Episode 6
"เชี่ย! หน้ามึงไปโดนอะไรมาวะ" เสียงทุ้มเข้มของเพื่อนในกลุ่มผมเอ่ยดังขึ้นด้วยความตกใจเมื่อผมมาหาพวกมันที่สนามบาสด้วยใบหน้าที่แดงเถือก เมื่อกี้ผมเพิ่งโดนตบมาไง แถมยัยนั่นยังวิ่งหนีผมไปอีกต่างหาก
มาตบกันดื้อๆแล้ววิ่งจากไปต้องเป็นคนยังไงวะ ถามจริง
"โดนแมวตบมา" ผมบอกออกมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทำให้เพื่อนของผมทำหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"เชื่อตายอ่ะ"
"งั้นก็ไม่ต้องเชื่อ " ผมบอกออกมาด้วยความเซ็ง ทำยังไงถึงจะให้ไอ้รอยแดงบ้านี่หายไปจากใบหน้าของผมได้สักทีวะ
"แล้วนี่มึงจะกลับคอนโดยัง กูอยากกลับจะแย่แล้ว" ผมบอกออกมาตามตรง ไอ้เพื่อนคนนี้มันเป็นรูมเมทของผมเองนั่นแหละ พวกเราอยู่คอนโดเดียวกันและเป็นผู้ร่วมห้องเดียวกัน เพราะผมกับมันสนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วก็เลยมาอยู่ด้วยกัน ที่สำคัญผมก็ไม่อยากจะเสียเงินมากมายเช่าคอนโดเพื่ออยู่คนเดียวด้วย
ครอบครัวผมไม่ได้มีฐานะที่ดีอะไรขนาดนั้น ที่สำคัญพ่อผมก็ได้ทิ้งผมไปตั้งแต่เด็ก เหลือแต่แม่ที่คอยดูแลผม... พูดถึงอดีตครอบครัวแล้วมันก็น่าเศร้า เลิกพูดถึงดีกว่า
"เออๆ กลับดิ เห้ย! ไอ้เชี่ย กูลืมบอกมึงเลยวะว่าวันนี้..." เสียงทุ้มเข้มของเพื่อนผมเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ แล้วผมก็พอจะเดาได้ว่ามันจะพูดว่าอะไร
"เมียมึงจะมาที่คอนโด มึงก็เลยอยากจะให้กูไปอยู่ที่อื่นก่อน ถูกไหม?" ผมเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันว่าเพื่อนผมมันจะพูดอะไร ผมรู้นิสัยของมันดี และเรื่องนี้มักจะเกิดขึ้นสัปดาห์ละสองครั้งเสมอ
"เออ นั่นแหละ เมียกูอยากมาอ่ะ ถ้ามึงไม่ว่าอะไรมึงไปอยู่ที่อื่นก่อนได้ป่ะ" เพื่อนผมเอ่ยขึ้นพลางยิ้มแห้งกับผมด้วยความเกรงใจ มาถึงขนาดนี้ไม่ต้องเกรงใจกันแล้วก็ได้ละมั้ง ถ้าผมมีเงินมากพอคงจะอยู่ห้องคนเดียวแล้ว แต่ช่วยไม่ได้ที่ไม่ได้เกิดมารวยขนาดนั้น
"อืม ยังไงซะถ้ากูบอกว่าไม่มึงก็คงจะพาเมียมึงมาอยู่ดี" ผมบอกออกมาตามตรงพร้อมกับมองหน้าเพื่อนสนิทผมที่รู้สึกผิด
"กูขอโทษน้าาา เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเลี้ยงบุฟเฟ่ต์เป็นการตอบแทน" เพื่อนของผมเอ่ยขึ้นอย่างขอโทษขอโผย ผมได้แต่พยักหน้าเบาๆ
"งั้นกูไปละ ไว้เจอกัน" ผมบอกลาเพื่อนสนิทของตัวเองทันทีก่อนจะเดินลับตาออกไปจากสนามบาส ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปอยู่ไหน แต่ถ้าพูดถึงปกติผมมักจะไปอาศัยอยู่ที่ห้องเพื่อนอีกคน
แต่ด้วยความที่ผมไม่อยากจะรบกวนมันเท่าไหร่ผมเลยตัดสินใจเดินเล่นที่มหาลัย แต่แล้วสายตาของผมก็บังเอิญไปเห็นใครบางคนที่แสนจะคุ้นหน้าคุ้นตา เธอกำลังหลบอยู่ตรงซอกตึก ซึ่งมันลับตาคนมากๆ อีกทั้งเหมือนเธอกำลังแอบมองอะไรบางอย่าง
"เห้ย... ทำไรอ่ะ" ผมเอ่ยทักทายเธอจากด้านหลัง ทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
"นะ...นายอีกแล้วเหรอ!?" ร่างบางเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเจอผมอีกแล้ว ใช่... ยัยนี่เพิ่งจะตบหน้าผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
"เหอะ ตบหน้าฉันแล้วยังหนีไป แถมตอนนี้ยังทำตัวลับๆล่อๆอีก เธอมันเป็นผู้หญิงที่โคตรแปลกชะมัด" ผมบอกออกมาตามตรงก่อนจะมองเธอที่ทำเหมือนกำลังแอบมองใครบางคนด้วยความสงสัยผมเลยแอบมองด้วยตามก็พบว่าเธอกำลังมองผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่งที่กำลังจู๋จี๋กันอยู่ ไม่สิ... ต้องเรียกว่าพวกนั้นกำลังนั่งซ้อมดนตรีอยู่ในห้องต่างหาก
"นั่นแฟนเธอเหรอ?" ผมเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้ทัน ร่างบางถึบกับหน้าเจือนไปทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
"กะ...ก็ใช่แหละ"
"แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เป็นกิ๊กแฟนเธอ?" ผมเอ่ยขึ้นอย่างวิเคราะห์สถานการณ์ ดูยังไงทั้งสองคนก็สนิทสนมกันเกินเพื่อน แถมยังจับไม้จับมือกันด้วย แถมสิ่งที่ข้าวปั้นเล่าให้ฟังอีกผมก็เดาได้เลยว่าพวกเขาทั้งสองไม่ใช่แค่เพื่อนกันแน่ๆ
"ไม่ใช่สักหน่อย แค่เพื่อนยัย!"
"เพื่อนที่ไหนเขาใกล้ชิดกันถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้ละ เฮ้อ เลิกโง่สักทีเหอะ" ผมบอกออกมาตามตรงก่อนจะมองยัยนี่ด้วยความเหนื่อยใจ และขณะที่ผมกำลังจะเดินออกไป เธอก็คว้ามือมาจับผมเสียก่อน
รู้สึแปลกๆจังเลยแหะที่โดนจับมือแบบนี้ แบบว่า... มือเธอนิ่มดี แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมใจเต้นอะไรเถือกนั้น
"อย่าเพิ่งไปสิ อยู่กับฉันก่อน! นายว่าสองคนนั้นแอบกิ๊กกันจริงๆใช่ไหม " เสียงหวานใสของข้าวปั้นเอ่ยขึ้นอย่างน่าสงสาร ถ้าผมพูดออกมาตรงๆผมว่าจะต้องทำให้เธอร้องไห้ออกมาแน่ๆ
"อาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่เธอไม่ควรจะมาแอบดูแฟนเธอแบบนี้นะ ถ้าสงสัยก็ไปถามตรงๆดิ" ผมบอกออกมาอย่างแนะนำ ร่างบางส่ายหน้าเป็นคำตอบ
"ทำแบบนั้นไม่ได้เหรอก เดี๋ยวก็โดนว่าว่างี่เง่าอีก!" เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล ผมได้แต่ส่ายหน้าเบาๆให้กับความโง่เขลาของเธอ และผมก็พอจะเดาออกว่าที่ผู้ชายคนนั้นว่าเธอว่างี่เง่าเพราะว่าเธอแอบสงสัยเขา
"งั้นเธอก็เลิกสงสัยแฟนตัวเองได้แล้ว เป็นแฟนกันต้องเชื่อใจกันไม่ใช่รึไง ฉันว่ายังไงแฟนเธอก็ไม่นอกใจเธอเหรอก" ผมเอ่ยขึ้นอย่างปลอบใจเท่าที่สุดที่จะพูดออกมาได้ ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้ซะด้วยสิ แต่ดูไปแล้วผมว่าข้าวปั้นน่าจะโดนนอกใจจริงๆนั่นแหละ
"อืม... ถ้าทำได้ก็ดีสิ" ข้าวปั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความที่ผมเห็นเธอแล้วก็รู้สึกสงสารเลยตัดสินใจจับมือเธอให้เดินตามผมไป และเธอดูตกใจเอามากๆที่เห็นผมพาเธอเดินเข้าไปหาสองคนนั้น
"เนี่ยเเหรอแฟนเธอที่บอกว่ากำลังนอกใจอ่ะ" เสียงทุ้มเข้มของผมเอ่ยดังขึ้นพลางมองทั้งสองคนที่เหมือนกำลังสวีทหวานกันอยู่ และเมื่อทั้งสองเห็นพวกเราสองคนก็ถึงกับเขยิบออกห่างจากกันทันที
"นายทำอะไรเนี่ย!" ข้าวปั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเมื่อเห็นว่าผมพาเธอมาที่นี่ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แอบดูก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ
"ขะ...ข้าวปั้น มาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ" เสียงทุ้มเข้มของผู้ชายคนนั้นเอ่ยดังขึ้นด้วยความสงสัยปนตกใจ
"พวกเราไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่คิดนะ ตอนนี้กำลังสอนจับกีตาร์เฉยๆ" เสียงหวานใสของผู้หญิงคนนั้นเอ่ยดังขึ้นมาอย่างแก้ตัว
"หึ... มองยังไงก็ดูนอกใจชัดๆ" ผมบอกออกมาตามตรงพลางกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะมองทั้งสองคนด้วยแววตาที่ไม่ไว้ใจ
"รู้ไหมว่าแฟนมึงเสียใจแค่ไหนที่มึงทำตัวนอกใจแบบนี้ อ๋อ กูบอกไว้ก่อนนะว่าถ้านอกใจยัยนี่จริงๆ กูจะแย่งยัยนี่ไปจากมึงจริงๆด้วย!" ผมบอกออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ปกติผมก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้สักเท่าไหร่เหรอก การยุ่งเรื่องชาวบ้านเป็นสิ่งที่ผมเกลียดสุดๆ แต่ผมทนดูยัยผู้หญิงคนนี้ร้องไห้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว ผมเลยต้องยอมทำแบบนี้
"นายพูดอะไรของนายเนี่ย บ้ารึเปล่า!" เสียงหวานใสของข้าวปั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบายใจพลางมองหน้าแฟนของตัวเองที่ตอนนี้ถึงกับเงียบนิ่งไม่พูดอะไรและจากนั้นเธอก็ตัดสินใจพาผมออกไปจากที่ตรงนั้น
"นายรู้ตัวไหมว่านายพูดอะไรออกมาอ่ะ"
"ทำไมอ่ะ ฉันอุตสาห์ช่วยเธอเลยนะ ไม่ดีเหรอ?"
"ดีก็แย่แล้ว! เฮ้อออ ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย ไม่อยากกลายเป็นผู้หญิงขี้ระแวงแฟนตัวเองเลย" ข้าวปั้นเอ่ยขึ้นอย่างว้าวุ่นใจ ผมได้แต่มองเธอด้วยแววตาเรียบนิ่ง น่าขำจัง...
"เอาน่า ถ้าหมอนั่นรักเธอจริงมันไม่นอกใจเธอเหรอก แถมฉันก็บอกไปแล้วด้วยว่าถ้ามันนอกใจเธอฉันจะแย่งเธอไปเอง"
"โอ๊ย! อย่ามาพูดบ้าๆนะ ใครมันจะเชื่อคำพูดแบบนั้น"
"จะว่าไป ฉันช่วยเธอแล้ว ขออะไรตอบแทนหน่อยดิ"
"ห๋าาาา???"