"ระวัง!"
สิ้นเสียงตะโกนของใครบางคน ร่างของฉันชนิตก็หมุนเคว้ง แรงดึงกระชากของเขาพาร่างของเธอปะทะเข้าไปกับอกกว้างแข็งแรง
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองเขา ก็ต้องพบกับสายตาคมกล้ากำลังจ้องมองเธออยู่ด้วยความตื่นตกใจเต็มไปด้วยความเป็นห่วงมากมายสังเกตุจากคิ้วหนาของเขาที่ขมวดชนกัน
"อยากตายหรือยังไงกัน เดินไม่ดูรถเลย"
เสียงนั้นดุพอๆกับสายตา
"คุณแดน..."
หญิงสาวรีบผละออกจากอ้อมกอดของเขาเมื่อสติเริ่มกลับมา แดนดินก็รีบปล่อยเธอทันทีเหมือนกัน ตอนนี้สภาพทั้งคู่ยืนอยู่ริมฟุตบาทข้างถนนใหญ่
"จะไปไหน ทำไมสภาพเหมือนย้ายบ้านเลย"
แดนดินพูดขึ้นในขณะที่เขาก้มลงไปช่วยเธอเก็บของใส่ในกล่องกระดาษ ที่หล่นกระจายระเนระนาดเกลื่อนกลาดอยู่ข้างถนน
"ห่ะ.."
ฉันชนิตเห็นแบบนั้นก็ก้มลงไปช่วยเขาเก็บเหมือนกัน เพราะเธอนึกได้ว่าเธอเดินออกมาหาแท็กซี่แต่ก็คิดอะไรเพลินจนสติกระเจิดกระเจิงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถ้าไม่ได้เขาป่านนี้คงจะไปพบท่านยมบาลแล้วกระมัง
"อุ้ย!"
ทั้งคู่หัวชนกันอีกครั้งเมื่อก้มลงหยิบของชิ้นเดียว สายตาที่ประสานสายตาแววตาที่เศร้าหมองของฉันชนิตทำให้จิตใจของแดนดินสั่นไหว เป็นอีกครั้งที่ที่ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใคร
"เอ่อ นี่ครับ"
แดนดินยื่นกล่องกระดาษให้เธอเมื่อเก็บของครบหมดแล้ว
"ขอบคุณและขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อนตลอดเลย"
ฉันชนิตก้มหน้าลงเล็กน้อยเป็นการขอโทษขออภัยต่อแดนดิน เป็นเขาที่โผล่มาช่วยตอนที่เธอกำลังเดือดร้อนตลอด
"ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่อย่าเผลอคิดสั้นแบบเมื่อสักครู่อีกก็แล้วกัน"
"ห๊ะ นี่คุณแดนคิดว่านิตคิดสั้นเหรอคะ?"
ฉันชนิตถึงกับอึ้งที่เขาคิดไปได้ถึงขนาดนั้น เมื่อสักครู่เธอแค่เผลอเหม่อลอยไปแป๊บเดียวแค่นั้นเอง ไม่ได้คิดสั้นอย่างที่เขาว่าสักหน่อย
"หรือไม่จริง แล้วนี่จะไปไหนไปทำงานเหรอ เดี๋ยวผมไปส่ง"
"เปล่าค่ะ นิต..นิตลาออกแล้ว"
เอ่ยออกมาด้วยเสียงเบาหวิวหลบสายตาคมกล้าของแดนดิน
"ทำไมกัน?..."
"เอ่อ..นิตขอตัวก่อนนะคะ"
หญิงสาวยกกล่องกระดาษขึ้นมาแนบกับลำตัวแล้ววิ่งไปโบกรถแท็กซี่เป็นการตัดบทไม่ตอบคำถามของแดนดิน
เขายืนมองตามร่างเพรียวของเธอไปจนสุดสายตา พอจะรู้แล้วว่าฟีดแบคจากเรื่องของธันว์คงจะทำให้ชีวิตเธอในที่ทำงานกลายเป็นเรื่องยากไป
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
"คุณธันว์คะ เช็คที่ส่งไปให้คุณฉันชนิตเธอปฏิเสธกลับมาอีกแล้วค่ะ"
เลขาสาวของธันว์เข้ามารายงานพร้อมกับยื่นซองเอกสารวางไว้บนโต๊ะทำงาน
"โอนเข้าบัญชีไป"
"เธอปิดบัญชีนั้นไปแล้วค่ะ"
"งั้นก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว"
ธันว์โบกมือให้เลขาสาวออกไปได้ ตั้งแต่แดนดินลาออกไปเขาก็ยังไม่ได้รับผู้ช่วยคนใหม่เข้ามา และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครทำงานแทนแดนดินได้สักคน
ธันว์ยังคงค้างคาใจเรื่องฉันชนิตอยู่มาก ต้องยอมรับว่าฉันชนิตนั้นทำให้เขาคิดถึงเธอทุกครั้งที่หลับตา
คงจะเป็นเพราะเขายังจัดการเรื่องเงินให้เธอยังไม่ได้ เลยทำให้ยังคงค้างคาใจอยู่มาก ธันว์ยังคงเข้าใจว่าที่ตัวเองยังคิดถึงฉันชนิตอยู่มันเป็นเพราะ..เรื่องเงิน
อีกไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดงานแต่งงานของเขากับเขมจิราแล้ว เขาอยากจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้น เพราะไม่อยากให้มีปัญหาตามมาหลังแต่งงาน
เรื่องผลประโยชน์ย่อมต้องมาก่อนเรื่องของความรู้สึกเสมอ และยังคงไม่ไว้ใจฉันชนิตกลัวเจ้าหล่อนจะมาอาละวาดในงานของเขา ตราบใดที่เธอยังไม่รับเงินจากเขาไป
นี่แหละความคิดของธันว์นักธุรกิจหนุ่มที่ไม่เคยล้มแม้ว่าเศรษฐกิจจะเลวร้ายสักแค่ไหน แม้แต่เรื่องของความรักเขายังไม่ลืมที่จะมองผลประโยชน์ของตัวเองก่อน
เพียงเพราะว่าฉันชนิตไม่มีผลประโยชน์อะไรให้เขาเลยนอกจากเรื่องเซ็กส์เท่านั้นที่เขาต้องการจากเธอ ถ้าเปรียบเทียบกับเขมจิราแล้วด้วยความที่เธอเป็นคนที่มีชื่อเสียงเป็นดาราดัง
อีกทั้งครอบครัวของเขมจิราก็เป็นตระกูลที่ดังตระกูลหนึ่ง คงไม่ต้องบอกว่าใครที่จะมาสนับสนุนธุรกิจและชื่อเสียงของเขาให้ดียิ่งขึ้นไปได้ แน่นอน ว่าต้องเป็นเขมจิราอยู่แล้ว
19:00 น.
ฉันชนิตเดินกลับมาอพาร์ตเมนต์ด้วยความเหนื่อยล้า เนื่องจากวันนี้เธอตระเวนไปสัมภาษณ์งานหลายที่กว่าจะกลับมาถึงห้องก็ค่ำมืดเสียแล้ว
"คุยกันสักหน่อยดีมั้ย?"
ฉันชนิตหยุดกึกชะงักนิ่ง เมื่อมีคนมายืนดักรอเธออยู่ก่อนแล้ว ร่างสูงโปร่งของคนที่เธอคุ้นเคยยืนกอดอกพิงรถหรูจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว
ท่าทางและแววตาของธันว์ที่มองมาราวกับจะเป็นคนละคนกันกับวันเก่าก่อน หญิงสาวเชิ่ดหน้าขึ้นมองเขาด้วยความเฉยชา ไม่ได้ดีใจโผเข้าไปกอดอย่างทุกๆครั้งที่พบเจอ
"ถ้าเรื่องเงิน กลับไปเถอะค่ะ"
มองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าและก้าวออกมาได้ไม่ทันถึงสองก้าว
"เดี๋ยว!"
ธันว์ฉุดรั้งแขนของหญิงสาวไว้ไม่ให้เดินจากไป
"ปล่อย!"
"ไม่ต้องการเงิน เอาแบบนี้ก็ได้ กลับมาคบกันเหมือนเดิมดีมั้ย?"
เมื่อมาเจอเธออีกธันว์ตัดสินใจยื่นข้อเสนออีกข้อให้ฉันชนิตอย่างไม่ลังเล เพราะในใจของเขาตอนนี้อยากจะกอดจูบเธอเหมือนทุกๆครั้งที่พบเจอ ครั้งแรกนึกว่าจะไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อได้มาพบกันอีกครั้งกลับทำให้เขาหักห้ามใจเอาไว้ไม่ไหว
"หมายความว่ายังไง?"
"คบกับผมเหมือนเดิม ในฐานะเมียอีกคน แล้วผมจะเลี้ยงดูคุณเป็นอย่างดีเป็นการตอบแทน"
ธันว์กระซิบพูดเบาๆข้างหูเธอ ฉันชนิตเมื่อได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกรังเกียจในความเห็นแก่ตัวของธันว์ขึ้นมาทันที
"ไม่ค่ะ! ขอตัว"
"นี่ ฉันชนิต หยุดนะ!"
ร่างแกร่งของธันว์กระชากเธอเข้ามาในอ้อมกอด พยายามจะจูบเธอแต่ฉันชนิตดิ้นจนสุดกำลัง
"ปล่อย!"
ฉันชนิตดิ้นทุรนทุรายออกจากอ้อมกอดของเขา ที่ตอนนี้พยายามจะลากพาเธอขึ้นรถ
"เอ่อ ขอโทษนะครับ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับบอส?"
อยู่ๆเสียงของแดนดินก็โพล่งขึ้นมา ธันว์ตกใจรีบปล่อยฉันชนิตให้เป็นอิสระทันที คาดไม่ถึงว่าจะมาเจอกับแดนดินที่นี่ตอนนี้
"นาย มาทำอะไรน่ะแดน?"
"เอ่อ พอดีว่าผมเจอกระเป๋าสตางค์ของคุณนิตตกอยู่เลยนำมาคืนน่ะ"
แดนดินยื่นกระเป๋าสตางค์ให้ฉันชนิตที่ตอนนี้ยังคงหน้าซีดเพราะตกใจกับการกระทำของธันว์อยู่มาก
"น่าแปลกนะ อยู่ๆลาออกจากงานแล้วมาโผล่ที่ห้องเมียของชั้น มันบังเอิญจริงๆเชียว"
ธันว์อดที่จะหึงหวงไม่ได้ แค่เรื่องกระเป๋าสตางค์ถึงกับทำให้คนอย่างแดนดินมาหาฉันชนิตมันก็ดูแปลกๆไป เหมือนกับจงใจมาหาเธอมากกว่า
"มีกฏข้อไหนที่ลาออกแล้วห้ามผมไปบ้างเหรอครับ เอ่อ ผมเดินไปส่งห้องดีมั้ยครับคุณนิต"
เมื่อพูดกับธันว์เสร็จ แดนดินก็หันไปพูดกับฉันชนิตตอนนี้ภายในใจของเขานั้นเป็นห่วงความรู้สึกของเธอมากๆ
เพิ่งจะเสียคนรัก เสียลูกในท้องไหนจะต้องตกงาน แล้วยังต้องมาเจอการกระทำที่น่ารังเกียจจากธันว์อีก ไม่รู้ว่าเธอจะเอาความเข้มแข็งมาจากไหนเยียวยาหัวใจ
"ค่ะ ดีเหมือนกัน"
ฉันชนิตตอบรับคำเชิญของแดนดินอย่างง่ายดาย อย่างน้อยแดนดินก็ยังดูปลอดภัยกว่าธันว์เยอะ แดนดินถอดเสื้อสูทของเขาสวมทับให้ฉันชนิตที่เสื้อของเธอขาดจากการปะทะกับธันว์เมื่อสักครู่
"สวมไว้ครับ"
ฉันชนิตพยักหน้าขอบคุณแดนดิน เธอเหลือบไปมองธันว์ด้วยสายตาเย็นชานิดหน่อย แล้วเดินเคียงข้างแดนดินจากไป
ธันว์มองทั้งคู่ด้วยสายตาเคียดแค้น ตอนนี้เขาหึงหวงฉันชนิตมาก แต่เมื่อมีบุคคลที่สามอยู่เขาก็ไม่อยากบุ่มบ่ามทำอะไรมาก แต่เขาจะไม่ยอมจบแค่นี้อย่างแน่นอน
"โธ่เว้ย!ไอ้แดนดิน ฝากไว้ก่อนเถอะ"
ธันว์สบถออกมาก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถปิดประตูดังโครม แล้วเหยียบคันเร่งกระชากรถออกไปอย่างแรง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพายุแห่งความเกรี้ยวโกรธกำลังพัดโหมกระหน่ำอยู่ภายในใจของเขาตอนนี้ลูกใหญ่แค่ไหน