บทที่2.4

1574 Words
ตอนนี้เราสองคนยืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องดนตรีซึ่งตั้งติดกับสถานีตำรวจ ด้านหน้ามีป้ายหยุดทำการสามวัน ดังนั้นการยืนหลบฝนตรงนี้จึงไม่ได้บดบังหรือรบกวนการค้าขายของใคร “...” ปกติฉันเป็นคนพูดเก่งและเฟรนด์ลีมาก ไม่มีปัญหาเรื่องการเข้าสังคมเลย แต่พอมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้กลับนึกไม่ออกซะงั้นว่าจะสานต่อบทสนทนายังไง เดาว่าส่วนหนึ่งคงมาจากเรื่องในคืนนั้น...ที่ยังทำให้รู้สึกหวั่น ๆ อยู่ในอกว่าการปรากฏตัวของเขาอาจแอบแฝงจุดประสงค์บางอย่าง ซึ่งถ้าเป็นเรื่องเงินจริง ๆ ละก็...ตายอย่างเขียดแน่อีส้มเอ๊ย “สี่” ไม่ปล่อยให้เกิดความเงียบนาน คนข้าง ๆ ที่เพิ่งล้วงเอาบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเองก็ปริปาก “ชื่อของฉันน่ะ” กล่าวสำทับพร้อมทั้งคาบมวนบุหรี่ด้วยริมฝีปากหยักลึก ตามด้วยจุดไฟแช็กตรงส่วนปลาย เมื่อมวนกระดาษถูกเผาไหม้ด้วยความร้อน เขาก็ดูดสารอันตรายนั้นเข้าปอดเฮือกใหญ่...จนเห็นกล้ามเนื้อบริเวณสันกรามและลำคอชัดเจน แม้แต่ลูกกระเดือกที่เคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาตินั่นก็ด้วย ฮอตจัง... “อ้อ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ส่วนเราชื่อน้ำส้ม เรียกสั้น ๆ ว่าส้มก็ได้” ฉันแนะนำตัวกลับอย่างงง ๆ “เรื่องนั้นรู้แล้ว” สี่ใช้นิ้วเรียวยาวซึ่งปรากฏรอยถลอกจาง ๆ คีบบุหรี่มวนออกจากปาก ค่อย ๆ พรูควันสีอ่อนอย่างผ่อนคลาย เพียงสองวินาทีให้หลังถึงเปลี่ยนจุดโฟกัสจากสายฝนเป็นฉัน...จับจ้องกันด้วยสายตาที่แสนธรรมดา ทว่าทำเอาร้อน ๆ หนาว ๆ อย่างบอกไม่ถูก “ฉันรู้จักเธอ...เป็นอย่างดีเลย” เดี๋ยว...รู้จักเป็นอย่างดีเหรอ? อย่าบอกนะว่าสี่เป็นมาเฟีย? เขาอาจจะให้ลูกน้องตามสืบประวัติของฉันที่บังอาจไปดูถูกเหยียดหยามด้วยเงินเพียงพันเดียว และที่มาปรากฏตัวให้เห็นแบบนี้...ก็เพราะอยากมาทวงค่าตัวอีกเก้าพันที่ฉันติดค้างไว้ กรี๊ด...ตายแน่อีส้มเน่า! “รู้จัก...จากคืนนั้นหรือเปล่า” ฉันอาจเมาจนเผลอแนะนำตัวกับเขาไปแล้วครั้งหนึ่งก็ได้ “พอดีคืนนั้นเราเมามากอะ” “ใช่ เมามาก” สี่ยกมุมปากเล็กน้อย ดูไม่ออกเลยว่ากำลังซุกซ่อนความรู้สึกแบบไหนไว้ภายใต้การแสดงออกอันน่าหวาดหวั่นนั่น จริงที่เขาหล่อมาก จนถึงตอนนี้ยังไม่อยากเชื่อว่านอกจากพี่สิบผัวไอ้มิ้นแล้ว...ยังมีคนหน้าตาน่าดึงดูดหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้อีก โครงหน้าเอย จมูกเอย ริมฝีปากเอย เหมือนผลิตออกมาจากโรงงานเกรดเดียวกัน จะต่างก็ตรงคนคนนี้ดูร้ายกาจและอันตรายกว่ามาก อันตรายจน...รู้สึกว่าตัวเองควรหนี มากกว่าจะมายืนพูดคุยอย่างที่เป็นในตอนนี้ เอาตรง ๆ ก็ไม่ควรมายืนคุยกับเขาสองต่อสองตั้งแต่แรกแล้วแหละ “เพราะเมานั่นแหละ ก็เลย...” โอ๊ยอีส้ม คิดสิคิด มาสมองตันอะไรตอนนี้ว้า “ซื้อฉัน” เป็นอีกครั้งที่สี่ไม่รอให้คู่สนทนากล่าวจบ “...” ฉันกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก ประหม่าจนไม่รู้จะทำยังไง สุดท้ายเลยขยุ้มปลายนิ้วลงบนกระเป๋าสะพาย “เพราะงั้น ฉันถึงได้กลับมาไง” ประโยคนั้นดังขึ้นก่อนที่กลุ่มควันสีจางจะถูกพ่นเป็นครั้งสุดท้าย สี่บี้มันกับแหวนที่ตัวเองสวม เมื่อเปลวไฟสีส้มอ่อนมอดดับก็โยนลงถังขยะหน้าร้าน ก่อนเปลี่ยนตำแหน่งการยืนจากขวามือเป็นด้านหน้า ส่งผลให้ส่วนสูงของเขาบดบังแสงไฟจากข้างถนนทันที ใจเย็น ท่านี้คืออะไรก่อน... “กลับมาเพื่อทวงค่าตัวที่เราเบี้ยวไม่ยอมจ่ายอะเหรอ” ฉันรู้จักความกลัว แต่ไม่ใช่คนขี้ขลาด ดังนั้นแม้จะสั่น แต่ก็สั่นสู้ “งั้นก็เป็นนายจริง ๆ สินะที่ตามเราขึ้นรถเมล์มา” เอาล่ะ ขอพูดเรื่องนี้หน่อยเถอะ “...” “เผื่อไม่รู้ การกระทำของนายเข้าข่ายสตอล์กเกอร์นะ ถึงนายจะมาทวงค่าตัวที่เหลือจากเรา แต่สิ่งที่นายทำก็ไม่ถูกเหมือนกัน เราแจ้งตำรวจได้นะ” เอาเลยอีหญิง จัดไปเต็มที่ ข้าง ๆ นี้เป็นสถานีตำรวจ ถ้าเกิดพูดไม่เข้าหูแล้วถูกทำอะไรไม่เหมาะสมก็แหกปากกรี๊ดไปเลย “เปล่า” สี่ส่ายหน้าเบา ๆ เห็นแววขบขันจากนัยน์ตาสีสวย “คนที่ตามเธอคือไอ้เวรนั่นต่างหาก” “แล้วนายขึ้นรถเมล์คันเดียวกันกับเราได้ไง” จะบอกว่าบังเอิญคงเป็นไปไม่ได้ “สิ่งที่ฉันทำมีแค่มอง...แค่แอบมอง” สี่สารภาพก่อนจะเว้นไปพักหนึ่งแล้วอธิบาย “แต่มันมองแล้วเดินตามเธอด้วย ฉันเลยตามมันอีกทีหนึ่ง” ไอ้โรคจิตนั่นอยู่ในมือตำรวจแล้ว ได้รับโทษอย่างที่ควรเป็นแล้ว แต่เขานี่สิ... “ถึงจะแค่มอง แต่การแอบมองของนายก็เป็นหนึ่งในพฤติกรรมของสตอล์กเกอร์เหมือนกัน ไม่รู้เหรอ” “งั้นขอโทษได้ไหม” เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่ถูกต้อง เขาก็ไม่ลังเลเลยสักนิดเดียวที่จะเอ่ยคำขอโทษ “ฉันเพิ่งมาทำวันนี้” จะวันนี้หรือวันไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละนาย “แล้วที่ทำมีจุดประสงค์อะไรอะ ถึงนายจะช่วยเราจากไอ้โรคจิตนั่นไว้ได้ แต่การมาของนายมันไม่น่าไว้ใจจริง ๆ นะ” “...” เขาจ้องหน้าฉัน เหมือนมีเป็นล้านสิ่งที่อยากพูดแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี “อยากมาทวงเงินก็บอกเลย” เงียบแบบนี้ งั้นฟันธงเลยแล้วกันว่ามาเพราะต้องการค่าตัว “เธอนี่ตลกชะมัด” อยู่ดี ๆ คนตรงหน้าก็อมยิ้ม เล่นเอาฉันสับสนไปหมดว่ากำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ประเภทไหน “เรื่องเงิน เธอจ่ายฉันแค่หนึ่งพันก็จริง แต่นั่นก็คือเงินเหมือนกัน” “...” อ้าว แล้วยังไงอะ คนสวยงงไปหมด “อยู่กับส้มตลอดไปไม่ได้เหรอ” จากที่งงอยู่แล้ว ก็ต้องงงกว่าเดิมสิบเท่า “...คืนนั้น ตอนที่เรากอดกัน เธอพูดกับฉันแบบนี้” “หา?” ฉันร้องเสียงหลง “เราพูดแบบนั้นกับนายเหรอ ไม่จริงมั้ง” “จริงดิ พูดตอนมีเซ็กซ์” ตรงไปตรงมาดี ไม่อ้อมค้อมเลยสักประโยคเดียว แต่ก็ถูกแล้ว เพราะคืนนั้นเรามีเซ็กซ์กัน ถ้าไม่พูดตอนอยู่บนเตียงแล้วจะให้พูดตอนไหน หลังจากสิ้นคำยืนกราน ฉันค่อย ๆ นึกย้อนกลับไปถึงคืนวันเกิดเหตุ ทบทวนโดยละเอียดว่าตัวเองละทิ้งสติสัมปชัญญะแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ไปตั้งแต่ช่วงไหน ถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพูดอะไรแบบนี้ออกไปด้วย “เราไม่น่าพูดอะไรแบบนั้นกับคนแปลกหน้านะ” ผลสุดท้ายเมื่อไม่มีภาพเหตุการณ์นั้นอยู่ในหัว ฉันจึงกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ “พูด เธอแค่จำไม่ได้” “เอาอะไรมายืนยันล่ะ นายอาจจะโกหกเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝงก็ได้นี่” เริ่มปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาบ้างแล้ว ในเมื่อเจ้าตัวพูดเองว่าเงินพันเดียวก็นับเป็นเงินเหมือนกัน ฉันจะถือว่าประเด็นระหว่างเราจบลงที่ตรงนี้ อ้อ ไม่นับรวมเรื่องในวันนี้ที่สี่ช่วยฉันไว้นะ แม้ว่าความช่วยเหลือที่ฉันได้รับจะมาจากการแอบมองของเขาก็ตาม “ห้องฉันมีกล้องวงจรปิด” สี่ยังคงพูด และนัยน์ตาคมกริบที่จับจ้องกันอย่างเปิดเผยนั่นก็ไม่ละห่างไปจากฉันแม้เพียงวินาทีเดียว “กลับไปกับฉันไหม จะได้เปิดให้ดูว่าพูดจริง ๆ” มีกล้องวงจรปิดในห้อง...งั้นกิจกรรมเข้าจังหวะก็คงถูกบันทึกไว้ด้วยสินะ ได้ฟังแบบนั้นหัวใจก็สั่นระส่ำ เป็นอย่างที่เซนส์ในร่างกายย้ำเตือนว่าผู้ชายคนนี้ค่อนข้างที่จะ... ใช้เวลาทบทวนบางอย่างประมาณครึ่งนาที ในที่สุดฉันก็พอเดาได้ว่าอะไรคือสาเหตุ จึงปริปากโดยไม่รอช้า “นายอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ เราเพิ่งเลิกกับแฟน แล้วที่เราซื้อบริการนายก็เพราะอยากใช้เซ็กซ์ลบหน้าแฟนเก่าเฉย ๆ ไม่ได้หวังจะสานสัมพันธ์ในระยะยาวอยู่แล้ว เพราะงั้นไอ้ประโยคที่บอกว่า ‘อยู่ด้วยตลอดไปไม่ได้เหรอ?’ เนี่ย...เราอาจจะเผลอเพ้อถึงมันโดยไม่รู้ตัวก็ได้ไง ไม่ได้หมายถึงนายหรอกหรอกนะคะ” “คิดว่าฉันสนเหรอ” กล่าวมายืดยาวขนาดนี้คิดว่าสี่จะเข้าใจ แต่ไม่เลย “ไม่สนอยู่แล้วว่าเธอหมายถึงใคร เพราะตอนพูด...คนที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอมันคือฉัน” “...” “คนที่ได้ยินคำพูดนั้นมันคือฉัน ไม่ใช่แฟนเก่าของเธอ" “...” แม่เจ้า ผู้ชายประเภทนี้ เกิดมาหนูไม่เคยพบเคยเจอ “แล้วเงินหนึ่งพันที่ฉันรับมา ก็ถือซะว่าเป็นการตอบตกลง” จบคำนั้นฉันถึงกับร้อง 'อิหยังวะ?’ อยู่ในใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD