1 อาทิตย์ต่อมา
มหาวิทยาลัย T คณะนาฏศิลป์
“วันนี้ไปไหนกันไหมมมม?” เสียงของเบนถามขึ้นเมื่อเราเรียนเสร็จแล้ว
“จะชวนไปไหนพูดดดดไม่ต้องทำมาเป็นถามย่ะ!” วีวี่บอกมันถามแบบนี้แปลว่าจะชวนไปไหนน่ะสิ
“ไปเดินเล่นกันอยากช๊อปปิ้งอะอยากใช้เงินนนน~” เบบนมันพูดเสียงร่าเริงส่วนฉันก็คิดว่าจะไปอยู่เหมือนกันเพราะว่าชุดสำหรับถ่ายลงทวิตเตอร์เริ่มหมดแล้วด้วย
“ไปด้วย” ฉันบอกกับมัน
“ดิวเลยไอ้เพื่อนรักส์!” หมับ! เบนเดินมากอดคอฉัน
“ไปด้วยก็ได้อยากกลับบ้านช้าพอดี”
“ทะเลาะกับพ่ออีกแล้วดิ?” ฉันถามควิกซ์เพราะว่าเมื่อไหร่ที่มันกลับบ้านช้านั่นแปลว่ามันทะเลาะกับพ่อแต่ไม่นานก็ดีกันนั่นแหละไม่มีหรอก ความจริงฉันก็แอบอิจฉามันนะที่มันพูดและระเบิดอารมณ์อธิบายสิ่งที่ต้องการกับพ่อมันได้อะ เพราะฉันกับพ่อแม่ไม่เคยทะเลาะกันเลยแต่ก็ไม่เคยมีการพูดคุยอะไรกันทั้งนั้นฉันแค่เออ ออตามไปเท่านั้นเพราะว่าเคยพูดแล้วแต่เหมือนฉันเป็นฝ่ายผิด เฮ้อออ!!
“นิดหน่อยอะแต่เดี๋ยวก็จัดการได้”
“ดีแล้วมึงอย่าทะเลาะกันบ่อยดิสงสารพ่อมึงเดี๋ยวก็ร้องไห้อีกหรอก” วีวี่แซวเพราะว่าควิกซ์มันเคยทะเลาะกับพ่อจนพ่อมันร้องไห้เพราะว่ารู้สึกผิดกับมันและขอโทษยกใหญ่
“เขาเรียกว่าทะเลาะเพื่อสร้างความเข้าใจเว้ย!” ก็จริงเพราะว่ามันได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจไม่เหมือนกับฉันที่ต้องเก็บเอาไว้ตลอดเวลา
“จ้า ๆ แต่อย่าสร้างความเข้าใจบ่อยนะเพราะพวกกูขี้เกลียดกินเหล้ากับพ่อมึง” แปลกไหมแทนที่จะกินกับควิกซ์แต่ต้องมากินกับพ่อมันแทนแต่มันก็อยู่ด้วยนั่นแหละ
“ก็ไม่ได้บ่อยนะอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง”
“เขาเรียกบ่อย!!” พวกฉันพูดพร้อมกันเพราะว่ามันสร้างความเข้าใจกับพ่อมันบ่อยเกิน
“เออ ๆ บ่อยก็บ่อยแต่ว่าบ้างอย่างมันปล่อยผ่านไม่ได้ไงไม่อยากนั้นพ่อกูอาจจะเคยตัวได้” ตอนนี้ฉันค่อนข้างสนสับว่าใครพ่อใครลูกกันแน่
“ไปกันเถอะไปกันหมดใช่ไหม?” ฉันถามเพื่อนที่มั่วแต่ยืนคุยกันไม่ยอมไปไหนสักที
“ไปจ้า!!” และพวกเราก็พากันเดินออกจากคณะ พวกเราไม่ใช่พวกสาวสุดฮอตเพราะงั้นไม่ต้องคาดหวังว่าจะมีใครมาหาเรื่องหรือมีหนุ่มแซวพร้อมสายตาอิจฉาที่ส่งมานะ พวกฉันมันธรรมดาสุด ๆ หน้าตาพอไปวัดไปวาแค่นั้นแหละ...มั้ง^^
กึก!! และขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นสายตาของฉันก็ไปเห็นธันเดอร์ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้?
คงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันหรอกมั้งหลังจากวันดูตัวเราก็ไม่ได้เจอหรือว่าติดต่ออะไรกันอีกเลย ส่วนธันเดอร์สายเปย์คนนั้นฉันก็บล็อกไปแล้วเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ฉันไม่รู้นิว่าเขาเป็นคนแบบไหนเพราะงั้นอยู่ให้ห่างไว้จะดีกว่าและคงจะต้องงดอัพอะไรสักระยะแล้ว ส่วนตัวฉันไม่ได้อายหรือว่ากลัวใครจะรู้หรอกนะกล้าทำก็ต้องกล้ารับอยู่แล้วแต่อย่างที่รู้ครอบครัวฉันเป็นยังไงเพราะงั้นฉันจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด
“ธันเดอร์ป่ะมาทำที่นี่วะ?” วีวี่ถามและมองธันเดอร์เหมือนกัน
“ไม่รู้ดิไม่เกี่ยวกับเราหรอกไปกันเถอะ” ฉันพยายามบอกเพื่อนให้เดินไปได้แล้ว ไม่รู้หรอกว่าเขามาหาใครแต่ฉันควรเลี่ยงการพบเจอเขา
“มาติดสาวที่นี่มั้งแต่ว่าใครวะนาฏศิลป์...”
“ไม่เกี่ยวกับเราหรอกน่าไปกันเถอะฉันอยากช๊อปปี้แล้ว” ฉันพูดขัดพวกมันที่ขี้เสือกซะไม่มีและดันหลังให้พวกมันเดิน
“เทียนหอม!!” กึก! เสียงเรียกชื่อของฉันดังสนั่นและมันออกมาจากปากผู้ชายคนนั้น!!!
“เขาเรียกมึง?” เพื่อนหันมามองฉันอย่างพร้อมเพียง
“ไม่ใช่หรอกน่ากูกับเขาไม่ได้รู้จักกันสักหน่อยคงคนอื่นละมั้ง...”
“เทียนหอม!!หูตึงเหรอวะ?!” ไอ้เวรนี่! ฉันหันไปมองหน้าของเขาทันทีและเขาก็มองหน้าฉันอยู่เช่นกัน
“สรุป...มาหามึง?”
“ไหนว่าไม่รู้จัก?”
“ไปเจอกันตอนไหนอะ?” นังเพื่อนตัวดีรีบหันมาถามฉันรัว ๆ ทันที
“ไว้ค่อยเล่านะ” ฉันบอกเพื่อนก่อนจะรีบเดินไปหาธันเดอร์ทันทียืนกอดอกพิงรถให้สาวกรี๊ดภาคภูมิมากมั้ง!
กึก!! ฉันมาหยุดตรงหน้าของเขาและมองหน้าอย่างไม่พอใจจะเรียกทำไมจะมาหาทำไมเราไม่มีเรื่องอะไรต้องกันกันนะ
“บล็อกทำไม?” เขาถามฉันซึ่งนั่นทำให้ฉันรู้ทันทีเลยว่าเขาคือธันเดอร์คนนั้นนั่นเอง แต่ว่าฉันจะทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นแหละ
“พูดอะไรของนายไม่ทราบ?” แต่ว่าเขารู้ได้ยังไงนะว่าเป็นฉัน?
ฉันทำงานนี้มาตั้งหลายปียังไม่เคยมีใครมาทักหรือว่าสงสัยเลยด้วยซ้ำแต่เขากลับพูดออกมาอย่างมั่นใจว่าเป็นฉันแน่นอนอะไรทำนองนั้น
“เหอะ! ตีหน้าซื่อเก่งจังนะเอาเงินไปแสนแล้วยังหนีอีก” ฉันไม่ได้ขอไหมก็บอกแล้วว่าไม่ต้องโอน ๆ ไม่ฟังและทีนี้จะมาทวงรวยไม่จริงนี่หว่า
“เงินอะไรของนายไม่ทราบ ถ้าโง่จนโดนผู้หญิงหลอกก็ไปแจ้งความไม่ใช่มากล่าวหาฉันสติเนอะ^^” ฉันพูดแค่นั้นและหันหลังจะเดินหนี
“เทียน่า!”
“0.0” อยู่ ๆ เขาก็ตะโกนเสียงดังจนคนรอบข้างเริ่มหันมองโดนเฉพาะผู้ชาย นั่นหมายความว่าแถวนี้อาจจะมีคนที่ติดตามฉันอยู่ก็ได้
“ไม่เดินต่อละ...” เขาเดินมายืนข้างหลังก่อนจะกระซิบ
“ถ้าไม่อยากให้ใครรู้ตัวตนของเธอก็ตามมาเรามีเรื่องต้องคุยกัน” ขวับ! ฉันหันไปหาเขาแต่ว่าหน้าเขาใกล้มากจนฉันต้องหลบออกอย่างตกใจ
“ว้ายย! เอาหน้านายเข้ามาใกล้ทำไมเนี่ย?!”
“ทำเป็นรังเกียจไปได้ อ่อ รังเกียจหน้าฉันแต่ไม่รังเกียจอันนี้...ของฉันใช่ป่ะ?” เขาถามและก้มลงไปมองตรงเป้ากางเกง สายตาของฉันก็ดันเรื่อยมองตามไปด้วยแถมยังเผลอกลืนน้ำลายอีกภาพนั่นมันติดตา
“อึก!”
“ยัยกามเอ๊ย!” พรึ่บ! เขาผลักหัวของฉัน
“ฉันไม่ได้กามย่ะ! นายมีเรื่องอะไรจะคุยไม่ทราบ?” ฉันถามเขาคุย ๆ ให้มันจบ ๆ ไปเถอะ
“ยอมรับแล้วอ่อ?” ถามหน้ามึน
“ยอมรับเรื่องอะไรไม่ทราบฉันไม่เข้าใจที่ยอมคุยด้วยเพราะว่านายมีธุระกับฉันไม่ใช่หรือไง?” เรื่องอะไรฉันต้องยอมรับง่าย ๆ ด้วยละ ไม่มีวันหรอกย่ะ
“สงสัยต้องใช้จู๋งักปาก”
“ไอ้ธันเดอร์!!ไอ้คนทรามเอ๊ย!!” หมับ! ฉันกำลังด่าเขาแต่เขาก็คว้ามือของฉันและลากให้เดินตามเขาไป
“ตามมานี่พูดมาก!”
“จะพาไปไหนธันเดอร์ฉันไม่ไป~~” พยายามขัดขืน
“เทียนหอม! อย่าดื้อได้ป่ะวะฉันไม่อยากเป็นจุดสนใจ!” เขาหันมาดุฉันแต่ก็นะเขาเป็นนักแคสเกมชื่อดังจะมาลากผู้หญิงแบบนี้คงไม่ดี คนคงจะมองเขาไม่ดีสินะงั้น....
“กรี๊ดดด!!” เพี๊ยะ!
“เจ็บนะ!” ฉันกำลังกรี๊ดเพื่อให้เขาปล่อยฉันแต่กลายเป็นว่าเขาตีปากฉันซะงั้น คนเลววว T^T
“อย่าคิดทำอะไรโง่ ๆ ถ้าเธอเสียงดังฉันก็จะเธอว่าเทียน่าดัง ๆ เหมือนกันต่อให้เธอปฏิเสธแต่ก็จะมีคนเริ่มสงสัยเธอดีไหม?” อยากจะกรี๊ดใส่หน้าอยากจะตบสักที!
“เฮอะ! ไปสิ!จะไปคุยที่ไหนก็นำไปเลย!” ไม่มีทางเลือกอยู่แล้วนิ
สวนสาธารณะ
เรามาอยู่ที่สวนสาธารณะในมหาวิทยาลัยนี่แหละตอนนี้ก็เย็นมากแล้วไม่มีผู้คนเท่าไหร่เขาคงไม่ได้เอาฉันมาฆ่าเพื่อเอาเงินคืนนะ
“มีอะไรละเดินจนขาจะเป็นตะคริวอยู่แล้ว?” ไม่ยอมพูดอะไรสักที
“เธอน่ะ...มาเป็นคู่หมั้นฉันซะ”
“ฮะ?”
“ฉันว่าเธอหูไม่ดีวะแคะบ้างเถอะอีหนู” ดูเขาพูดดิ -.-
“ฉันได้ยินแต่แค่ไม่เข้าใจว่านายพูดเรื่องอะไรไหนต่อต้านนักหนาทำไมมาขอฉันเป็นคู่หมั้น?” ฉันถามอย่างสงสัยหรือว่าเขาจะ...
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นฉันไม่ได้ชอบเธอ ไม่ได้พิศวาทอะไรด้วยแต่ฉันเบื่อการจับคู่ดูตัวเธอไม่เบื่อหรือไง?”
“เบื่อ =_=” ฉันตอบทันทีอย่างไม่ต้องคิด
“นั่นไงเพราะงั้นถ้าเธอกับฉันหมั้นกันพ่อแม่ก็จะได้เลิกหาคนมาให้เราดูตัวสักทีไง วินวินทั้งคู่” เขายักไหล่
“ถ้าฉันไม่ตกลงละ?”
“ฉันก็จะบอกทุกคนว่าเธอคือเทียน่าแม่สาวน้อยดาวทวิตไง^^”
นี่มันบังคับกันชัด ๆ -_-^^