บท 5 ยกห้าเป็นข่าว

3109 Words
Chalida Part เวลาต่อมา @ทางเดินโซนวีไอพี โรงแรมหรูย่านสยาม(โรงแรมของชาลิดา) หลังจากที่ฉันได้จัดการไอ้ซุปตาร์หน้าหื่นที่ทำตัวหื่นกามลวนลามฉันไปเมื่อสักครู่นี้ ด้วยการเตะผ่าหมากเข้าไปที่ลูกชายของเขา โดยฉันก็หวังลึกๆว่าการกระทำของฉันที่ทำลงไปกับไอ้ซุปตาร์หน้าหื่นนั้น ขอให้ตรงนั้นของไอ้ซุปตาร์หน้าหื่นนั้นไม่สามารถขยายแพร่พันธุ์ได้อีก เป็นไปได้ขอให้ตายด้าน เสื่อมสมรรถภาพทางเพศไปเลยยิ่งดี จะได้ไม่ต้องมีผู้หญิงดีๆที่ไหนต้องมาเจอแบบฉันอีก "อ้าว คุณน้ำชายังไม่กลับอีกเหรอคะ นี่เลยเวลางานนานแล้วนี่คะ" พี่พนักงานคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านฉันไปเอ่ยทักขึ้นมา โดยที่ฉันยังก้มดูสภาพตัวเองว่ายังเรียบร้อยดีหรือยังก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องพักพนักงานเพื่อเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มก่อนจะกลับคอนโด "เอ่อ พอดีเพิ่งเสร็จจากการตรวจค่ะ" ฉันตอบพี่พนักงานพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่เขา "ขยันจังเลยนะคะ เอ๊ะ แล้วทำไมชุดถึงยับแบบนั้นหละคะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ" คำพูดของพี่พนักงานตรงหน้าทำให้ฉันพยายามคิดหาคำตอบเพื่อไม่ให้พี่เขาเกิดความสนใจในตัวฉันมากไปกว่านี้ "เอ่อ มะ..ไม่มีอะไรค่ะ คงอาจจะตอนจัดห้องมันเลยทำให้ชุดยับ" สิ่งที่นึกขึ้นได้ในหัวทำให้ฉันตอบแบบนั้นออกไปโดยไม่ทันได้คิด พร้อมกับพยายามทำสีหน้าเป็นปกติที่สุดเพื่อไม่ให้พี่พนักงานสาวตรงหน้าสงสัยในพฤติกรรมที่แปลกไปของฉัน "คราวหน้าคุณน้ำชาเรียกพวกเราได้นะคะ อย่าทำเองคนเดียวเลยค่ะ ดูชุดยับไปหมดเลย" "ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง น้ำชาขอตัวก่อนนะคะ" ฉันเอ่ยขอตัวทันทีก่อนที่จะทำตัวให้พี่พนักงานคนนั้นสงสัยมากไปกว่านี้ นี่คือครั้งที่สามที่ฉันโดนไอ้ซุปตาร์หน้าหื่นนั้นจูบ และครั้งนี้เป็นครั้งที่ฉันโดนเพศตรงข้ามที่เรียกว่า ผู้ชาย สัมผัสมากขนาดนั้น ขนาดเพื่อนผู้ชายที่รู้จักยังไม่เคยได้สัมผัสฉันขนาดนี้เลย ว่าอย่าแต่เพื่อนผู้ชายเลย เพื่อนเพศที่สามที่เรียกว่า เก้งกวาง ก็ยังไม่เคยมีใครได้สัมผัสฉันแบบนี้เลย แต่หมอนั่นกลับได้ทั้งจูบ ทั้งกอด และสัมผัสร่างกายในส่วนร่มผ้าที่ไม่มีใครเคยได้สัมผัสเลย นี่คือสิ่งที่น่าเจ็บใจที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิงอย่างฉัน มาคิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว รู้อย่างนี้น่าจะทำมากกว่าเตะผ่าหมากหมอนั่น ติ๊ด ติ๊ด (เสียงแจ้งเตือมือถือชาลิดา) Line Girl Gang group (4) UnYa : เลิกงานหรือยัง @NamCha Me : กำลังกลับคอนโด มีอะไรหรือเปล่า แล้วจะคุยส่วนตัว ทำไมต้องทักในไลน์กลุ่มด้วยย่ะ คุณหมออัญ @UnYa CherTam : เป็นไรกันสองคนนี้ UnYa : หาเพื่อนทานข้าว แกไปด้วยกันมะ @CherTam CherTam : มาชวนฉันตอนนี้ ทั้งที่ฉันอยู่ไกลจากพวกแกนี่นะ UnYa : มาไหมหละ เบื่อมากกกกกกก ตอนนี้ CherTam : ขอบายจ้ะ ถ้าอยากนัดคราวหน้าแจ้งล่วงหน้าสักสองชั่วโมงนะ จะได้ไปหาได้ พวกแกสองคนไปกันเถอะ UnYa : มากินข้าวด้วยกันเปล่า @NamCha Me : ปฏิเสธได้ไหมหละ UnYa : ไม่ได้ มาหาเดี๋ยวนี้เลย Me : ลงวอร์ดแล้วเหรอ หรือว่าไม่มีวอร์ดขึ้น ถึงอารมณ์เปลี่ยวลากเพื่อนไปอยู่เป็นเพื่อนได้ UnYa : ลงวอร์ดได้ชั่วโมงกว่าแล้ว เหงา หาเพื่อนกิน มาหาฉันเดี๋ยวนี้เลย @NamCha Me : อืมม อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันร้านเดิม UnYa : งี้สิเพื่อนรัก แล้วเจอกันนะเพื่อน Me : อืมม เวลาต่อมา @ร้านอาหารย่านสุขุมวิท "เพื่อนรักทางนี้" เสียงยัยอัญร้องเรียกฉันเมื่อฉันเปิดประตูเข้ามาในร้านพร้อมกับมองหายัยหมอขี้เหงาที่คงนั่งรอฉันอยู่คนเดียว "เรียกซะขนลุกเลย" ฉันเอ่ยขึ้นมาพร้อมทำสีหน้าอย่างที่พูดให้ยัยหมอขี้เหงาดู "แหม พูดแค่นี้ทำขนลุก ไม่ใช่ ไปขนลุกกับใครมาก่อนเจอฉันเหรอย่ะ ยัยคุณหนูไร่ชา" คำพูดของยัยอัญที่เอ่ยขึ้นมาทำให้ภาพของไอ้ซุปตาร์หน้าหื่นที่จูบฉันก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที จากอารมณ์ดีอยู่ดีๆกำลังจะเริ่มขุ่นมัวเพราะนึกถึงเหตุการณ์สยองขวัญเกือบเสียซิงไปนี่แหละ "เฮ้ย น้ำชา..น้ำชา" เสียงเรียกของเพื่อนรักที่นั่งตรงข้ามไม่ได้ทำให้ฉันได้สติขึ้นมาเลยจนกระทั่งเสียงเรียกดังขึ้นเป็นลำดับ "หะ..ห๊า" ฉันหันไปมองต้นเสียงที่ดังขึ้นมาในขณะที่ฉันกำลังนึกถึงหน้าหมอนั่น "เป็นอะไรอะ เรียกก็ไม่ตอบ" "ปะ..เปล่า สั่งอาหารกันเถอะ" "แน่ใจนะ" ยัยอัญมองหน้าฉันอย่างจับผิดทำให้ฉันรีบก้มหน้าดูเมนูอาหารทันทีเพื่อไม่ให้เพื่อนสงสัยฉันไปมากกว่านี้ "อืมม ไม่มีอะไร สั่งอาหารเลยคุณหมอ เดี๋ยวลงแดงมาฉันรับไม่ไหวนะ" หลังจากนั้นฉันและยัยอัญก็เรียกพนักงานมารับออร์เดอร์อาหาร เราสองคนสั่งอาหารเหมือนไม่ได้ทานอะไรกันมาเลยทั้งวัน ทั้งที่ทั้งฉันและยัยอัญทานข้าวเที่ยงกันมาในช่วงบ่าย เรียกว่าการสั่งอาหารครั้งนี้เหมือนสั่งแบบไม่คิด ยัยอัญคงสั่งด้วยความเบื่อ เวลานางเบื่อทีไรจะไปลงที่อาหารทุกครั้ง ส่วนฉันนั้นคงสั่งเพราะความแค้น แค้นใจที่โดนไอ้ซุปตาร์หน้าหื่นนั่นลวนลาม พอเราสองคนสั่งอาหารกันเสร็จ ฉันและยัยอัญก็ต่างคนต่างอยู่ในโลกมือถือของใครของมัน แล้วเวลาผ่านไปสักพักเสียงยัยเพื่อนตัวดีของฉันก็ดังขึ้นมาอย่างดังจนโต๊ะข้างๆต้องมองมาที่โต๊ะของเรา "อร๊าย คิง!" เสียงที่เรียกได้ว่าแทบลั่นร้านทำให้คนในร้านมองมาที่โต๊ะฉันเป็นตาเดียว "ยัย..อัญ" ฉันกระซิบเรียกเพื่อนโดยเน้นเสียงชื่อของนางเข้มขึ้นมาให้นางรู้ตัวว่าควรเก็บอาการเพราะตอนนี้แทบทุกโต๊ะมองมาทางเรากันหมดแล้ว "เอ่อ ขอโทษค่ะ ทานกันต่อได้เลยค่ะ ตอนนี้ปกติแล้ว" ยัยอัญลุกขึ้นแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงบอกทุกคนที่มองมาทางเราเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "เป็นอะไร ร้องซะดัง อย่างกับญาติแถวบ้านเสียอย่างนั้นแหละ" ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกึ่งประชดกับอาการลืมตัวของเพื่อน "ก็คิงหนะสิ แอบหิ้วผู้หญิงเข้าโรงแรม" คำพูดของยัยอัญทำเอาฉันตัวแข็งทื่อทันทีอย่างหวั่นกลัวว่าข่าวที่ออกมานั้นจะมีฉันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ "คงไม่ใช่หรอกมั้ง" ฉันพูดขึ้นมาปลอบใจตัวเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ห๊ะ..แกว่าอะไรนะ" คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามฉันที่ก่อนหน้านี้นั่งจ้องมือถืออย่างกับกำลังจะฆ่าใครตายอยู่ยังไงยังงั้น แล้วยัยอัญก็เงยหน้าขึ้นมาถามฉันทันทีเมื่อได้ยินที่ฉันพูดออกมา "หืมม ไม่มีอะไรหนิ" ฉันตอบกลับไปเหมือนกำลังบอกเพื่อนว่าตัวเองไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา "ก็ฉันได้ยินแกพูด" ยัยอัญพูดขึ้นมาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน "ได้ยินว่าอะไรหละ" ฉันถามกลับไปเพื่อเช็คความจริงว่ายัยเพื่อนตัวดีได้ยินฉันพูดว่าอะไร "ก็ฟังไม่ชัดไงเลยถาม" "คิดถึงซุปตาร์คนโปรดจนหูแว่วแล้วแก" "แกไม่ได้พูดอะไรจริงอะ" "อืมม จะให้ฉันพูดอะไรหละ" "มีมือดีถ่ายภาพ คิง ราชันย์ พาหญิงสาวคนหนึ่งเข้าห้องพักส่วนตัวในโรงแรมหรูย่านสยามได้ ซึ่งห้องพักดังกล่าวนั้นเป็นห้องพักที่ทางต้นสังกัดที่คิงเป็นศิลปินอยู่ได้เช่าให้พัก โดยสัญญากับโรงแรมนั้นเป็นปีเลยทีเดียว แต่จะเรียกว่าผู้หญิงเข้าโรงแรมก็ไม่ถูก เพราะว่าจากรูปถ่ายที่มือดีถ่ายมาได้นั้น ผู้หญิงคนดังกล่าวนั้นแต่งกายด้วยชุดยูนิฟอร์มของโรงแรมดังที่คิงพักอยู่ งานนี้ไม่แน่ใจว่าหญิงสาวคนดังกล่าวมาเสนอตัวให้คิงเอง หรือว่าคิงเรียกใช้บริการพิเศษจากโรงแรมกันแน่นะ เอ๊ะ งานนี้เราต้องรู้ให้ได้ ใครได้ความคืบหน้ายังไงบอกเจ๊ด้วยนะจ๊ะ" เสียงยัยอัญอ่านข้อความในไอจีที่เป็นข่าวของไอ้ซุปตาร์หน้าหื่นที่เพื่อนรักของฉันที่ปลื้มนักปลื้มหนาอยู่นั้นด้วยน้ำเสียงที่ดูออกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เห็นข่าวออกมาแบบนั้น ตั้งแต่ที่หมอสายลมนักร้องนำวงแบดกายมาเป็นแฟนกับยัยพายเพื่อนรักในกลุ่มของเรา ยัยอัญกันผันตัวเองมาเป็นแฟนคลับตัวยงของคิงหรือไอ้ซุปตาร์หน้าหื่นนั้นแทน และดูเหมือนว่าตามติดชีวิตหมอนี่ตั้งแต่เช้ายันหมอนี่เข้านอนเลยมั้ง ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวก ติ่ง นั้นมันเป็นแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่า หรือเป็นเฉพาะเพื่อนรักฉันคนเดียวที่คลั่งนักหนามากมายขนาดนี้ ไม่คิดว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง จะเป็นข่าวได้เร็วขนาดนี้ อีกทั้งฉันมั่นใจว่าบริเวณนั้นฉันไม่เห็นใครเลยนะ แล้วคนทำข่าวของไอ้ซุปตาร์หน้าหื่นนี่ไปเอาภาพมาได้ยังไง ฉันยังสงสัยอยู่ หรือว่าพนักงานในโรงแรมของฉันแอบมาถ่ายภาพแล้วส่งภาพเพื่อขายข่าวเอาเงิน แต่ว่าข่าวที่ออกมาแทนที่จะเป็นไอ้ซุปตาร์หน้าหื่นนั้นพานักร้องนำวงในค่ายเดียวกันเข้าห้องพัก แต่ไหงเป็นข่าวหมอนั่นกับฉันแทนหละ แล้วอะไรที่เรียกว่า ฉันไปเสนอตัว และอะไรที่เรียกว่า หมอนั่นใช้บริการพิเศษจากโรงแรม ฟังยังไงทั้งฉันและโรงแรมก็เสียหายทั้งขึ้นและล่อง ไอ้คนเขียนข่าวก็เขียนให้สนุกปากและได้ขายข่าวไป ไม่ได้คิดถึงว่าใครจะเดือดร้อนเลย ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งรู้สึกโมโห อยากจะเห็นหน้าไอ้คนเขียนข่าวนัก เป็นไปได้ฉันอยากจะเอามีดไปแทงให้ตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ในขณะที่ฉันกำลังโมโหกับเนื้อหาของข่าวที่ยัยอัญอ่านให้ฟังอยู่นั้น เสียงมือถือของฉันก็ดังขึ้นมาทันที "สวัสดีค่ะคุณย่า" ฉันเอ่ยทักทายปลายสายทันทีเมื่อกดรับสายด้วยน้ำเสียงที่พยายามเป็นปกติให้มากที่สุด (น้ำชาเห็นข่าวในทีวีหรือยังลูก) คุณย่าเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเป็นอย่างมากจนฉันสัมผัสได้ "ข่าวในทีวี? ข่าวอะไรคะคุณย่า" ฉันเอ่ยถามคุณย่าทั้งที่ในใจกำลังกลัวว่าจะเป็นข่าวเดียวกับที่ยัยอัญเพิ่งอ่านให้ฉันฟังไปเมื่อสักครู่นี้ (ข่าวของโรงแรมเรา) ว่าแล้ว ลางสังหรณ์เป็นจริง แต่ก็ยังสงสัยว่าทำไมข่าวมันออกทีวีเร็วขนาดนี้ "น้ำชาเพิ่งเห็นข่าวในไอจีจากที่ยัยอัญอ่านให้ฟังไปเหมือนกันค่ะคุณย่า" ฉันตอบกลับคุณย่าไปพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติ โดยที่ในใจกลัวว่าคุณย่าจะรู้ว่าผู้หญิงในข่าวนั้นคือฉัน เพราะฉันไม่รู้ว่าข่าวในทีวีที่คุณย่าดูนั้นให้รายละเอียดมากแค่ไหน รวมถึงจะมีภาพของฉันออกมาด้วยหรือไม่ (ปู่กับย่าว่าจะเข้ากรุงเทพฯอาทิตย์หน้า คิดว่าจะตรวจสอบดูด้วยว่ามีพนักงานของเราทำเรื่องแบบนั้นหรือเปล่า) "สำหรับเรื่องข่าว เอ่อ คุณย่าคะน้ำชาขอจัดการเองได้ไหมคะคุณย่า คุณปู่คุณย่าไม่ต้องห่วงนะคะ น้ำชาหลานสุดที่รักคนนี้จะจัดการเอง" (แน่ใจนะว่าไหว ถ้าไม่ไหวบอกย่านะ) "น้ำชาทำได้ค่ะ คุณย่าเชื่อใจน้ำชานะคะ" (อืมม ในเมื่อหลานอยากจัดการเอง ย่าก็ตามใจ ดีเหมือนกันถือว่าเรื่องนี้เป็นการทดสอบว่าเราจะสามารถแก้ปัญหาได้มั้ย เพราะต่อไปขึ้นเป็นผู้บริหารปัญหาจะมากมายให้เราต้องตัดสินใจ ยังไงเรื่องนี้ย่าฝากให้เราจัดการแล้วกันนะ อย่าทำให้ปู่และย่าผิดหวัง) "ค่ะ น้ำชาจะไม่ทำให้คุณย่าและคุณปู่ผิดหวัง" "เฮ้อ" ฉันถอนหายใจออกมาอย่างแรงหลังจากที่วางสายคุณย่าไป ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฉันพูดออกไปแบบนั้น หรือความกลัวมันเข้าสิงฉันจนทำให้ฉันตอบออกไปแบบนั้น แล้วงานนี้ฉันจะหาทางออกอย่างไรหละทีนี้ "เป็นอะไร คุยกับคุณย่าเสร็จถึงกับถอนหายใจเลย หรือว่าคุณย่าหาว่าที่สามีให้แกแล้ว ถึงกับดีใจจนต้องถอนหายใจยาวออกมาขนาดนี้" "คนละเรื่องแล้วยัยคุณหมอ แล้วอะไรที่เรียกว่า ดีใจจนถอนหายใจยาวย่ะ ยิ่งเรียนหมอ ภาษาไทยแกยิ่งวิบัตินะ" "เอ๋า ก็ฉันไม่ได้ไปคุยด้วยนี่นาจะไปรู้เหรอว่าคุยอะไรกัน" "เรื่องข่าวที่แกเพิ่งอ่านไปนี่แหละ" "ข่าวคิงของฉันหนะเหรอ" "อืมม โรงแรมที่เป็นข่าว มันเป็นโรงแรมฉันเอง" "ห๊ะ แบบนี้แกก็ได้เจอกับวงแบดกายสิ" "อืมม แกจะดีใจทำไม" "โรงแรมแกรับพนักงานเพิ่มมั้ย ฉันจะไปสมัคร" "เป็นหมอก็ดีอยู่แล้วไหมคะคุณหมออัญ" "ถ้าเป็นหมอแล้วได้ตรวจหนุ่มๆวงแบดกาย ฉันยอมขึ้นวอร์ด 24 ชั่วโมงสแตนบายรอเลย" "เป็นเอามากนะแก" "แก ว่างๆขอไปทำพาร์ทไทม์ที่โรงแรมแกได้มั้ย อยากไปเจอคิง" "เดี๋ยวนะ นักศึกษาหมอปีสี่อย่างแกมีเวลาว่างกับเค้าด้วยเหรอ" "ฉันสามารถทำตัวให้ว่างได้เสมอถ้าได้อยู่ใกล้กับคิงของฉัน" "อืมม ถ้าพนักงานขาดเมื่อไหร่จะรีบบอกแกนะ" ฉันเอ่ยประชดยัยอัญไป เราสองคนหยุดการสนทนาเรื่องที่คุยกันทันทีเมื่ออาหารมาวางบนโต๊ะ เราสองคนรับประทานอาหารกันไปและพูดคุยกันไป โดยที่หัวข้อสนทนานั้นยังมีชื่อไอ้ซุปตาร์หน้าหื่นนั่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย รู้สึกว่าชีวิตของฉันจะหนีหมอนั่นไม่พ้นสิหนะ Rachan Part เวลาต่อมา @Aria Studio "เห็นข่าวหรือยัง ลงทุกสื่อ ทั้งในไอจี เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ นี่ถึงขนาดว่าทีวีทุกช่องลงข่าวของเราขนาดนี้ คิดว่ามันยังเป็นเรื่องเล็กอยู่มั้ย" เสียงพี่โรสที่บ่นผมไม่หยุดตั้งแต่ที่โทรตามผมจากโรงแรมให้มาที่บริษัท จนตอนนี้ผู้จัดการวงของผมก็ยังบ่นไม่เลิก และบ่นวนซ้ำคำเดิมด้วย "ก็ผมบอกพี่ไปแล้วว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวออกมา" ผมไม่รู้ว่าผมพูดประโยคนี้ไปกี่รอบแล้วนะ แต่คนตรงหน้าก็ยังไม่เชื่อในสิ่งที่ผมบอกไปอีก "เอาหละ คราวนี้พี่จะฟังเราจริงๆ พี่ขอความจริง เกิดอะไรขึ้นกันแน่" เสียงพี่โรสที่ใจเย็นลง ที่ตอนนี้ดราอยู่ในห้องเพียงสองคน ความรู้สึกของผมตอนนี้หนะเหรอ เหมือนผู้ต้องหากำลังโดนตำรวจสาวสอบสวนอยู่อย่างไงอย่างงั้น นับวันพี่โรสทำตัวน่าเบื่อขึ้นทุกวัน อายุก็ยังไม่เยอะนะไม่น่าจะวัยทองเร็วขนาดนี้ "ความจริง?" ผมเอ่ยถามคนตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ สรุปที่ผมพูดมาทั้งหมดคิดว่าผมโกหกหาทางออกให้ตัวเองพ้นผิดหนะเหรอ นี่เหรอคำถามของผู้จัดการวงที่ดูแลผมมาหลายปี เหมือนไม่ได้รู้จักผมเลยสักนิด "ใช่ความจริง" พี่โรสยังพูดคำเดิมออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนผมที่ได้ยินน้ำเสียงแบบนั้นถึงกับถอนหายใจและไม่อยากจะพูดมันอีก "พี่แน่ใจนะว่าจะเชื่อในสิ่งที่ผมพูด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมบอกพี่ไปแล้ว แล้วจะให้ผมเล่าเรื่องเดิมให้ฟังอีกครั้ง" ผมเอ่ยถามคนตรงหน้าเพื่อหาความจริงในคำพูดที่เธอเอ่ยออกมา บอกว่าเชื่อผม แต่สายตาดูยังไงก็มองผมไม่ดีในสายตาเสมอนั่นแหละ "ทำไมต้องมองหน้าพี่แบบนั้น" "พี่ไม่มีทางเชื่อผมหรอก ในสายตาของพี่ ผมดูแย่เสมอ" ผมพูดขึ้นในขณะที่กำลังจะลุกขึ้นยืน "เดี๋ยว หยุดเดี๋ยวนะ จะไปไหนคิง" "ผมพูดไป พี่ก็ไม่เชื่อผมอยู่ดี พรุ่งนี้พี่ก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวตามที่คุณพิศิษฐ์บอกแล้วกัน ที่เหลือผมจัดการเอง" ผมหันหลังมาตอบกับผู้จัดการวงด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยใจและเอือมระอาเต็มที "จัดการเอง จัดการยังไง" "ถ้าผมตอบความจริงไปแล้วไม่มีใครเชื่อ" ผมบอกกับพี่โรสออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะหยุดคำพูดนั้นแล้วพูดต่อในสิ่งที่คิดดีแล้ว คิดว่ามันเป็นทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่าย "ผมก็จะลาออกจากวงการในวันนั้นเลย" ผมพูดจบแล้วเดินออกไปจากห้องทันที ไม่ทันได้เห็นสีหน้าตกใจของพี่โรสที่แสดงออกมา คงไม่คิดว่าผมจะตอบแบบนี้ออกไป ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ตอบพี่โรสออกไปแบบนั้น แต่ที่รู้ๆตอนนี้คือ ผมเหนื่อย ผมเหนื่อยที่ต้องพูดความจริงแล้วไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ผมบอกไป ผมเหนื่อยที่ต้องปั้นหน้าตอบคำถามในปัญหาของตัวเองตามบทที่คนอื่นเขียนให้ตอบ ทั้งที่ใจของผมนั้นอยากจะตอบคำถามเหล่านั้นออกมาตามความจริงที่เกิดขึ้นในทุกเหตุการณ์ที่ผมเป็นข่าว แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้ พรุ่งนี้ จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของการพูดความจริงของผมในชีวิตของการเป็นซุปเปอร์สตาร์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD