7 ผู้อยู่เบื้องหลังแผนการ

1328 Words
7 ผู้อยู่เบื้องหลังแผนการ “อย่าหักโหมมากนะลูก ดูแลตัวเองดีๆ” ในหนึ่งเดือนครอบครัวฉันจะนัดกินข้าวกัน ครอบครัวที่ว่าก็มีครอบครัวฉันกับครอบครัวพี่กายนั่นแหละ ปู่กับย่ามีลูกแค่สองคน ส่วนพวกท่านเสียไปหมดแล้ว หลังจากกินมื้อค่ำกันแล้ว พวกเราออกมาลานจอดรถเพื่อแยกย้ายกันกลับ แม่เข้ามากอดฉันอย่างเคยทำ “ค่ะแม่” ฉันกอดตอบแม่ ก่อนจะกอดพ่อ “เรียนจบแล้วก็มาทำงานกับพี่กาย ไม่ต้องไปเหนื่อยหางานที่อื่นรู้มั้ย” “ค่ะคุณป้า” “อาฝากดูแลน้องด้วยนะกาย” “ครับ” บอกลากันนิดหน่อย แยกย้ายกันกลับ ฉันมีน้องสาวอีกคน ส่วนพี่กายมีน้องสาวกับน้องชาย ทั้งสามกำลังเรียนปีหนึ่งมหา’ลัยเดียวกัน จึงกลับไปพร้อมกัน ส่วนพ่อแม่ฉัน มีบ้านอยู่นอกตัวเมือง ความจริงแล้วพวกท่านเป็นครูแต่เกษียณอายุราชการก่อน ผันตัวเองมาทำสวนผลไม้ ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ไปตามเรื่องตามราว ขณะที่พ่อแม่ของพี่กายเป็นหมอทั้งคู่ และยังทำงานที่โรงพยาบาล “ทำเป็นรับปากแม่ผิง วันๆ ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะพี่กาย ขนาดว่าพี่กลับมาอยู่เมืองไทยแล้วนะเนี่ย” ทุกคนกลับไปแล้ว ฉันเปิดฉากแซวเขาก่อน ขณะยืนรอให้พี่ชายสูบบุหรี่หมดมวน จะว่าไปฉันกับพี่กายสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นพี่ฉันหกปี เขาเป็นหลานคนโต คนต่อมาคือฉัน เราเลยสนิทกันเป็นพิเศษ “พี่อยู่โรง’บาลทุกวันแหละ ถ้าอยากเจอทำไมไม่มาเจอ ไม่ใช่มัวแต่ติดแฟนเร้อ” พี่กายมีหรือจะยอมอ่อนข้อให้ กระดิกมือให้เถ้าบุหรี่ร่วงลงพื้น ตาคู่คมปราดมองฉันแววรู้ทันอย่างน่าหมั่นไส้ “แฟนเฟินอะไรเล่า” “ผ่านมาหลายเดือนยังเผด็จศึกหมอนั่นไม่ได้อีกเหรอ นี่มันโง่หรือเธอไม่มีเสน่ห์กันแน่น้องเลิฟ” “จ้า ใครจะไปเก่งกาจเหมือนพี่กายละค้า” ค่อนขอดเขาแล้วก็นึกเรื่องตองขึ้นมา “เออพี่ พี่กับยายตองเลิกกันแล้วเหรอ” “แค่คนคุยอย่าใช้คำว่าเลิก” “หืม... คุยท่าไหนกันบ้างล่ะ เห็นเขาติดพี่แจเลยนี่ สงสัยติดใจ” “เป็นเด็กเป็นเล็ก รู้มาก...” พี่กายดีดบุหรี่ทิ้ง ยื่นมะเหงกมาเขกหัวฉันไปสองที ไม่แรงหรอกนะ ฉันแกล้งร้องแอคติ้งไป ถูกด่าว่าเว่อร์มาอีกคำ เลยยิ้มประจบ “ไม่เล่นละ ถามจริง” “เธอก็รู้พี่คบใครเกินสองเดือนก็เก่งแล้ว ถ้าไม่ติดว่าอยากเป็นเทพอุ้มสมช่วยเรา พี่เลิกคุยตั้งแต่คืนนั้นแล้ว” บอกเล่าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เรายืนคุยกันอยู่ข้างรถ ฉันกำลังจะเดินอ้อมไปยังรถตัวเอง หากคำถามของเขาหยุดฉันไว้ “ที่ถามพี่ หรือว่ารายนั้นกลับไปวอแวหมอนั่นอีก” “พูดเหมือนตาเห็น” ฉันหัวเราะเบาๆ อย่างไร้ความหมาย เสยผมที่ลมพัดมาปรกหน้า ใจจริงไม่อยากคิดมากเรื่องไพนต์ พอจะรู้นิสัยเขาอยู่บ้าง “กลัวเขาคืนดีกันหรือไง ถ้าหมอนั่นมันเลือกจะคืนดีกับผู้หญิงคนนั้นทั้งที่เห็นเต็มตา เธอปล่อยมันไปเหอะ ผู้ชายแบบนั้นไม่คู่ควรกับเธอหรอก” พี่กายโยกหัวฉันไปมา เย้าหยอกแบบที่เขาชอบทำ “ไพนต์น่ะมันเกลียดคนโกหก หลอกลวง คงไม่คืนดีง่ายๆ หรอก ว่าไปผิงก็แอบกลัวใจตรงนี้ของเขาเหมือนกัน” เขาเลิกคิ้วถาม ฉันถอนหายใจยาว “ถ้ามันรู้ว่าผิงขอให้พี่ไปจีบตอง แย่งตองมาจากมัน ผิงกลัวมันจะเกลียดผิงไปด้วย” “ตอนนี้มันก็ดูมีใจให้เธอไม่ใช่เหรอ” “อืม...ผิงอดกลัวไม่ได้” ต่อหน้าพี่กาย ฉันไม่จำเป็นต้องปั้นหน้าว่าไม่แคร์ ว่ามั่น “คิดมากทำไม การแย่งชิงมันมีอยู่ทุกเรื่องทุกสังคมนั่นแหละ มัวแต่คอยฟ้าประทานให้คงแห้วแดกกันพอดี” นั่นสินะ ฉันยักไหล่ กำลังจะบอกลาพี่กาย เสียงของใครบางคนดังขึ้นข้างหลัง “เพราะแบบนี้สินะ พี่ถึงคิดจะเขี่ยตองทิ้งง่ายๆ” “ตอง” ตองตาตวัดตาวาวดุมองฉันอย่างเอาเรื่อง “แกก็เหมือนกันนังผิง ฉันคิดไม่ผิดจริงๆ แกแอบชอบไพนต์แล้วก็หาเรื่องให้เขาเลิกกับฉันมาตลอด” “อ้าว พูดงี้ก็สวยสิ เธอทำตัวเองต่างหากล่ะ” ฉุนกึกที่ถูกชี้หน้าด่า “ถ้าเธอไม่มักมาก เรื่องมันจะเป็นแบบนี้หรือไง” “เพราะแกหลอกลวงฉันไง แกใช้แผนการเพื่อแย่งไพนต์ไปจากฉันหน้าด้านๆ แกมันก็เลวเหมือนกันนั่นแหละ” “นังตอง!” ฉันเกือบจะผวาเข้าไปบวกแล้ว ถ้าพี่กายไม่ดึงตัวไว้ นั่นทำให้ตองเบนเป้าหมายไปที่เขา “ฉันว่าเราเลิกแล้วต่อกันด้วยดีจะดีกว่านะ” “พี่กายได้ตองแล้วนะ ตองไม่ยอมหรอก พี่ต้องรับผิดชอบ” เธอกรีดเสียงดังขึ้น เรียกให้ใครหลายคนที่ผ่านมาทางลานจอดรถหันมามอง พี่กายถอนหายใจยาว ท่าทางเบื่อหน่าย แต่หาได้วิตกทุกข์ร้อนอะไร “ก่อนจะได้รับผิดชอบเธอ ฉันคงต้องไปต่อแถวยาวเป็นกิโลสิใช่ไหม ฉันคงไม่ต้องสาธยายหรอกมั้งว่า ก่อนที่เธอจะแบให้ฉัน ไอ้หน้าไหนมันได้เธอมาแล้วบ้าง ว่าแต่เธออยากให้ฉันเริ่มนับจำนวนผู้ชายพวกนั้นตอนไหนดี ตอนที่เธอเพิ่งเข้าเรียนปีหนึ่ง หรือเอาแค่ตอนที่เธอคบกับไอ้ไพนต์” “พี่กาย! พี่พูดอะไร...” “พูดเรื่องที่เธอสวมเขาให้ไพนต์มาตลอดไง ขนาดแฟนฉัน เธอยังคว้าไปเอามั่ว ไม่รู้ใครหน้าด้านกว่ากัน สงสารก็แต่ไพนต์ หมอนั่นมันไม่เคยนอกใจเธอเลย” “แกแค้นฉันงั้นสิที่แฟนของแกมาชอบฉัน เลยอยากแย่งไพนต์ไปจากฉันเพื่อเอาคืน แกร้ายมากผิง” “เธอแย่งแฟนฉัน ฉันแย่งแฟนเธอก็สาสมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ตัวอย่างของคำว่า แก้แค้นสิบปียังไม่สาย” “กลับอยู่ในที่ของเธออย่างสงบจะดีกว่า” “พี่กายขู่ตองเหรอคะ พี่ลืมแล้วเหรอว่าเรามีความสุขกันแค่ไหน” “มันก็แค่เซ็กซ์ ฉันยอมรับว่าเธอถึงใจ แต่ก็แค่นั้น” “ที่ผ่านมา ตองไม่เคยมีความหมายกับพี่เลยเหรอ” จู่ๆ นางร้ายก็น้ำตาร่วงพรู ทำเอาฉันอึ้งงัน อดเหลือบมองพี่กายไม่ได้ เขาปากร้ายและใจร้ายมาก สีหน้าไม่เปลี่ยนเลย “แค่เซ็กซ์แลกเซ็กซ์” “พี่กาย...” ตองเหมือนคนสติแตก ชี้หน้าฉันกับพี่กาย ปากและมือสั่นระริก “ฉันไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ แน่” ตองตวาดกร้าวก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไป “พี่กายใจร้ายมากเลยนะคะ” ฉันนิ่วหน้า ปากว่าพี่กาย แต่ใจกำลังกังวล จิตใจคนยากแท้หยั่งถึง โดยเฉพาะจิตใจผู้หญิงที่กำลังเจ็บช้ำ “ไม่รู้ยายนั่นจะทำอะไรอีก” “กลัวยายนั่นเอาไปบอกไอ้ไพนต์เหรอ” พี่กายถามเสียงกลั้วหัวเราะ ฉันตวัดค้อนอย่างหมั่นไส้ “พี่จะส่งไฟล์หลักฐานเรื่องที่แฟนมันนอกใจให้ ถ้ามันเห็นแล้วยังเชื่อยังโกรธเธออีก ก็ปล่อยมันไป” พูดน่ะง่าย ฉันสิไม่รู้จะทำใจได้หรือเปล่า ถ้าไพนต์เกลียดฉัน ฉันคงหัวใจสลายไม่มีชิ้นดี หลายปีมานี้ ฉันมีแค่เขาในหัวใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD