บทที่3.2

1726 Words
และจากเหตุการณ์นี้เองทำให้ฉันนึกอยากเคลียร์เพื่อนในเฟซบุ๊กให้เหลือเพียงคนรู้จักเพราะเมื่อก่อนติดนิสัยใครแอดมากดรับหมด รู้อีกทีจำนวนคนแปลกหน้าก็มีเยอะกว่าคนที่ฉันรู้จักจริง ๆ เสียแล้ว ขนาดสี่ ฉันยังเพิ่งมารู้เลยว่าเป็นเพื่อนกันในเฟซอะ คิดดู ไม่รอช้า ฉันเริ่มทำการไล่เช็กไปทีละสเต็ปอย่างไม่รีบร้อน เมื่อเจอคนที่ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ด้วยก็ทำการลบ ลบ และลบ กระทั่งปลายนิ้วเลื่อนลงมาเห็นเฟซของใครคนหนึ่ง ความกระตือรือร้นที่มีอยู่จึงหายไป Kay Kittikun เฟซบุ๊กของพี่เคย์...อดีตแฟนเฮงซวยที่ทำลายความไว้ใจที่ฉันมีให้อย่างเจ็บแสบ ฉันบิดยิ้ม แม้ในหัวจะรีรันภาพความทรงจำอันสวยงามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอกย้ำให้หยุดใคร่ครวญสักนิดว่าควรทำแบบนี้หรือไม่ ทว่าความลังเลที่ก่อตัวขึ้นอย่างเฉียบพลันนั้นกลับเล่นงานฉันเพียงครู่เดียว รู้อีกทีปลายนิ้วก็จรดลงบนปุ่มลบเสียแล้ว “นอนสักหน่อยดีกว่า” เสร็จจากตรงนั้นก็ยัดมือถือไว้ใต้หมอน โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ไม่สบายก็นอนพัก เดี๋ยวตื่นขึ้นมาคงดีขึ้นเอง Sie Describe. “กร๊ากกกกกก ไอ้เหี้ย กูเขียม” “...?” ผมมุ่นคิ้วขณะมองหน้า ‘ไอ้เบน’ เพื่อนสนิทลูกครึ่งไทย-เยอรมันที่กำลังหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยระหว่างนั้นก็ต้องลูบไล้ขนนุ่ม ๆ ของ ‘ขนุน’ แมวชราตัวอ้วน ซึ่งเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไปด้วย “กูถามจริง มึงบ้าปะเนี่ย กร๊ากกกกก” ยัง แม่งยังไม่หยุดหัวเราะอีก แรกเริ่มไอ้เบนเพียงแวะเข้ามาเอาสนีกเกอร์ที่ลืมไว้เมื่อคราวก่อนตอนดูบอลด้วยกัน แต่ด้วยวิ่งเต้นทำธุระติดต่อกันนานหลายชั่วโมงแทบไม่ได้พัก มันจึงกินน้ำกินท่า ขอนั่งพักให้หายเหนื่อยสักชั่วโมง ผลสุดท้าย...เพราะเป็นเพื่อนสนิทชนิดรู้ไส้รู้พุง ผมจึงตัดสินใจเล่าเรื่องคืนนั้นให้มันฟัง รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงค่ำเมื่อวานด้วย จนถึงตอนนี้ยังงงอยู่เลยว่ามีอะไรให้ขำ “ขืนยังไม่หยุดขำ กูจะปล่อยไอ้ขนุนไปกัดไข่มึง” ได้ยินแบบนั้น เจ้าของชื่อที่กำลังเคลิ้มหลับก็ผงกหัวขึ้นมอง ดวงตากลมโตซึ่งดูภายนอกแล้วปกติ ทว่าในความเป็นจริงฝ้าฟางตามอายุกะพริบปริบ ๆ คล้ายอยากถามผมว่าที่เรียกชื่อเมื่อครู่นี้มีอะไรหรือเปล่า “ให้ลูกมึงเดินตรงทางก่อนเหอะ” “ไอ้ห่าเบน บูลลี่ลูกกู เดี๋ยวเจอตีน” ไม่ใช่แค่ขู่ แต่ทำจริงแน่ ผมเลี้ยงของผมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ลงทุนมุดเข้าไปในกำแพงบ้านร้างเพื่อช่วยมันในสภาพร่อแร่ออกมา พาไปหาหมอ ประคบประหงมอย่างดี จนตอนนี้อายุเกือบสิบขวบแล้ว เมื่อเทียบกับคนคงเป็นรุ่นปู่ ดังนั้นอย่าได้มาเหิมเกริม “เออ ๆ ไม่ว่าละ” ไอ้เบนเลิกสนใจไอ้ขนุน ยกน้ำอัดลมชนิดกระป๋องขึ้นดื่มสองสามอึก “แล้วเมื่อกี้มึงขำเหี้ยไรวะ” ดังนั้นผมจึงวกกลับมาในประเด็นที่ยังคาใจ “เอ้า มึงไม่รู้จริงดิ?” คนตรงหน้าวางกระป๋องเครื่องดื่มลงบนโต๊ะกินข้าวซึ่งเป็นจุดที่เรานั่งคุยกัน สองวินาทีหลังจากนั้นก็แสดงท่าทีคล้ายเหลือเชื่อที่จนป่านนี้แล้วผมยังไม่เข้าใจอะไร “ถ้ารู้แล้วจะถามเพื่อ สมอง...” สาบาน อีกสักพักผมคงกระโดดข้ามโต๊ะไปต่อยมัน “สมองมึงนั่นแหละเพื่อน ปกติดีอยู่ปะ จะจีบหญิงทั้งทีไหงสารภาพว่าตั้งใจไปแอบถ้ำมองเขา แล้วพอเขาแนะนำตัว มึงยังเสือกบอกว่ารู้จักเป็นอย่างดีอีก ถ้ากูเป็นน้องส้มคงขนลุกอะ” อ้อ นี่เหรอ เหตุผลที่มันขำ “ก็กูแอบมองเขาจริง จะโกหกเพื่อ?” รู้ว่าไม่ควรทำ แต่ในเมื่อถูกถามผมก็ต้องบอกไปตามตรง “ก็รู้จักจริง ๆ จะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไปทำไมล่ะ” ผมซื่อตรงกับทุกอย่าง ไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหก เพราะถ้าเริ่มต้นด้วยการโกหกนั่นก็เท่ากับว่าผมไม่จริงใจกับเธอตั้งแต่แรก หรือคนอื่น ๆ เวลาจีบผู้หญิงมักจะทำตัวตอแหลกัน หืม? “ของแบบนี้ก็ต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเปล่า น้องเขาจำไม่ได้หรอกว่าเคยเจอมึงเมื่อตอนปีหนึ่ง” “จำได้หรือไม่ได้ สำหรับกูมันไม่สำคัญ” เส้นเสียงของผมปกติ มือยังคงลูบไล้ขนลูกชายที่นอนหลับพริ้มอยู่บนตัก “ส้มโสดแล้ว กูจะเอามาเป็นของตัวเอง” “เนี่ย ดูคำพูดคำจาก่อน” สีหน้าไอ้เบนดูเอือมระอาในตัวผมอย่างมาก “อย่าเที่ยวไปพูดจาแบบนี้กับสาว ๆ นะ กระเจิงหมดอะกูว่า” “สาว ๆ ไหน” ผมถาม เริ่มงงแล้วว่าเรากำลังคุยเรื่องเดียวกันอยู่หรือเปล่า ได้ข่าวว่าหัวข้อสนทนาคือเรื่องของส้มไม่ใช่หรือไง “มึงก็รู้ ถ้าจะพูด กูคงพูดกับส้มคนเดียว” “แหงดิ” ไอ้เบนพรูลมหายใจ ใช้นัยน์ตาสีอ่อนตามแบบฉบับลูกครึ่งจับจ้องผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะกินข้าว “กูยอมเลย มึงแม่งรักจริงหวังแต่งฉิบหาย ขนาดมีสาวสวยระดับดาราอยากกดมึงจะตายห่า มึงยังปฏิเสธ” “ก็กูไม่ได้ชอบ” ผมตอบไปตามที่รู้สึก และอยู่ดี ๆ ภาพเหตุการณ์คืนนั้นก็ไหลพรั่งพรู “กูอยากทำกับคนที่ชอบคนเดียว” “คร้าบ ๆ ไอ้คนคลั่งรัก” ยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วกล่าวต่อ “แล้วน้องส้มรู้ปะว่าคืนนั้น...เธอไม่ได้ซื้อบริการจากมึงแค่อย่างเดียว แต่พรากเอาความ ‘ซิง’ ของมึงไปด้วยเนี่ย” “แล้วมันเรื่องอะไรที่เธอต้องรู้” ผมมุ่นคิ้ว “เอ้า น้องเขาจะได้รู้ไงว่าเผลอกินของแรร์ไป อย่างมึงนี่หายากนะ บอกใครไป ใครเขาจะเชื่อว่าไอ้ยักษ์สักลายอย่างมึงบริสุทธิ์อะ” จริงของไอ้เบน ถ้าดูเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ร้อยทั้งร้อยคงคิดว่าผมต้องเจ้าชู้และผ่านประสบการณ์เรื่องอย่างว่ามาอย่างโชกโชน แต่ในความเป็นจริงผมไม่เคยลิ้มลองสิ่งที่เรียกว่าเซ็กซ์เลยสักครั้งเดียว คืนนั้นที่ส้มเอ่ยชวน...นับว่าเป็นครั้งแรก ฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่เป็นความจริงนะ... ตอนช่วงเข้าสู่วัยรุ่น ทั้งหญิงทั้งชายอาจมีความรู้สึกสนใจในเพศตรงข้าม ฮอร์โมนพลุ่งพล่านรุนแรง ทว่าสำหรับผมแล้ว...แทบไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องการจีบสาวหรือสานสัมพันธ์กับใครเพราะมีศัตรูแทบทั่วสารทิศ ยกพวกต่อยตีแบบไม่ว่างเว้น บาดแผลบนใบหน้าและร่างกายทำให้คนอื่น ๆ ต่างยำเกรงมากกว่าจะเข้าหา เรียกได้ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้ามาทักทาย มองสบตาเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก็ขวัญหนีดีฝ่อประหนึ่งเห็นผีกันถ้วนหน้า กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย อาจด้วยวุฒิภาวะที่สูงขึ้น ความหุนหันพลันแล่นแม้ยังคงอยู่ตามปกติวิสัยแต่ลดน้อยลงบ้าง ทำให้บางครั้งก็ไม่ได้ใช้กำลังแก้ปัญหาเสมอไป พอบาดแผลบนใบหน้าเจือจาง ความสนใจที่เพศตรงข้ามมีต่อตัวผมจึงทวีคูณ แต่เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่ผมได้เจอส้ม ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าหา...ผมจึงตัดฉับอย่างไม่ใยดีทุกราย ซื่อสัตย์กับหัวใจของตัวเองทั้งที่รู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว ทว่าหากให้พูดกันตามตรง จากครั้งแรกที่เจอกันก่อนถึงคืนล่าสุด ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้เจอกันบ้างแบบประปรายในสถานการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เพราะผมแทบไม่เคยเปิดเผยใบหน้าให้เห็นเต็ม ๆ หรือบางครั้งก็อยู่ไกลจากระยะสายตา...จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงจำผมไม่ได้ “จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่” ผมกล่าวพลางยักไหล่ “กูยังอึ้งอยู่เลยเนี่ย ดีนะที่คืนนั้นน้องส้มเมา พอดีกูไม่อยากให้น้องเขาเห็นท่าทีเงอะ ๆ งะ ๆ ของมึงอะ” “...” “อุ๊ย หรือจริง ๆ แล้วมึงนอนเฉย ๆ ให้เธอทำเอง คิกค๊ากก” “ไอ้สัด” พ่นคำด่าแล้วยกกำปั้นขึ้นเตรียมซัด “อย่ามาทำเป็นรู้ดี มึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์” ไม่เคยทำ ใช่ว่าทำไม่เป็น ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ชอบ ผมก็แค่ปล่อยให้ความรู้สึกนำพา อาศัยสัญชาตญาณดิบที่ซุกซ่อนไว้เป็นตัวนำทาง รู้อีกที ร่างกายที่เคยมีปราการห่อหุ้มก็ถูกผมปลดออกแล้วโยนไปให้พ้นหูพ้นตา จรดริมฝีปากบนผิวกายเนียนนุ่ม สูดดมและลามเลียอย่างเนิบช้า แม้กระทั่งยามสัมผัส ผมยังทำด้วยความระมัดระวังสุดขีดเพื่อไม่ให้ผิวบอบบางของส้มเกิดรอยช้ำ ส้มชอบแต่งตัว สไตล์เสื้อผ้าของเธอมักวับ ๆ แวม ๆ เป็นปกติ เกิดหน้ามืดตามัวสร้างรอยแดงช้ำไว้บนผิวกาย...เธออาจไม่พอใจเอาได้ เพราะฉะนั้น... “นาย อ๊ะ...” “เจ็บหรือเปล่า?” “จุก...จุกอะนาย...” ผมยังจำวินาทีที่ส่วนล่างของเราสองคนเชื่อมติดกันได้ดี ส้มกอดผมแน่นชนิดไม่มีช่องว่างให้ฝุ่นละอองลอดผ่าน ร่างกายเธอสั่นคลอนอยู่บนผ้าปูเตียงอันยับยู่ยี่ เหงื่อโทรมทั่วทุกตารางของผิวกาย ทั้งยังส่งเสียงที่ทำให้เอาคนฟังอย่างผมบ้าคลั่งไม่หยุด“...ตะ แต่ดีมากเลย” “ดีเหรอ” เป็นคำชมที่เอาผมฮึกเหิม กว่าจะรู้ตัวก็เผลอกดย้ำกลางกายเข้าไปในความอ่อนนุ่มอันคับแคบจนสุดความยาว กระแทกกระทั้นด้วยความแรงที่ทำเอาคนใต้ร่างครางหงุงหงิงและครูดปลายเล็บแหลมคมบนแผ่นหลังอันเปล่าเปลือยของผมจนได้กลิ่นเลือดจาง ๆ ลอยตลบอบอวล “นะ นายแรงมากเลย เราชอบแบบนี้” “...” “อา...” แล้วเซ็กซ์ระหว่างเรา...มันจะจบลงในรอบเดียวได้ยังไง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD