ธัญญ์นลินเดินออกมานั่งอยู่ที่ซุ้มนั่งเล่นใต้ต้นคูนหลังบ้าน ที่ๆ เธออยู่เป็นบริเวณในรั้วบ้านอัศวินพาทิศ บ้านของนักธุรกิจแวดวงโรงแรมอสังหาริมทรัพย์ เธอเป็นลูกสะใภ้ที่จับพลัดจับพลูท้องก่อนแต่งจึงได้เข้ามาอยู่ที่นี่ บ้านที่เธออยู่เป็นบ้านสองชั้นหลังกระทัดรัดอยู่ปีกตะวันออกของตึกใหญ่หรือก็คือบ้านหลังใหญ่ที่พ่อแม่สามีพักอาศัย สามีเธอไม่ค่อยชอบความวุ่นวายจึงได้สร้างบ้านหลังนี้เอาไว้พอเธอก้าวเท้าเข้ามาบ้านนี้ก็เป็นที่พักอาศัยของเธอด้วย
เธอหยุดมองต้นคูนสองต้นที่ยืนต้นเคียงกันมันยังคงสูงใหญ่และแข็งแรงเหมือนความทรงจำเมื่อชาติก่อน เธอยังมึนงงสับสนกับสิ่งเกิดขึ้นไม่รู้ว่าเธอตายแล้วตื่นขึ้นมาอีกภพนึงหรือแค่ความฝันโหดร้ายอันยาวนานเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบเธอก็ดีใจที่ยังมีโอกาสได้ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ต้นนี้ แต่แล้วเสียงหัวเราะสดใสของเด็กชายวัยสามขวบในความทรงจำก็กระตุกเอาสติสตังของเธอให้เตลิดเปิดเปิง เสียงนั้นดังใกล้เข้ามาหัวใจเธอยิ่งกระตุกเต้นแรงราวกลองยาว เธอหลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เรียกกำลังใจให้กลับคืนมา
วันนี้ลูกคนโตไปเรียนหนังสือบ่ายสามถึงจะกลับมาส่วนคนเล็กเพราะเธอป่วยเป็นหวัดแม่สามีจึงเอาไปดูแลให้ที่ตึกใหญ่ ใช่ ลูกเธอยังไม่โต พวกเขายังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ยังไม่ใช่ฆาตกรและก็ยังไม่ผีพนันข้างถนน เมื่อคิดถึงภาพพวกนั้นหัวใจเธอก็บีบรัดตัวแน่นจนเจ็บหน่วงในอกทำให้เธอหายใจไม่ออก
ยิ่งเสียงเรียกหาแม่ของเด็กชายยิ่งทำให้เธอเปล่งเสียงตอบออกมาลำบาก หวนนึกถึงภาพในความทรงจำของลูกชายคนเล็กก็สะดุ้งอย่างหวาดผวา ใบหน้าโทรมผมยาวไม่เป็นทรงไม่เหลือเค้าความคมเข้มหล่อเหลาอยู่เลยแม้แต่น้อย ภาพนั้นเขากำลังเอ่ยวาจาหยาบคายสาดเสียเทเสียใส่เธอผู้เป็นแม่อยู่หน้าบ้านเมื่อชาติก่อน หัวใจคนเป็นแม่มีหรือที่ไม่รู้สึกต่อให้คนทั้งโลกพร้อมใจกันเกลียดชังเย้ยหยันถากถางก็ยังไม่ปวดร้าวเท่ากับแก้วตาดวงใจที่เอ่ยแค่คำว่ากูมึงกับตัวเองที่เป็นแม่ได้เลยสักเสี้ยวหนึ่ง
"คุณแม่"เสียงเรียกอย่างร่าเริงพร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสาส่งมาให้ สัมผัสอุ่นที่ขาด้านซ้ายทำให้เธอตื่นจากภวังค์ เธอมองเห็นความใสซื่อจากสายตาเรียวคมที่ถอดแบบมาจากคนเป็นพ่อด้วยความรู้สึกหลากหลาย หวาดกลัวว่าสักวันสายตานี้จะเฉือดเฉือนหัวจิตหัวใจเธอให้แตกสลายอีกครั้ง แต่ท่าทีรอคอยให้เธออุ้มของเขาทำให้เธอใจอ่อน หญิงสาวโน้มตัวลงไปอุ้มเขามานั่งตักสองมือประคองกอดเขาไว้ในอกอย่างถนุถนอมราวกับย้ำตนเองซ้ำๆ ว่าฝันร้ายมันจบไปแล้ว ตอนนี้ลูกของเธอเป็นแค่เด็กผู้ชายตัวกลมๆ ป้อมๆ น่ารักน่าฟัดเท่านั้น
"คิดถึงเหลือเกินตัวเล็กของแม่"หญิงสาวเอาแก้มแนบศีรษะลูกชายในอกเบาๆ น้ำตาแห่งความตื้นตันเจ็บปวดใจไหลลงหยดไปบนหัวลูกชาย เธอกลั้นสะอื้นจนตัวสั่นเทาไปหมด ชมพู่พี่เลี้ยงของเด็กชายเมื่อเห็นแม่ลูกนั่งกอดกันก็หลบไปที่อื่นปล่อยให้ทั้งคู่ใช้เวลาด้วยกันตามลำพัง
"ฝนตกเลยหนาวหรอครับคุณแม่ ตัวสั่นเลย"
หญิงสาวอยากจะระเบิดหัวเราะออกมาดังๆ แดดประเทศไทยเจิดจ้าขนาดนี้จะมีฝนได้ไง ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่ชี้หน้าด่าแม่ได้โดยไม่สำนึก เธอรีบเช็ดน้ำตาทั้งบนหน้าและบนหัวลูก ก่อนที่เขาจะทันเห็นว่าคนเป็นแม่ร้องไห้
"เอ่อ ไม่ใช่หรอกลูก สงสัยจะเป็นน้ำค้าง"เธอโกหกหากไม่ใช่เด็กสามขวบคงไม่มีทางเชื่อแน่
"ซอลไปกับอยู่กับคุณย่าเป็นเด็กดีหรือเปล่าครับ"เธอเอ่ยถามแต่ไม่ได้อยากรู้คำตอบจริงๆ เธอรู้ว่าลูกชายคนเล็กมักจะถูกตามใจจนเคยตัว ดูจากชาติที่แล้วนิสัยที่อยากได้อะไรต้องได้ของเขาก็มาจากการตามใจจนเกินพอดีนี่เอง เธอได้อยู่ใกล้ชิดเขาถึงแค่สิบขวบก็หย่ากับสามีทำให้เขาต้องอยู่ในความดูแลของคนเป็นพ่อที่ทำแต่งาน ทุกอย่างสำหรับเขาจึงมีแต่คนเป็นที่ย่าคอยจัดการให้ เธอติดค้างลูกชายคนนี้ตรงที่เธอไม่ค่อยได้อบรมดูแลเขาเพราะเห็นว่าชีวิตเขาไม่มีอะไรน่าห่วง สมบูรณ์พร้อมทั้งทรัพย์สินเงินทองคนรักเอาอกเอาใจ แต่เธอคิดผิด ลืมไปว่าความรักเอาใจใส่ของแม่ต่อให้คนทั้งโลกรักเขาก็ไม่มีใครทดแทนความเป็นแม่ได้ ไม่ใช่ว่าแม่คือความยิ่งใหญ่ในใต้หล้าผิดพลาดมาก็แค่ยัยแก่คนหนึ่งเท่านั้นแต่มันเป็นรับผิดชอบต่างหากที่เธอละเลย ช่างเป็นแม่ที่ไม่ควรให้ใครเรียกแม่จริงๆ
"คุณย่าบอกว่าเป็นเด็กดีครับ"เธอยิ้มฝืดเฝื่อนกับคำพูดลูกชาย นั่นสิ แค่ใครเรียกเขาว่าเด็กดีก็ใช่ว่าเขาจะดี แต่ถึงอย่างนั้นความอาทรของแม่ก็ไม่ลดน้อยลง
"ครับ คนเก่ง ใกล้ได้เวลานอนกลางวันแล้ว แม่พาไปนอนดีกว่า"เธออุ้มลูกชายเดินเข้าไปในบ้าน เด็กชายก็ว่าง่ายกอดคอซบหน้าลงบนอกแม่
ชมพู่มองนายจ้างที่นั่งมองลูกชายตัวเองที่อาบน้ำปะแป้งกินนมเสร็จก็หลับปุ๋ยอย่างสบายใจเนิ่นนานด้วยความสงสัย หากมองไม่ผิดมีทั้งความผิดหวังปนอยู่ในความห่วงใยด้วยเด็กตัวแค่นี้จะทำอะไรให้คนเป็นแม่เจ็บช้ำน้ำใจได้ขนาดไหนเชียว
"ชมพู่ ซอลเป็นยังไงบ้าง เอาแต่ใจมากไหม เคยแกล้งหรือด่าทอเธอบ้างรึเปล่า"ลูกจ้างสาวกระพริบตาปริบๆ ตั้งตัวไม่ทันกับคำถาม
"ก็มีบ้างค่ะ จริงๆ คุณหนูไม่ค่อยเหวี่ยงเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่พอใจหรือขัดใจก็ร้ายใช่ย่อยเหมือนกันค่ะ"คนบอกเอ่ยด้วยความเอ็นดูเสียมากกว่าแต่คนเป็นแม่หัวใจกระตุก ร้าย ร้าย ไม่ได้เธอจะให้ลูกของเธอสะสมความร้ายกาจตั้งแต่เด็กไม่ได้
"ชมพู่ ถ้าต่อไปนี้เธอตามใจเขามากเกินไป หรือไม่อบรมดุด่าเวลาเขาทำผิดฉันจะไล่เธอออก"เธอเอ่ยเสียงเย็นแววตาแข็งกร้าวจนชมพู่ตกใจ เพราะตั้งแต่ทำงานร่วมกันมาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เห็นท่าทางเช่นนี้ของคนตรงหน้า
"หากเธอไม่กล้าก็มาบอกฉันฉันจะจัดการเอง ตั้งแต่นี้ต่อไปรายงานพฤติกรรมของซอลให้ฉันรู้ทุกวัน"ชมพู่ตกใจจนตาเหลือกไม่คิดว่านายจ้างจะจริงจังได้ขนาดนี้
"แต่ว่า คุณผู้หญิงค่อนข้างจะตามใจคุณหนูอยู่มาก จะดีหรือคะที่จะไปขัดใจ"เธอรู้มาว่าแม่ผัวลูกสะใภ้ไม่ค่อยลงรอยกัน ลูกสะใภ้ไร้หัวนอนปลายเท้าแค่โชคดีมีลูกติดท้องเลยมีวาสนาได้ชูคอเป็นคุณนายเล็ก ได้ข่าวว่าลูกชายคนโตคนเป็นย่าก็ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ด้วย
"ปล่อยคุณแม่ไป เธอแค่เขียนรายงานส่งฉันก็พอ ต่อไปนี้จะเลี้ยงซอลแบบปล่อยปละละเลยไม่ได้เข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า"ชมพู่พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ นึกบ่นในใจว่าทำไมต้องหางานยุ่งยากให้เธอทำด้วย ก็แค่เด็กคนนึงจะอะไรนักหนา
แต่อีกคนไม่ได้คิดเช่นนั้นเธอมองชมพู่อย่างไม่สบายใจ เธอพอจะเดาได้ว่าพี่เลี้ยงคนนี้ค่อนข้างโลภมาก ชาติก่อนจำได้ว่าปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยแพงด้วยเธอไม่อยากให้คนแบบนี้อยู่ใกล้ชิดลูกเธอ ต้องทำอะไรสักอย่าง
"ออกไปเถอะ วันนี้ฉันจะดูแลลูกเอง"
"แต่คุณป่วยอยู่ คุณผู้หญิง"
"ฉันรู้ บอกคุณแม่ว่าเดี๋ยวตื่นแล้วฉันจะเอาไปส่งเอง"ชมพู่หน้างอที่ถูกตัดบทแต่ก็ไม่กล้าเถียงไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงได้รู้สึกร้อนๆ หนาวเวลาที่คนตรงหน้าจ้องมอง เหมือนกับว่าชะตาใกล้ขาด