พรพระพายยกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้า “สวัสดีค่ะ” ก่อนจะหันไปหาพี่สาวที่เคารพอย่างนีรนารา “พี่เบลล์ขา เดี๋ยวกวางดูแลใบบัวให้เองค่ะ ไปกินข้าวเถอะ”
“แล้วกวางไม่กินเหรอ เดี๋ยวเอาน้องไปเล่นข้างล่างด้วยกันก็ได้”
เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มฉีกยิ้มกว้าง หญิงสาวส่ายหัวรัวๆ
“กวางทำไป ชิมไป อิ่มจนพุงจะแตกอยู่แล้ว พี่เบลล์ไปกินเถอะ ไม่ต้องห่วงกวาง” เสียงหวานใสเอ่ยบอกนีรนารา
การสนทนาของผู้หญิงสองคนตกอยู่ในความสนใจของรัชชานนท์ ชายหนุ่มตั้งใจฟังทุกคำที่ทั้งสองคนพูดออกมา ไม่มีสักคำที่จะปล่อยให้ผ่านไป คงเพราะ..
..ถ้อยคำเหล่านั้นออกจากปากนีรนารากระมัง
“งั้นพี่ฝากกวางดูแลใบบัวด้วยนะ” นีรนาราส่งลูกให้น้องสาวคนสวย ก่อนจะหันไปพูดกับสองหนุ่ม “ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ”
“ได้เวลาสักที ฉันหิวจนตาลายเห็นแกเป็นควายแล้วเนี่ยยัยเบลล์” ติณณภพทั้งบ่นและพูดหยอกน้องสาวไปในที
“เหี้ย! เอ๊ย! เฮียจ๋า.. ถ้าหิวก็ไปกินข้าวนะจ๊ะ อย่าปากหมา ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้กิน”
นีรนาราส่งสายตาขู่อาฆาตพี่ชาย โดยที่ลืมไปเลยว่ามีอีกคนที่กำลังเฝ้ามองเธอไม่วางตาอยู่
“ไอ้หมอ.. มึงเห็นธาตุแท้ของยัยเบลล์หรือยัง” ติณณภพหันไปหาเพื่อนเพื่อจะหาพวก แต่..
“มึงด่าเขาก่อน เขาไม่ด่ามึงกลับว่า ‘ไอ้ควาย’ ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“ฮ่าๆ”
ประโยคของรัชชานนท์เรียกเสียงหัวเราะจากผู้หญิงอีกคนที่นั่งฟังตาปริบๆ แม้เสียงหัวเราะของเจ้าหล่อนจะไม่ดังมาก แต่ทว่าก็พอจะทำให้ทุกคนในที่นี้ได้ยิน โดยเฉพาะเจ้าของประโยคเมื่อครู่
“กวาง! ขำพี่เหรอ” ติณณภพหันไปทำเสียงดุใส่แม่กวางตัวน้อย
พรพระพายรีบตะปบมือปิดปากตัวเองพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ทว่านัยน์ดวงตาหวานบ่งบอกว่าสิ่งที่กำลังแสดงออกมาให้คนอื่นเห็น.. เธอโกหก และคงจะมีเพียงแค่ผู้ชายที่ชื่อรัชชานนท์เท่านั้นที่ได้เห็นมัน
“ดุน้องทำไมเฮียบูม ถ้าแม่รู้นะ แม่บ่นพี่หูชาแน่ๆ”
“เฮ้ย! นี่ฉันผิดอีกแล้วเหรอ ไม่เอาและ ไม่พูดกับพวกแกแล้ว เสียอารมณ์ ไปกินข้าวอร่อยๆ ฝีมือน้องกวางดีกว่า” มือหนาเอื้อมไปลูบหัวผู้หญิงที่เขาพึ่งทำเสียงดุใส่เมื่อครู่” โอ๋ๆ เมื่อกี้พี่ไม่ได้ตั้งใจนะ พี่ล้อเล่น"
พรพระพายยิ้มกว้าง เธอหาได้ถือสาติณณภพไม่ “โอ๊ยพี่บูม กวางไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย ไปกินข้าวได้แล้วไป เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นซะก่อน”
“โอเคๆ งั้นพวกพี่ไปกินข้าวก่อนนะ กินเสร็จแล้วจะรีบมาเลี้ยงหลานช่วย”
“โอเคคร้าบ” พรพระพายทำท่ารับทราบ ก่อนจะหันไปเล่นกับเด็กหญิงณารา
ติณณภพเดินออกจากห้องเป็นคนแรก ก่อนที่นีรนาราจะลุกขึ้นตามพี่ชายของเธอ สุดท้ายก็คือรัชชานนท์ที่ตามเจ้าบ้านทั้งสองไป แม้ขาจะตั้งตรง แต่ทว่าสายตาของเขากลับเหล่มองสาวน้อยแก้มใสที่ตั้งอกตั้งใจเล่นกับเด็กน้อยในอ้อมอก เรียวปากบางแย้มรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มมองเจ้าหล่อนอีกเพียงครู่ ก่อนจะเดินตามสองพี่ออกจากห้องไป
“สวัสดีครับคุณน้า” รัชชานนท์ยกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าอย่างนอบน้อม
วันวิสายิ้มให้เพื่อนสนิทของลูกชาย ในใจของนางนึกเอ็นดูชายหนุ่มผู้นี้ยิ่งนัก ทั้งนิสัย หน้าตา การศึกษา ฐานะและชาติตระกูล เรียกว่าไม่มีที่ติ เสียดายที่นีรนาราดันมีลูกเสียก่อน ไม่อย่างงั้นนางคงจะแอบเชียร์ให้ลูกสาวเปิดใจรับรัชชานนท์ไว้พิจารณา
“สวัสดีจ้ะ หิวหรือยังลูก”
“นิดหน่อยครับคุณน้า”
“ไม่นิดหรอกครับแม่ ไอ้หมอหิวจนจะกินยัยเบลล์ได้อยู่แล้วมั้ง” ติณณภพได้ทีก็รีบเปิดทางให้เพื่อนสนิท
“เฮียบูม! พูดอะไรน่าเกลียด”
คำพูดขอติณณภพทำให้นีรนาราทั้งเขินทั้งอาย แต่.. เมื่อเจ้าหล่อนหันไปเห็นสายตาของผู้ชายอีกคนที่กำลังมองมาด้วยความหยาดเยิ้ม ยิ่งทำให้เธอ..
กรี๊ด! อย่ามองด้วยสายตาแบบนี้ เดี๋ยวแม่ก็จับรวบหัวรวบหาง ซะหรอก
นีรนารารีบหลบสายตาของชายหนุ่ม เจ้าหล่อนก้มมองอาหารในจาน แต่มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่นิด วินาทีนี้ยอมรับเลยว่าเขามีอิทธิพลต่อหัวใจบางๆ ของเธอจริงๆ
“นั่นสิบูม” วันวิสาแกล้งหันไปดุลูกชายคนโต ก่อนจะ.. “ดูสิ.. น้องเราเขินจนแทบจะมุดโต๊ะอยู่แล้ว” หักหลังลูกสาวของตนโดยการร่วมผสมโรงกับติณณภพ
“แม่กับเฮียน่ะ”
นีรนาราย่นจมูกเล็กน้อยพอให้ดูน่ารัก
“เอาล่ะๆ เลิกแกล้งน้องแล้วกินข้าวเถอะ” วันวิสาเอ่ยปากบอกลูกๆ ก่อนจะหันไปสนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้า
มื้ออาหารวันนี้จะเรียกว่าเป็นปาร์ตี้เล็กๆ หรือมื้ออาหารที่พิเศษกว่าทุกวันของครอบครัวเธอก็ได้ ด้วยว่าวันวิสาตั้งใจจัดเต็มเพื่อฉลองเนื่องในโอกาสที่เธอได้ย้ายเข้ามาทำงานโรงพยาบาลในเมืองหลวง ซึ่งวันวิสาคิดว่าเป็นเรื่องน่ายินดีของชีวิตแพทย์หญิงนีรนารา แต่เธอนั้นคิดว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรจะซวยมากไปกว่าการได้มาใช้ทุนที่โรงพยาบาลเดี๋ยวกันกับ..
..อธิวรรธน์