เจ็บกว่าการเป็นคนไม่ถูกรัก คือการถูกจิ้มฟรีแล้วหนีหายไปนานกว่าสองสัปดาห์
นาฬิกาโรเล็กซ์หรือข้าวของภายในห้องของเขา ผมไม่ได้แตะต้องมันแม้แต่อย่างเดียว นอกจากหอบร่างสภาพไม่สู้ดีกลับมานอนที่ห้อง
ไม่ได้นอนซมเหมือนคนป่วย แต่ผมนอนทรมานจากความปวดเมื่อยช่วงล่างมากกว่า
ความลับอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมโกรธเขาไม่หาย คือการที่ช่วงล่างผมเจ็บหนัก นั่งไม่ได้ตั้งหลายวัน อยากจะโทรไปเหวี่ยงใส่คนกระทำ แต่เบอร์เขาดันเปียกน้ำตอนผมเผลอปั่นมันรวมไปกับกางเกงในเครื่องซักผ้า
ช่างเถอะ ผมเลิกคิดจะตามหาผู้ชายคนนี้แล้ว
แต่ผมจะไม่ลืม ไม่มีทางลืม ว่าผู้ชายที่ชื่อภาคชวินทร์ทำกับผมไว้ยังไง
ผมยกมือขึ้นเกาหัวที่คันคะเยอจากความหงุดหงิด จนเพื่อนที่นั่งติดกันหันมามองราวกับว่าผมเป็นเหา เพราะนอกจากจะทำงานออกมาไม่ตรงตามใจแล้ว เรื่องของเขายังติดอยู่ในหัวผมไม่หายอีกต่างหาก
“มึงลองไปหาหมอผิวหนังมั้ยขุน” เสียงของเฟรมแทรกขึ้น ผมเลยหลับตาแล้วถอนหายใจแรง
“มึงกวนตีนกูหรอ”
“กูแค่หวังดี เห็นมึงนั่งเกาหัวมาครึ่งชั่วโมงละ หงุดหงิดไรวะ”
“ภาพติดตา”
“หะ ภาพอะไรติดตา”
“ก็.. ช่างมันเหอะ กูไม่อยากพูดถึง”
อีกฝ่ายส่ายหัวแล้วนิ่วหน้ากับพฤติกรรมฉุนเฉียวโดยไม่มีสาเหตุของผม
อันที่จริงมันก็พอจะมีสาเหตุประกอบกับอารมณ์อยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมตื่นมาแล้วไม่เจอใคร หรือเป็นเพราะผมกำลังเสียดายอะไรอยู่กันแน่
ในหัวมีแค่คำถามว่าทำไม
ทำไมต้องมีแค่ผมที่นอนระบมไปทั้งร่าง จะนั่งก็โอย จะลุกก็ลำบาก ส่วนเขาหนีหายไปราวกับฝุ่น
เป็นพวกต้มตุ๋นหรือเปล่าวะ
“ถ้าเสร็จภารกิจแล้วนายอยากจะคบกับฉัน.. นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา”
ประโยคจากริมฝีปากสีระเรื่อดังเข้ามาในความคิด ผมสะบัดหัวสองสามที ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาวาดงานตรงหน้าด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่
ก็แค่ลืมมันไป ยังไงผมก็ไม่มีทางผันตัวไปรับแน่นอน
ครั้งเดียวก็เกินพอ พอที่จะรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ทาง
หลังสี่โมงเย็นที่ผมนั่งปั่นงานส่งอาจารย์ทันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ผมก็สะพายกระบอกแบบตรงมายังลานจอดรถพร้อมกับขึ้นคร่อมฟีโน่สีแดงเด่นคู่ใจ
อากาศที่ปลอดโปร่งหลังจากงานที่รีบเร่งมันเป็นแบบนี้นี่เอง บอกตามตรงว่าผมนั่งเกร็งจนตะคริวกินไม่ต่างจากเฟรม รอดมาได้แบบหวุดหวิด ชนิดที่อาจารย์สั่งตอนบ่ายโมงขอส่งตอนสี่โมงเย็น
“ก้นสวย”
“ไหนขอดูหน้าคนเก่งหน่อย”
“ชอบมาร์ตินี่มั้ย”
“ถ้าชอบ.. ห้องฉันมี”
ควรหาหมอให้ลบความทรงจำในคืนวันนั้นดีมั้ย ทำไมมันตามหลอกหลอนผมไม่หยุดเลย
ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองที่นึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นแล้วเกิดวูบวาบขึ้นมา ก่อนส่ายหัวแรงกับตัวเองแล้วสวมหมวกกันน็อคอย่างไม่สบอารมณ์
อย่าเพิ่งน้อยใจ ถ้าไม่เทียบกับเขาลูกชายผมก็ไม่แพ้ใครล่ะวะ
รถมอเตอร์ไซด์คู่ใจถูกขับเข้ามาจอดใต้หอพัก มือบิดกุญแจรถดึงออกมาควงเล่น เตะเท้าอย่างอารมณ์ดีเพราะจะได้พักผ่อนหยุดชะงักกึกทันทีที่รถตู้สีดำขับมาจอดเทียบตรงหน้า
รถตู้จับเด็ก..
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว ทำให้ผมเกือบจะตบเท้าวิ่งหนี แต่เสียงของใครบางคนฉุดรั้งผมไว้ก่อน เลยทำให้ผมหันกลับไปมองด้วยสายตาแสดงความหวาดหวั่นอย่างปิดไม่มิด
เผลอก้าวถอยหลังเตรียมวิ่งกระทั่งคนบนรถลงมาขวางหน้าผมไว้ ถึงได้รับรู้ว่าความฉิบหายอาจจะมาเยือนขุนพลคนนี้แล้วก็เป็นได้
“คุณเป็นใครครับ” ผมเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ มือล้วงลงกระเป๋าผ้าที่สะพายอยู่อย่างมีหวัง
แต่เหมือนว่าสวรรค์จะตาบอด เพราะมีดพกก็ไม่มี คัตเตอร์ในกระเป๋าดูแล้วกว่าจะหยิบออกมา ผมน่าจะถูกกรอกปากด้วยกระบอกปืนก่อน กระบอกแบบที่สะพายอยู่ก็ไม่น่าจะมีประโยชน์นอกจากกันงานยับ
ยอมแล้วครับ ไอ้ขุนไม่สู้คน
“คุณขุนพลใช่หรือเปล่าครับ” หนึ่งในนั้นตอบกลับมา น้ำเสียงเย็นเยียบเหมือนกับอยู่ในหนังอันธพาลครองเมืองเลย
“ผมถามว่าพวกคุณเป็นใคร”
“คนของคุณภาคชวินทร์ครับ”
“ภาค.. ภาคชวินทร์”
ร่างกายทุกส่วนของผมชาดิก จังหวะที่อีกฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะหยุดชะงักปลายเท้าไว้เมื่อเห็นว่าผมยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ภาคชวินทร์..
ชื่อนี้กลับเข้ามาอยู่ในห้วงความคิดของผมอีกครั้ง และก่อนที่ผมจะคิดเตลิดอะไรไปมากกว่านี้ คนตรงหน้าก็ยื่นถุงกระดาษส่งมาให้ อีกอันเป็นกล่องน้ำหอมที่ผมคุ้นเคยกับชื่อแบรนด์ดี
“ให้ผมหรอครับ” ผมถามอย่างมึนงง
ตอนนี้ในหัวกำลังย้อนความทรงจำของตัวเองอยู่ว่าเคยร่วมเล่นกิจกรรมเสี่ยงโชค หรือไปสั่งของออนไลน์มาหรือเปล่า ทำไมถึงได้มีของส่งมาถึงมือผมแบบนี้
ทว่าคำถามที่สงสัยถูกตอบโดยคนตรงหน้า เป็นชายสวมแว่นตาสีดำ ตัวสูงใหญ่กับมัดกล้ามที่แขนน่าจะใช้รัดคอผมทีเดียวขาดอากาศหายใจได้เลย
“ของฝากจากคุณภาคครับ”
“คุณภาค”
“ครับ คุณภาคเป็นคนสั่งให้ผมนำของมาให้ และฝากมาขอโทษที่มาด้วยตัวเองไม่ได้ คุณภาคติดประชุมครับ”
“อ่า”
Bleu De Chanel ถูกยื่นมาตรงหน้า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนของทั้งสองอย่างถูกวางอยู่ในมือผมแล้วเรียบร้อย หน้าถุงกระดาษแปะป้ายตัวโตอยู่แล้วว่าแบรนด์เดียวกับน้ำหอมในมือ
ผมเงยหน้ามองชายในชุดดำ หน้าตาดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ผมก็เลยยิ้มเจื่อนส่งไปจนเจ้าตัวค้อมศีรษะให้ แล้วยืนรอผมที่ยืนหน้าเหวอในหมู่บอดี้การ์ดหน้าโหดไม่ขยับ
“กลับไปได้แล้วล่ะครับ ขอบคุณสำหรับของนี่ด้วย” ผมพูดเสียงตะกุกตะกัก ยอมรับว่าฟันกระทบกันกึกกักเลยล่ะครับ
“คุณภาคบอกให้คุณสวมสร้อยพร้อมกับฉีดน้ำหอมนี่ไปหาเขาครับ และถ้าคุณอยากให้เรามารับ..”
“มะ..ไม่ต้องครับ ไม่ดีกว่า เดี๋ยวผมคุยกับเขาเอง”
“ครับ”
“โชคดีครับ”
ผมค้อมศีรษะให้ราวกับเป็นคนญี่ปุ่นมาตั้งแต่กำเนิด โค้งจนหัวจะชิดติดกับหัวเข่าแล้วยืนรอพวกเขาขับรถออกไปจนสุดสายตา
พอรถตู้สีดำขับออกไป ผมก็รีบตบเท้าวิ่งขึ้นห้องด้วยหัวใจสั่นระรัว
แค่จะเอาของมาให้ทำเอาผมกลัวขี้ขึ้นสมองหมดแล้ว
ก้มมองของในมือพร้อมลอบถอนายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะถอดรองเท้าแล้ววางมันลงบนโต๊ะ ใช้สายตาสำรวจบวกกับความครุ่นคิดว่าภาคชวินทร์ส่งของพวกนี้มาให้ผมทำไม
ยิ่งประโยคของลูกน้องเขาก่อนจะกลับไป บอกว่าจะมารับ นั่นแปลว่าเขากลับมาแล้วเหรอ กลับมาจากไหนล่ะเพราะผมไม่รู้ว่างานด่วนของอีกฝ่ายมันคืออะไรนี่
“น้ำหอมกับอะไรวะ” ผมบ่นอุบ
เดินวนไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะตัดสินใจแกะมันออก รู้สึกหน้าร้อนผ่าวเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าซื้อของราคาแพงแบบนี้ให้
พอแกะกล่องด้านในออกผมก็ถึงกับอ้าปากเบิกตาโพลงแทบจะถลนออกมานอกเบ้า กับสร้อยคอ FIL DE CAMÉLIA สีไวท์โกลด์ ระยิบระยับสะดุดตาจนผมต้องรีบหยิบมือถือออกมาเช็คราคาของมันทันที
“สะ..สองแสนเจ็ด” ผมพูดพลางยกมือขึ้นป้องปาก
จะเป็นลม..
ผมที่หน้ามืดไปชั่วขณะ ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง รู้สึกเหมือนตัวเบาเป็นปุยนุ่น แต่หนักใจเหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่มาทับเอาไว้
สายตามองลงไปในถุงกระดาษที่มีโพสอิทสีชมพูร่วงอยู่ หยิบขึ้นมากวาดตาอ่านผมก็พอจะเข้าใจกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้แล้วล่ะ
‘มาหาฉันที่ Santé Club ฉีดน้ำหอมที่ฉันซื้อให้ด้วยล่ะ มีรางวัลจะให้’
เขาอาจจะเป็นคนไม่ชอบพิมพ์ข้อความ ไม่ชอบเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือไม่ก็ออกแนวโรแมนติกดูใส่ใจกับการเขียนข้อความกำกับของที่ซื้อให้ทุกครั้ง
เพียงแค่ผมไม่เข้าใจ เราไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะซื้อของราคาแพงแบบนี้ให้กันไม่ใช่เหรอ เขาควรตระหนักถึงผลเสียที่จะตามมาด้วยซ้ำกับการเปย์คนที่ไม่รู้จักตัวตนของอีกฝ่าย
หรือว่าเงินเขามันจะเหลือเฟือ ตอบแทนคืนที่เราเริงสวาทกัน ทั้งที่เรื่องมันผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วเนี่ยนะ
เชื่อเขาเลยว่ะ
แล้วอีกประเด็นคือเขารู้ที่อยู่ของผมได้ยัง ขนาดแค่ที่อยู่เขายังหามันเจอ กับแค่เบอร์โทรของผมมันคงไม่ยากเกินความสามารถเขาหรอก
ไม่ใช่เหรอ..
ผมมองของราคาแพงในมือแล้วได้แต่ลอบถอนหายใจ กระดาษโพสอิทที่ยังคงถูกเขียนด้วยลายมือของเขาเขียนมันอย่างเป็นระเบียบ ตบท้ายด้วยหัวใจดวงเล็กท้ายประโยคแทนจุด
ผู้ชายคนนี้จะทำประหลาดใจไปถึงไหนวะเนี่ย
“คุณเป็นใครกันแน่วะ.. ภาคชวินทร์”