เรือนหงซิ่ว คือเรือนของสวีหลิงเยี่ยน ฟ่านเจินเห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกวาดหวัง “องค์ชาย หม่อมฉันคิดว่าคุณหนูสวีน่าสนใจอยู่มากทีเดียว แม้จะถูกผู้อื่นตีตราว่าไร้ค่า แต่หม่อมฉันว่านางเป็นสตรีซ่อนคมผู้หนึ่ง ใบหน้าก็งดงาม ถูกผู้คนดูแคลนปานนั้น แต่กลับน่ารักสดใสมิเศร้าหมอง” ฟ่านเจินทำท่านึกขึ้นได้ก่อนตบมือฉาด “พอมองไปมองมาหม่อมฉันคิดว่านางมีส่วนเหมือนสตรีผู้นั้นอยู่นะเพคะ มิสู้มองหารักใหม่กับสตรีที่คล้ายคลึงคนเดิม เช่นนี้ จะ...” สาธยายยังไม่ทันจบ เจ้านายพลันตัดบทเสียงขรึม “ไม่มีใครแทนที่นางได้” ‘นาง’ ในที่นี้ย่อมหมายถึงนางมารหลิ่งหลิน ฟ่านเจินได้ฟังพลันอยากร่ำไห้ นางห่วงใยองค์ชายสี่มาก “พระองค์ตัดใจจากนางเถิดเพคะ ทรงยึดติดเช่นนี้ หม่อมฉันปวดใจนัก ฮือ...” จ้าวหมิงอวี่ไม่ตอบรับเพียงทอดสายตามองเรือนเดิม ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจ “ฟ่านเจิ้ง ฟ่านเจิน” “พ่ะย่ะค่ะ” “เพคะ” “ข้าจะไปเรือนเฟิงซาน” เร