างเก้ๆ กังๆ “หึ! อยู่ดีไม่ว่าดีดันอยากโดนต่อย” หยดเทียนยืนกอดอกหลุบตาต่ำมองดูคู่อัลฟ่าและโอเมก้าที่แทบจะล้มลงไปกองกันอยู่บนพื้นก็ยกยิ้มพลางส่ายหัวอย่างเวทนา อุตส่าห์เกิดมาเป็นอัลฟ่าผู้มากด้วยกำลังเสียดิบดีแต่กลับโดนเบต้าอย่างเขาต่อยล้มแทบลุกไม่ขึ้น แต่จะให้กล่าวหาว่าอัลฟ่านายนี้เป็นไก่อ่อนเสียเต็มปากก็คงจะไม่ได้ เพราะในอดีตหยดเทียนเองก็มีฝีมือไม่เก่งไปกว่าฝีปาก มักเที่ยวไปต่อยตีกับกุ๊ยข้างถนนเป็นประจำนั่นจึงทำให้เขาลับคมฝีมือด้านการต่อสู้และพละกำลังอยู่แทบทุกวัน แม้จะรามือเลิกเป็นนักเลงข้างทางมาแล้วแต่ทักษะและพลังกำลังก็ยังคงไหลเวียนในกล้ามเนื้ออยู่ สภาพของผู้จัดการเลยต้องมาลงเอยอย่างที่เห็นกันอยู่ ณ ตอนนี้ “เจ็บไหมล่ะครับ การที่คุณเอานิ้วมากดหัวพนักงานต๊อกต๋อยเขาก็เจ็บเหมือนกัน ผมเลยสนองความเจ็บให้คุณรู้สึกบ้าง เป็นไงรู้ดีบ้างไหมล่ะครับ” “นะ นี่เธอกล้าทำไมฉันแบบนี้ได้ยังไงกัน!” อัลฟ่าหนุ่มพูดไปพร้อมซี๊ดปากไปด้วยเพราะความแสบแผล “ทำไม! กูต่อยหมดนั่นแหละสนหัวใครที่ไหน คิดว่าเป็นหัวหน้าแล้วจะทำอะไรกับคนอื่นก็ได้หรือไง เอาจริงๆ ถ้าสมองคิดได้แค่นี้ก็ควรให้หมามาบริหารร้านแทนซะนะ อยู่ไปก็กินเงินร้านเปลืองเปล่าๆ” เบต้าว่าพลางเบะปากคว่ำด้วยความขยะแขยงพร้อมกับสายตาที่หยาดเหยียดอัลฟ่าตรงหน้าอย่างขั้นสุด “อีกอย่างนะ อีโก้คุณน่ะสู๊ง! สูง! สูงทะลุเพดานไปแล้วมั้ง ลดๆ ลงมาบ้างเถอะนะเผื่อจะฉลาดรอบคอบสมกับเป็นผู้คนนายคนขึ้น เธอก็อีกคน!...ไม่ต้องหลบ! จะกลัวทำไมเมื่อกี้ยังยิ้มสะใจอยู่เลย” ในขณะที่หยดเทียนกำลังต่อว่าผู้จัดการอยู่นั้น เขาก็สังเกตเห็นว่ามีร่างร่างหนึ่งกำลังขยับเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังของผู้เป็นนายอย่างช้าๆ แต่โชคร้ายที่ดันโดนจับได้ก่อนเขาจึงถือโอกาสนี้ต่อว่าโอเมก้าไปพร้อมกับเจ้านายแบบควบสองไปเลยแล้วกัน “ฉะ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นนะ” โอเมก้าหนุ่มกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือด้วยความกลัวว่าจะโดนอีกฝ่ายต่อยเข้าที่หน้าอีกครั้ง “กล้าทำก็ต้องกล้ารับหน่อยสิ ชอบนักหรือไงกับบทนางเอกบีบน้ำตาร้องหาผัวเนี่ย! อ๋อ... ลืมไป เธอชอบเลียแข้งเลียขาเจ้านายอยู่แล้วนี่ นอกจากเลียขาแล้วได้เลียอะไรบ้างล่ะ ไอ้ถอกนี่มันถึงเข้าข้างเธอนัก!” “แต่ฉันขอเตือนเธอไว้หน่อยก็แล้วกัน ชอบเลียของผัวคนอื่นนักระวังได้เลียตีนเมียเขาแทนล่ะ” สีหน้าหอบเหนื่อยจากการต่อว่าผู้จัดการยาวเหยียดเป็นชุด ซ้ำยังพาลไปต่อว่าเพื่อนร่วมงานด้วยความติดลม เมื่อด่าว่าคู่สร้างคู่สมจนเต็มใจอยากแล้ว เขาจึงหยุดและสูดอากาศเข้าร่างกายให้อารมณ์ผ่อนลงกว่านี้บ้างเพราะรู้สึกว่าเมื่อครู่จนหุนหันพลันแล่นเกินไป ก่อนจะขบกรามทำตาขึงตาใส่ทั้งสองคนแล้วหันหลังเดินออกไป “ฉันไล่เธอออกแน่! ละ แล้วจะแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายและหมิ่นประมาทฉันกับภาด้วย!” ทั้งที่เบต้ากำลังเปิดประตูออกไปด้วยอารมณ์ที่เริ่มเย็นลงแล้วแท้ๆ แต่สินก็ยังตะโกนว่าไล่หลังเขามาทำให้ไฟที่เพิ่งมอดไปโดนลมปากเพียงนิดหน่อยสะกิดติดขึ้นอีกครั้ง “กูด่าพวกมึงสองคนขนาดนี้กูคงอยู่ให้เขกหัวกูใช้อยู่หรอกมั้ง! แล้วมึงจะไปฟ้องศาลพระภูมิที่ไหนก็ไปเลย แต่มึงดูปากกูไว้นะ! กูจะไปฟ้องเมียมึงข้อหามึงซุกชู้เอาไว้ในที่ทำงาน แล้วมารอดูสิว่ากูจะเข้าคุกก่อนมึงหรือมึงจะเข้าโรงบาลก่อนกู! ไอ้พวกเหี้ย! ปัง!!” เขาทิ้งท้ายไว้แบบนั้นแล้วเดินสะบัดตูดออกมาพลางใช้เท้าถีบประตูให้ปิดลงอย่างแรงจนเกิดเสียงดังไปทั่วทั้งร้าน หลังจากที่โดนขู่ทิ้งท้ายไว้เช่นนั้น อัลฟ่าและโอเมก้าก็นั่งกลัดกลุ้มเพราะกลัวว่าอดีตพนักงานจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับภรรยาของสินจริงๆ หากเป็นเช่นนั้นอนาคตเขาคงต้องพังพินาศลงแน่ๆ ร่างสันทัดเดินออกมาจากห้องผู้จัดการร้านด้วยความอารมณ์เสีย หลังจากที่ใช้เวลาในห้องนั้นเสียนานโข เขาหยิบเสื้อผ้าเข้ามาเปลี่ยนในห้องน้ำด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด คิดไม่ผิดเลยจริงๆ ว่ามันต้องมีสักวันที่ต้องระเบิดอารมณ์ออกมา เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนเรียกไปต่อว่าในสิ่งที่ตนไม่ใช่คนผิด แต่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็นับไม่ถ้วน หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสรรพ หยดเทียนก็หยิบกระเป๋าคู่ใจแล้วเดินไปหยิบกระดาษแผ่นขาวขึ้นมาและหยิบปากกาที่วางอยู่หน้าเคาน์เตอร์บรรจงเขียนข้อความว่า ‘กูลาออก’ ตัวใหญ่เต็มหน้ากระดาษ แล้ววานให้เพื่อนร่วมงานที่พอจะสนิทด้วยเอาไปให้ผู้จัดการ ร้าน เมื่อทำอะไรเสร็จสิ้นทุกอย่างจนไม่รู้สึกติดค้างอะไรแล้วเขาก็เดินออกไปจากร้านโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองสถานที่ทำงานเก่าเป็นครั้งสุดท้าย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD