6 ค่อยขยับ กระชับสัมพันธ์

1274 Words
6 ค่อยขยับ กระชับสัมพันธ์ ทันทีที่ปิดประตูห้องพักแพทย์ ผมแนบหน้าผากกับประตู ถอนหายใจแรงๆ ไล่ความเหนื่อยล้าจากสมอง แพทย์ผ่าตัดมีความกดดันทุกครั้งที่ต้องลงมีดผ่าใครสักคน ยืนนิ่งจนรู้สึกผ่อนคลายแล้วจึงผละห่างประตู พอหันหน้ามากลับได้เห็นสีหน้ายิ้มๆ ของผิง เธอยืนกอดอกนั่งหมิ่นริมโต๊ะ ผมยิ้ม เดินเข้าไปกอดเอวเธอ วางคางบนบ่าเล็ก “มาเมื่อไหร่” “นี่ที่ทำงาน” ผิงทุบอกผมเบาๆ “แค่กอด เหนื่อย” ผมอ้อน ตั้งแต่วันนั้นที่เราสองคนมีอะไรกัน ผ่านมาสองเดือนแล้ว ความสัมพันธ์ของผมกับผิง ดูเหมือนจะยิ่งแนบแน่นมากขึ้น เราสนิทกันขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำตัวหวานแหวเหมือนคู่รักหรอก แต่ว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ผิงเลื่อนมือขึ้นมาบีบนวดบ่า ต้นคอ มือเล็กๆ ของเธอบีบคลึงท้ายทอย ช่วยคลายความปวดตึง แต่ให้ตายเถอะ ผมกลับคิดไปถึงตอนเธออยู่บนเตียง ลูบไล้ท้ายทอยผม “นี่” “หืม...” “คิดเรื่องทะลึ่งรึไง ไอ้นั่นของนายมันทิ่มขาฉันแล้ว” เธอดันผมออกห่าง ผมหัวเราะออกมาเบาๆ เบี่ยงหน้าหอมแก้มนุ่มแรงๆ ก่อนยอมเดินอ้อมไปนั่งเก้าอี้ “คิด” ผิงดันถุงสองสามถุงมาตรงหน้า ตัวเธอลากเก้าอี้มานั่งเก้าอี้ตรงข้าม “กินข้าวดีกว่าไหม เห็นนายเข้าห้องผ่าตัดกับอาจารย์หมอไม่ออกมาสักที ฉันเลยซื้อข้าวมาเผื่อ” วันนี้มีเคสผ่าตัด ผิงเข้าเวรบ่ายจึงไม่ได้เข้าร่วมด้วย พวกเราต้องตรวจรักษาคนไข้กันจริงๆ แต่ก็อยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์หมอ “ขอบใจมากนะ ไว้ออกเวรจะตอบแทนให้ถึงใจ” “ทะลึ่ง” เธอค้อนแต่มือก็เริ่มแกะกล่องอาหารให้ แล้วผมเห็นนะว่าแก้มน่ะแดงแล้วล่ะ เลยยื่นมือไปยีผมเธอ หยอกล้อ “อะไรทะลึ่ง คิดเหมือนฉันหรือไง รู้ใจจัง” ถึงพวกเราจะไม่ได้พูดว่าคบกัน เป็นแฟนกัน ความสัมพันธ์ตอนนี้ก็ไม่ต่างจากนั้นเลย เราสองคนต่างรับรู้ในใจเงียบๆ ทุกครั้งที่ผมมองตาผิง มักจะเห็นความลึกซึ้ง เช่นเดียวกับที่ผมรู้สึกต่อเธอ ความรู้สึกที่พิเศษ... “กินด้วยกันไหม” บะหมี่เป็ดเพิ่มเกี๊ยว แล้วยังมีเนื้อเป็ดย่างนุ่มหอมอีกกล่องใหญ่ “นายกินเลย ฉันกินมาแล้ว” เธอว่าแบบนั้น ดึงเอกสารจากแฟ้มขึ้นมาเปิดดู แต่ผมก็ยังคีบเนื้อเป็ดไปจ่อปากจิ้มลิ้มอยู่ดี ผิงเลิกคิ้วมอง อ้าปากรับอย่างไม่เรื่องมาก ข้อดีอย่างหนึ่งของเธอล่ะ ไม่เรื่องมากวุ่นวาย จู้จี้จุกจิก แต่ก่อนผมมองว่าเราเป็นเพื่อนกัน เธอเลยมีขอบเขต พอเรามีอะไรกันแล้ว ผิงก็ยังทำตัวเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ความใส่ใจเรื่องต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เมื่อมีอะไรกันครั้งหนึ่ง ครั้งสองสามตามมา บ่อยครั้งเป็นผมเองที่ตามไปวอแวเธอถึงห้อง บางทีก็ดึงเธอมานอนห้องผมเอง เลยได้เห็นความน่ารักและเอาใจใส่ที่เธอมีต่อผม เริ่มจากก่อนไปทำงาน ผิงเตรียมเสื้อผ้าให้ ทำอาหารเช้าง่ายๆ ชงกาแฟ จนการเก็บล้าง เก็บซักเสื้อผ้าและทำความสะอาดห้อง ผมเองเกรงใจเธอจนต้องลุกมาช่วยทำ ไปๆ มาๆ งานบ้านเราเลยช่วยกันทำ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ “เออ ไพนต์ อีกเดือนกว่าๆ เราจะจบฝึกงานแล้ว นายจะเอาไงต่อ” “อยากเรียนเฉพาะทาง แต่ดูตามสถานการณ์ก่อน” การเรียนเฉพาะทางต้องมีเงินทุน ผมคีบเส้นบะหมี่ป้อนผิงด้วย เธอเคี้ยวไป ดูเอกสารไป “ฉันคงทำงานโรง’บาล N แต่ลังเลอยู่ว่าจะเรียนต่อเลยมั้ย” @ รติมา ฉันเหลือบมองหน้าคมสันของไพนต์นิดหน่อยตอนบอกเขา โรงพยาบาลN พี่กายทำงานที่นั่น ฉันอยากรู้เขายังรู้สึกอะไรกับตองอยู่ไหม แต่สีหน้าไพนต์ยังปกติเหมือนเดิม เขากินบะหมี่ที่ฉันซื้อมาให้ สลับกับคีบป้อนฉันด้วย ตาบ้านี่คงไม่รู้หรอกว่า การกระทำของเขาสั่นสะเทือนหัวใจฉันขนาดไหน เราไม่เคยพูดคุยกันชัดเจน แต่ฉันสังเกตเห็นนะว่า สายตาของเขาเปลี่ยนไป ทุกครั้งที่มองฉันตอนเราอยู่ด้วยกัน มันออดอ้อน หวานเชื่อม ความต้องการที่ไพนต์แสดงต่อฉัน ทำให้คนแอบรักอย่างฉันใจฟู เขาคงรู้สึกพิเศษกับฉันขึ้นมาบ้างแล้ว ฉันไม่เร่งร้อนอยากให้เขาบอกรักหรอก เข้าใจ... ทุกความสัมพันธ์มันต้องใช้ระยะเวลา “เธออยากทำงานที่นั่นเหรอ” “อืม พ่อแม่อยากให้ฉันทำงานกับคุณลุงน่ะ” พ่อพี่กายเป็นเจ้าของโรงพยาบาล และเป็นพี่ชายแม่ฉัน “งั้น สงสัยฉันต้องขยันๆ ถ้าอยากทำงานที่เดียวกับเธอ” ไพนต์หยอดเอาใจฉันหรือเปล่าไม่รู้ แววตาเขาไม่ได้หลุกหลิกล้อเล่นเลย มันทำให้ฉันแอบยิ้ม แต่ก่อนจะได้คุยกันต่อ โทรศัพท์ของเขามีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น โต๊ะไม่ใหญ่เท่าไหร่ ฉันเห็นชัดตรงแถบแจ้งเตือนว่าเป็นตอง ฉันปรายตามองเหมือนไม่สนใจ แต่ในอกกระตุกไปแล้ว ไพนต์เพียงเหลือบตามอง แล้วกินต่อ เสียงแจ้งเตือนก็ยังดังมาถี่ๆ ป่วนประสาทและป่วนหัวใจฉันมาก “จะไม่ดูหน่อยเหรอ ตองไม่ใช่ไง” เขากลับเฉย ปล่อยมันดังแบบนั้น คีบเกี๊ยวชิ้นสุดท้ายมาป้อนฉันที่กำลังจะอ้าปากว่าเขาอีกด้วย “เธอหึงรึไง” “ทำไมต้องหึง แค่เสียงไลน์มันดังน่ารำคาญ” ไพนต์เก็บกล่องอาหารเปล่าใส่ถุง มัดปาก รินน้ำใส่แก้วให้ฉัน ท่าทางเอ้อระเหยอย่างน่าข่วนหน้า ยั่วประสาทฉันพอใจแล้วถึงหยิบโทรศัพท์มาดู “สองสามวันมานี้ เขาทักมาตลอด” “ไม่ได้บล็อกหรือไง” “เมื่อก่อนเขาลบฉันไปแล้ว แอดมาใหม่ ฉันไม่ได้ตอบรับนะ ไม่เชื่อดู” ยื่นมาตรงหน้า เขายังไม่ได้รับตองเป็นเพื่อนจริงๆ แต่ก็ไม่ได้บล็อกไป มันทำให้ใจฉันเหมือนมีแมวข่วน แปลบๆ คันๆ แต่จะแสดงสีหน้าหงุดหงิดใส่ไพนต์ก็ดูจะออกนอกหน้าไป แม้ข้อความท้ายๆ บนจอทำเอาควันแทบออกหู ‘ตองขอโอกาสได้ไหม’ จะโอกาสอะไร ถ้าไม่ใช่ขอคืนดีกัน ฉันดันมือเขากลับไป ทำทีเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ใจเดือดปุดๆ “ไม่เห็นอยากจะดู” ไพนต์โน้มหน้ามาจนปากเขาแทบจะประกบปากฉัน แววตาแพรวพราวอย่างน้อยครั้งจะได้เห็น “ฉันอยากให้ดู เธอจะได้ไม่มีข้ออ้างไม่ให้ฉันเข้าห้องไง” “ไร้สาระ ฉันไปทำงานดีกว่า” ฉันดันหน้าเขาออก ไพนต์ฉวยจังหวะ จุ๊บปากฉันหนักๆ จนต้องถลึงตาดุเขา พอหันหลังให้ก็อดลอบยิ้มไม่ได้ คำพูดลอยๆ ดังขึ้นข้างหลังทำเอาแก้มร้อน หุบยิ้มแทบไม่ทัน “รู้นะว่าแอบยิ้ม” “แสนรู้เหลือเกินนะ...” ฉันอดหันกลับไปว่าไม่ได้ ไพนต์เลิกคิ้ว ยิ้มร้าย ก็ไอ้คำว่าแสนรู้น่ะ มักใช้กับหมาไง “ออกเวรแล้วฉันรอ คืนนี้จะพาเธอทำท่าหมายันเช้าเลย” “ไอ้บ้า” เสียงไลน์ของเขาดังขึ้นอีก ฉันเลยแกล้งสะบัดหน้า เดินหนีออกจากห้อง แต่ที่จริงเขินเขาจนแก้มจะร้าวอยู่แล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD