บทที่ 2 เยือนบ้านเหลียนซาน 2

1392 Words
“หลายปีมานี้ เจ้าสบายดีหรือไม่” หยางเหวินเย่ถามพลางลุกขึ้นนั่ง เขาแตะที่ข้อเท้าของตนเบา ๆ มันค่อนข้างจะบวมแดง แต่ก็คงไม่ถึงกับหัก “ท่านพี่เจ็บข้อเท้าหรือเจ้าคะ” เจ้าของน้ำเสียงร้อนรนคว้าตะเกียงขยับเข้าใกล้ ดวงตากลมโตวูบไหว แสดงความห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน ทว่าสิ่งที่ทำให้คนมองต้องตกตะลึง กลับมิใช่การขยับตัวเข้าใกล้ของภรรยาอัปลักษณ์ ดวงตาสีน้ำผึ้งของนางงดงามยิ่งนัก! “เล็กน้อยเท่านั้น” ทว่าเถียนเถียนมิยอมฟัง หายตัวไปเพียงครู่เดียวก็กลับมาพร้อมกับถังน้ำสะอาด นางค่อย ๆ ทำความสะอาดอย่างระมัดระวัง ทั้งข้อเท้าข้างที่เจ็บและไม่เจ็บ ล้วนทะนุถนอมดูแลดีมิต่างกัน หลังจากนั้นก็ทายาบรรเทาอาการบวมช้ำอย่างเบามือ ลืมนึกไปว่าอาการเจ็บปวดเพียงน้อยนิด คงมิได้ระคายความรู้สึกของท่านแม่ทัพที่ผ่านศึกสงครามมา “เอาไว้มะรืนนี้ค่อยประคบร้อนเพื่อลดบวม ท่านพี่อดทนหน่อยนะเจ้าคะ” “มิเจ็บมากนัก...” “เจ็บน้อย เจ็บมาก ก็คือเจ็บ ท่านพี่พักผ่อนเถิดนะเจ้าคะ เถียนเถียนจะคอยดูแลท่านพี่เอง” ดวงตาของนางปริ่มคล้ายว่าจะร้องไห้เต็มทีแล้ว ตั้งแต่หยางเหวินเย่เกิดมายังมิเคยได้รับการเอาใจใส่ดูแลเช่นนี้มาก่อน ก็ให้รู้สึกชุ่มฉ่ำในหัวใจมากอยู่เหมือนกัน ทว่าก็ยังรู้สึกขัดใจที่นางมิใช่หญิงงาม คงจะเติมเต็มความปรารถนาทางกายให้เขามิได้ ต่อให้ดวงตาคู่นั้นจะมีเสน่ห์อย่างมากก็ตามที “เถียนเถียน” “เจ้าคะ ท่านพี่” นางรีบผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรง หลังจากล้มตัวนอนไปได้เพียงหนึ่งเค่อ (สิบห้านาที) “เจ้ายังมิได้ตอบคำถาม หลายปีมานี้ สบายดีหรือไม่” “เถียนเถียนสบายดี ท่านพ่อท่านแม่เมตตาข้าและจางฉวนมาก มิต้องการอะไรมากไปกว่านี้แล้ว” “จางฉวนคือผู้ใดกัน” หยางเหวินเย่มิเข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องตวัดเสียงใส่นาง โชคดีที่ดับตะเกียงไปแล้ว มิเช่นนั้นภรรยาคงจะคิดไปว่าสามีกำลังแสดงอารมณ์หึงหวงไม่พอใจอยู่ “บ่าวที่อยู่ในกระโจมแม่ทัพกับเถียนเถียนตั้งแต่ต้น ท่านพี่พอจะจำได้หรือไม่” นางกล่าวเสียงใส แสดงออกชัดเจนว่าสนิทสนมกับบ่าวคนที่ว่าค่อนข้างมาก “จำได้ เจ้านอนเถิด วันพรุ่งนี้เราค่อยสนทนากันต่อ” ภรรยาของหยางเหวินเย่รับคำอย่างว่าง่าย คืนเดือนมืดทำให้เขามองมิเห็นหน้านาง กระนั้นผ้าผืนบางก็ยังคงประดับอยู่บนใบหน้า ป้องกันมิให้ผู้เป็นสามีลำบากใจยามต้องอยู่ใกล้ ๆ กัน แม่ทัพหนุ่มใช้เวลาเดินทางจากเมืองหลายชั่วยาม ซ้ำยังดื่มสุราในปริมาณมาก พอได้ล้มตัวลงบนเตียงที่คุ้นเคยก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว มิได้สนใจแผลบริเวณศีรษะหรืออาการบวมบริเวณข้อเท้าของตนอีก และในระหว่างเขาที่กำลังหลับฝันถึงนางสวรรค์ผู้นั้นอยู่นั้น ภรรยาอัปลักษณ์กลับใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เถียนเถียนข่มตามิหลับแทบจะตลอดคืน! เสียงเหล่าสกุณาร้องเรียกบุรุษร่างสูงให้ได้สติ แต่กว่าเขาจะพร้อมลุกออกจากเตียง ดวงตะวันก็แทบจะตรงศีรษะเสียแล้ว หยางเหวินเย่กวาดตามองดูโดยรอบ พบว่าห้องของเขามิได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก เครื่องเรือนยังเป็นของดั้งเดิม มีเพียงตู้เสื้อผ้าที่เดาเอาเองว่าเป็นของภรรยาเพิ่มเติมมาตู้หนึ่ง และอีกประการที่เปลี่ยนไป นั่นคือกลิ่นหอมราวกับดอกไม้ที่ลอยละล่องอยู่โดยทั่ว กลิ่นของเถียนเถียน... หากดวงหน้าของภรรยางามได้สักครึ่งหนึ่งของกลิ่น หยางเหวินเย่ก็คงจะพออดทนทำหน้าที่สามีก่อนจากกันได้ “มีใครอยู่หรือไม่” หลังกล่าวเรียกได้เพียงชั่วอึดใจ บ่าวชราหน้าตาคุ้นเคยก็ปรากฏตัวเตรียมรับใช้ และพอทราบว่าเจ้านายต้องการอาบน้ำ จึงแจ้งไปว่าคุณหนูเถียนเถียนได้จัดการเตรียมน้ำร้อนไว้ให้เรียบร้อยแล้ว หยางเหวินเย่นิ่วหน้ายามลงน้ำหนักเตรียมเดินไปยังห้องอาบน้ำ ชัดเจนแล้วว่าข้อเท้าได้รับการกระทบกระเทือนมากกว่าที่คิด และหากเดินไม่ระวัง อาการก็คงจะหนักกว่านี้มาก เห็นทีหลังอาบน้ำ คงจะต้องวานให้ท่านพ่อช่วยตามหมอยามาดูอาการสักหน่อย ทว่ายังมิทันได้ก้าวต่อไปอีกก้าวหนึ่ง ภรรยาอายุสิบเก้าปีก็รีบตรงเข้ามาประคอง เถียนเถียนสอดแขนโอบรอบเอวของสามีอย่างชำนาญ ก่อนจะนำแขนของเขามาพาดที่บริเวณไหล่ เพื่อช่วยมิให้บุรุษที่นางรักลงน้ำหนักบริเวณข้อเท้ามากจนเกินไป เมื่อเช้านี้นางแอบสำรวจดูแล้วพบว่ามันกำลังบวมช้ำ จึงขอให้ท่านพ่อสามีช่วยตามหมอในช่วงบ่าย เพราะคิดไปว่าท่านพี่ของนางคงจะมิตื่นเช้านัก เถียนเถียนเดามิผิดนัก... “ท่านพี่ค่อย ๆ เดินนะเจ้าคะ อย่าลงน้ำหนักที่เท้าให้มากจนเกินไปนัก” “ใครสอนเจ้าหรือ เถียนเถียน” หยางเหวินเย่เอ่ยเรียกภรรยาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จะเพราะรู้สึกผิดที่ละเลยนางนานนับห้าปี หรือซาบซึ้งในความเอาใจใส่ก็ยากจะเดาได้ “สองปีที่แล้วท่านพ่อตกม้าเจ้าค่ะ เถียนเถียนคอยมองดูท่านหมอรักษา เลยพอจะได้ความรู้มาบ้าง” ภรรยายังสาวหลุดปากกล่าวดังนั้นก็พลันต้องเงียบเสียงไป “ท่านพ่อตกม้า! แล้วเหตุใดจึงไม่มีคนส่งข่าวให้ข้า!” หยางเหวินเย่กระชากเสียงถาม “งานราชการในเมืองหลวงยุ่งยาก ท่านพ่อจึงไม่อนุญาตให้ส่งข่าวเจ้าค่ะ” เสียงสั่นสะท้านของภรรยาที่ซ่อนใบหน้าอยู่ใต้ผ้าคลุม ทำให้หยางเหวินเย่ได้สติ เขาควรจะขอบคุณนางที่คอยดูแลบิดามารดาตลอดห้าปีที่ผ่านมา มิใช่ขู่ตะคอกจนนางขวัญกระเจิง พอเผลอตัวดุด่าราวกับภรรยาเป็นเพียงแค่บ่าวในบ้าน บุรุษผู้มิชื่นชอบในการเอ่ยคำขอโทษก็เลือกที่จะเงียบเสียง ปล่อยให้เวลาทำหน้าที่คลี่คลายบรรยากาศอึดอัด แต่พอก้าวขาจนถึงห้องน้ำ หยางเหวินเย่ก็ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะประทับใจกับภาพที่เห็นเสียเต็มทน “ท่านพี่ต้องระวังมิให้ข้อเท้าถูกน้ำอุ่น” เถียนเถียนทราบดีว่าท่านพี่คงมิสามารถแบกรับน้ำหนักของตนขณะก้าวขาลงถังไม้ จึงตระเตรียมเก้าอี้ให้ได้นั่งระหว่างอาบน้ำชำระร่างกาย ทั้งยังขยับข้าวของเครื่องใช้ มิให้อยู่ห่างจากมือให้มากจนเกินไปนัก “ข้าจะรอท่านพี่อยู่ด้านนอกนะเจ้าคะ” นางกล่าวหลังจากช่วยจัดการถอดเสื้อผ้าตัวนอกให้กับสามี “บอกท่านพ่อตามหมอให้ข้าที” “ท่านหมอจะมาถึงในช่วงบ่ายเจ้าค่ะ” คล้ายกับว่าเถียนเถียนจะรู้ใจเขาไปเสียทุกอย่าง คนที่พูดน้อยจึงไม่ต้องจำเป็นต้องเอ่ยปากสอบถามอะไรกันให้มากความ ทว่าพอถึงจังหวะที่ต้องทำความสะอาดผมที่เปรอะเปื้อน ก็รู้สึกมิค่อยสะดวกนัก หยางเหวินเย่จึงจำต้องร้องเรียก ขอให้ผู้รออยู่ข้างนอกเข้ามาช่วยเหลือจัดการ “ข้ามิค่อยถนัดนัก” เถียนเถียนมิรอฟังคำอธิบายว่าเหตุใดท่านแม่ทัพหน้าดุจึงอาบน้ำเองไม่ค่อยถนัด นางเคยได้ยินมาว่าเขารับเลี้ยงอนุภรรยาไว้จำนวนมาก และสตรีเหล่านั้นคงจะคอยดูแลกันอย่างมิขาดตกบกพร่อง มือเรียวขยับอย่างคล่องแคล่ว จัดการนำน้ำซาวข้าวที่หมักเป็นเวลาสองวัน ทำความสะอาดเส้นผมสีดำสนิทของสามีอย่างพิถีพิถัน ก่อนจะล้างด้วยน้ำลอยดอกไม้หอมกรุ่นจนสะอาดเรียบร้อยดี แล้วจึงกลับออกไปรอด้านนอกดังเดิม หยางเหวินเย่มิได้เปลือยกายทั้งหมด ทว่าแผ่นอกกว้างก็ทำหัวใจของภรรยาเต้นมิเป็นจังหวะ พบเจอกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยาม เถียนเถียนก็ได้ชิดใกล้บุรุษที่นางเฝ้ารอเสียแล้ว!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD