“นายจะตอบตกลงทำไมฮะ?!” เพี๊ยะ! ตุบ! ตับ! ฉันโวยวายใส่ธันเดอร์ทันทีเมื่อเราแยกกับพ่อแม่เรียบร้อยแล้ว ฉันเลยจัดการเขาที่ตกลงว่าจะอยู่ด้วยกันทำไมฉันต้องอยู่กับเขาด้วยเนี่ย?! ไม่มีทางฉันไม่มีวันเอาเขาไปอยู่ด้วยแน่นอนรกห้องฉันเว้ย!
“คิดว่าฉันอยากอยู่กับเธอนักหรือไงฉันก็แค่ตอบตกลงไปอย่างงั้นแหละ! ถ้าไม่ตกลงคิดว่าแม่เธอจะปล่อยเรากลับหรือไงดูตาแม่เธอดิเหมือนแม่ยายในละครฉิบ!”
“ว่าแม่ฉันเหรอฮะ?!” เพี๊ยะ!! ฉันตีไปที่กลางหลังของเขาที่บังอาจมาว่าคุณแม่ของฉันถึงแม้ว่ามันจะจริงก็เถอะ -.-
“งั้นก็แยกย้ายในเมื่อจบเรื่องแล้ว” ในเมื่อมันเป็นเพียงสิ่งที่บอกเพื่อความสบายใจของคุณแม่แล้วเราไม่จำเป็นต้องไปอยู่จริง ๆ สักหน่อย
“จะไปไหนก็ไปเถอะเธอก็ไม่ได้อยากอยู่กับเธอเท่าไหร่หรอก”
“ทำไมเหรอ? กลัวอดใจไม่ไหวอะสิ” ฉันทำท่าทางยั่วยวนใส่เขาไปทีก็เข้าใจนะว่าความสวยของฉันเป็นเหตุอะ
“ใช่กลัวอดใจไม่ไหวแล้วกระชากเธอกดน้ำไง! ผู้หญิงอะไรโคตรน่ารำคาญเลย”
“นายก็น่ารำคาญเหมือนกันนั่นแหละ!!” คิดว่าฉันไม่รำคาญเขาหรือไง?!
“ไปเถอะไป!!อยากเห็นหน้าวะ!” ดูมันไล่ฉันดิ!
“เออ!!ไปอยู่แล้ว! แบร่!” ฉันหันไปแลบลิ้นก่อนจะวิ่งหนีทันที
“เดี๋ยวกูตัดลิ้นขาดแม่ง!!”
(ธันเดอร์)
“เฮ้ออ!!” ผมมองยัยเทียนไขที่วิ่งหนีไปเหมือนเด็กหลังจากที่แลบลิ้นใส่ผมแล้ว ต่อจากนี้ก็คงจบเรื่องดูตัวสักทีนะ...
Rrrr
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เกิดอาการเซ็งทันทีจะโทรมาทำไมอีกวะกับหมั้นให้แล้วไง?
“อะไร?” ผมพูดสียงห้วนเหมือนปกติก็ไม่ได้สนิทนับถืออะไรกันอยู่แล้ว
(เฮอะ! เสียงคนละแบบกับในร้านเมื่อกี้เลยนะ)
“มีอะไรก็พูดมาถ้าไม่สำคัญวาง...”
(แกไปหลอกอะไรหนูเทียนหอมมาหรือเปล่าทำไมเธอยอมหมั้นกับคนอย่างแก?) ดูถามเข้าและทำเหมือนยัยนั้นเป็นสาวน้อยหัวอ่อนต่อโลกตาแก่ไม่รู้อะไรยัยนั้นมันแสบสันยิ่งกว่าอะไรซะอีก
“ผมจะไปหลอกอะไรยัย...เทียนหอมได้ละเราชอบพอกันก็คบกันแค่นั้นแหละ” ผมบอกไป
(อย่าคิดว่าพ่อรู้ไม่ทันแกนะ)
“ไม่ไว้ใจว่างั้นเถอะ?” แสนรู้จริง ๆ แสนรู้จริง ๆ เลยเว้ย! แต่ตอนแม่ท้องและหายไปกลับไม่รู้และหายไม่เจอหรือความจริงแล้วไม่ได้ตามหากันแน่นะ?
(ใช่ไง แกไปหลอกอะไรหนูเทียนหอม)
“ไม่หลอกอะไรทั้งนั้นแหละ อย่ามาจับผิดได้ป่ะ?”
(ถ้าไม่ได้หลอกก็เอาหนูเทียนหอมไปดูแลอย่างดี อย่างที่รับปากคุณแม่ของเขาไว้ละ) ว่าไงนะ?
“ก็เอาไปอยู่ด้วยอยู่แล้วแหละรับปากแล้วไง!” ผมก็ตามน้ำไป
(พ่อจะส่งคนไปดูถ้าแกไม่ดูแลหนูเทียนหอม แกเตรียมออกข่าวหน้าหนึ่งว่าเป็นลูกชายของพ่อคนนี้ให้ดู) ติ๊ด! พูดจบพูดเองคิดเองแล้วก็วางไป
“เฮ้ย!!ตาแก่!!ไม่เอานะเว้ย!” แม่งสรุปคือผมต้องเอายัยเทียนไขไปอยู่ด้วยเหรอวะ?!
แต่ถ้าไม่เอาไปอยู่ด้วยและพ่อแม่ของยัยนั่นกับพ่อผมรู้ความจริงบรรลัยเกิดแน่ วุ่นวายจังโว้ยยย!!
วันต่อมา...
มหาวิทยาลัย T คณะนาฏศิลป์
ผมต้องมาที่คณะนี้อีกครั้งทั้งที่ไม่ได้อยากมาแต่ยัยนั่นไม่รับเพื่อนในเฟสและไม่อ่านข้อความของผม แถมเบอร์ก็ยังไม่รู้อีกว่าเบอร์ยัยตัวปัญหาเอ๊ย! ผมรอยัยเทียนไขที่หน้าคณะพร้อมดูดพอตไปด้วยใครว่าไม่ดีแล้วไงมันเรื่องของผมป่ะ?
“โพล่งหัวมาสักที...” ผมพ่นควันอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปหาเทียนไขที่กำลังเดินมากับเพื่อน ยัยนี่ก็เก่งนะอยู่มหาวิทยาลัยเป็นอีกคนแต่พออยู่ในโซเชียวในชื่อเทียน่าก็เป็นอีกคนไม่มีใครจับได้เลย แต่ผมเก่งไงรู้ว่าเป็นเธอ
“เทียนไขมานี่ดิ” หมับ!
“อ๊ะ! ธันเดอร์!” ผมกระชากคอเสื้อนักศึกษาของเธอให้เดินตาม
“ปล่อยนะ! ฉันเดินเองได้พูดดี ๆ ไม่ได้หรือไงเป็นพวกกุยข้างถนนหรือนักเลงหัวไม้?” ยัยเทียนไขแต่งตังเรียบร้อยก็จริงแต่มันปกปิดสันดานปากเสียของเธอไม่ได้เลย ตั้งแต่เกิดมาผมรู้จักผู้หญิงมาเยอะนะแต่ยัยเทียนไขเนี่ยปากหมาสุด
“งั้นก็เดินตามมาวันนี้ฉันไม่มีเวลาเล่นกับเธอ” ผมยอมปล่อยมือและเดินนำเธอที่รถของผม
ปึก!
เราเขามานั่งในรถผมก็ขับรถออกมายังไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นกำลังคิดอยู่ว่าทำยังไงให้ยัยเทียนไขอยู่กับผมและเธอจะไม่รู้จุดอ่อนของผม ผมจะไม่บอกสาเหตุว่าทำไมเธอต้องไปอยู่ด้วยถ้ารู้ยัยจิ้กจอกนี้เล่นงานผมแน่นอนอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว
“จะขับไปให้ถึงดาวอังคารเลยป่ะ?” เริ่มละ
“ว่าจะพาไปดวงอาทิตย์อะพาเธอไปเผาหมาในปากหน่อย”
“งั้นก็เผาหมาในปากนายด้วยดิเยอะเหมือนกันท่าทางจะพัน...ไทยหลังอานนะ” ยัยเทียนไขจ้องหน้าของผมก่อนจะบอกสายพันธุ์หมาในปากผม คิดว่าผมยอม?
“งั้นขอเธอก็คงเป็นหมาขี้เรื้อนอะได้กลิ่นเน่า ๆ ”
“นายว่าฉันปากเหม็นเหรอวะ?”
“เออไง!”
เอี๊ยดดด!! ผมจอดรถข้างถนนเมื่อหาที่เหมาะ ๆ ได้แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพาไปไหนแค่อยากหาที่คุยที่มันไกลผู้คนถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ฆ่าและโยนให้หมาแทะแถวนี้แหละ
“พามาแถวนี้ทำไมเนี่ย?” ยัยเทียนไขถามและมองไปรอบ ๆ มันเป็นถนนในซอยเปลี่ยวข้างทางเต็มไปด้วยขยะและป่ารกมองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้
“เผื่อว่าตกลงกันไม่ได้ฉันจะได้ฆ่าเธอทิ้งซะ” ผมพูดและทำท่าทางปาดคอใส่เผื่อวายัยนี่จะกลัวอะไรบ้าง
“โรคจิต! ไอ้สารเลว! ไอ้ระยำเอ๊ย! พ่อนายรู้ไหมเนี่ยว่ากำลังเลี้ยงฆาตกร!”
“หุบปาก!” จะด่าเก่งอะไรขนาดนั้นวะแต่อยู่ต่อหน้าพ่อแม่คือคนละอย่างเลยเป็นพวกสองบุคลิก?
“...!”
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยและมันสำคัญมาก! ขนาดที่ว่าถ้าแผนของเราจบลงเธอได้โดนจับแต่งงานกับใครไม่รู้แน่!”
“พูดมาดิ”
“เธอต้องย้ายไปอยู่กับฉันสักพัก”
“ไม่ไป” แม่งไม่คิดก่อนตอบบ้างเลยเหรอวะ?
“ต้องไปถ้าไม่ไปและพ่อแม่ของเรารู้เรื่องทีนี้เธอเตรียมตัวแต่งงานได้เลย!”
“เอาอะไรมาพูด!พ่อแม่ฉันไปต่างประเทศแล้วย่ะ!กว่าจะกลับก็ตั้ง 5-6 เดือนนู้นไม่มีทางรู้ว่าพวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอก” เธอพูดมาก็มีเหตุผลแต่พ่อง!!ผมไม่ได้ไปด้วยไง
“พ่อแม่เธอไปแต่พ่อฉันไม่ได้ไปและตอนนี้เขาก็กำลังส่งคนมาจับตาดูด้วยเพราะเขาไม่เชื่อว่าพวกจะคบกันจริง”
“พ่อนายฉลาดวะทำไมนายไม่ได้ดีเอ็นเอพ่อนายมาบ้าง?”
“ไม่ได้มาฉันคงไม่มาตรงนี้และปล่อยให้พ่อจับได้แล้วยัยโง่เอ๊ย!!”
“แล้วทำไมฉันต้องไปอยู่กับนายด้วย นายนั่นแหละย้ายมาอยู่กับฉัน! ฉันขี้เกลียดเก็บของ” กอดอกเชิดหน้า
ปึก! ผลักหัวกระแทกกระจกแม่งเลย!!หมั่นไส้
“โอ๊ยยย!!ไอ้ธัน!”
“อะไรอีเทียน?”
“หนอยยย!!เรียกอีเลยเหรอ?!” มองหน้าผม
“สมัยนี้ทุกคนเท่าเทียบแล้วเว้ย! ทียังเรียกฉันไอ้ได้เลยทำไมฉันจะเรียกเธอว่าอีไม่ได้?” เรื่องเถียงกับยัยเทียนไขของให้บอกเถอะสู้ไม่ถอย
“อยู่ด้วยแต่ไม่ย้าย!!”
“ต้องย้ายเพราะฉันเป็นคนย้ายไม่ได้โว้ยยย!!” ผมตะโกนใส่
“ทำไม?!”
“ฉันเป็นเกมเมอร์นะเว้ย! ถ้าย้ายก็ต้องเอาคอมเอาเครื่องต่าง ๆ ที่ต้องทำงานไปด้วยและมันต้องต่อเชื่อมใหม่ทั้งหมดเธอช่วยฉันได้ไหมละ?”
“ไม่ได้แต่ของฉันก็เยอะเหมือนกันนะทั้งเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าไหนจะต้องทำฉากเพื่อถ่ายงานอีก”
“ภาพโป๊อะนะ?”
“เขาเรียกว่าศิลปะเรือนร่างย่ะ!!!” ในเมื่อสรุปกันไม่ได้งั้นก็ใช้วิธีนี้แล้วกันเหมาสมที่สุดในตอนนี้แล้ว
“งั้นเอางี้”
“เอาไง?”
“ฟังก่อนดิพูดเก่งฉิบหาย”
“ก็พูดมาสิสักทีด่าผู้หญิงเก่งนาดนี้ต่อยกับผู้หญิงด้วยป่ะ?” จะต่อยเธออะคนแรก
“ไร้สาระวะมาเป่ายิงฉุบ”
“เป่ายิงฉุบ?”
“เอาไม่เอา?” จะได้จบ ๆ สักที
“เอา...” เมื่อได้ขอสรุปแล้วเราสองคนก็เริ่มการตัดสินว่าใครจะเป็นคนย้ายของทั้งหมดไปอยู่ห้องของอีกฝ่าย
“ยังยิงเยาปักกะเป่ายิ้งฉุบ!!!” ออกค้อน
“ยังยิงเยาปักกะเป่ายิ้งฉุบ!!!!!!” ออกกระดาษ....