บท 1 ยกแรกสบตา
Gossip Star
ตกเป็นประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ เมื่อมีคนเอาภาพของคิง ราชันย์ มือกีตาร์ของวงแบดกาย เดินเข้าโรงแรมหรูเปิดห้องสวีทที่ญี่ปุ่นกับนางเอกดาวรุ่งมาแรงอย่างไอด้า ไอรดา ขณะที่มาทัวร์คอนเสิร์ตอัลบั้มที่สอง ได้ข่าววงในว่าทั้งสองแอบคบกันมาได้สักพักแล้ว แต่ยังไม่ยอมเปิดตัวกับสื่อสักที งานนี้รอทั้งคู่ออกมาแถลงข่าวถึงความสัมพันธ์และภาพที่ออกมากันนะคะ
สำหรับใครๆที่กำลังซับน้ำตาที่สมาชิกวงแบดกายโดนจับจองไปอีกหนึ่งคนแล้ว หลังจากที่เราได้เสียหมอสายลมให้กับนางเอกสาวนามว่ารียา ที่เป็นทั้งนางเอกเอ็มวีให้กับวงแบดกายแล้วยังเป็นเจ้าของหัวใจนักร้องนำวงด้วย อยากบอกว่าเจ๊ติ่งก็เศร้าไม่ต่างจากทุกคน งือๆๆ
Sunny_Sureena งือ เศร้าเหมือนกันเลยค่ะเจ๊ติ่ง
Fon_Falina ม่ายจริงช่ายม้าย ม่ายนะ
"เฮ้อ คิงแอบคบกับดาราสาวคนนี้จริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย" อัญมณีพูดออกมาในขณะกำลังรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารในวันหยุดกับแก๊งค์เพื่อน
"เมื่อไหร่แกจะเลิกสนใจข่าวของคนพวกนี้สักที" ชาลิดาเอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นอาการเพื่อนอย่างกับคนอกหักเมื่อเห็นข่าวในอินสตราแกรม
"คนไม่มีไอดอลอย่างแกไม่เข้าใจหรอก" อัญมณีเอ่ยออกมากับเพื่อนอย่างประชดประชันกับความไม่ชอบของเพื่อนสาว
"เฮ้อ สองคนนี้ พอพูดเรื่องนักร้องวงนี้กันทีไร ทำไมต้องทะเลาะกันทุกทีนะ ไม่เข้าใจจริงๆ" เฌอมาวีร์เอ่ยทักท้วงเพื่อนทั้งสองที่ไม่กินเส้นเวลาคุยเรื่องวงการบันเทิงทุกที
"เออ ตกลงแกจะไปฝึกงานที่ไหน" เฌอมาวีร์เอ่ยถามชาลิดาที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกที่ฝึกงานสักที ทั้งที่เพื่อนในกลุ่มมีที่ฝึกงานกันหมดแล้ว
"เดี๋ยวก็มีแหละหน้า แกไม่ต้องห่วงฉันมากหรอก ว่าแต่ยัยพายไปไหนหนิ ป่านนี้ยังไม่โผล่สักที" ชาลิดาถามขึ้นเมื่อนึกได้ว่าเพื่อนอีกคนในกลุ่มยังไม่มาสักที ทั้งที่นัดกินข้าวเที่ยงกันในวันหยุดวันนี้
"นั่นสิ แกโทรถามซิอัญ" เฌอมาวีร์หันไปบอกอัญมณีที่ยังทำหน้าใกล้ตายเมื่อไอดอลในดวงใจแอบคบกับดาราสาวดาวรุ่ง
"ยัยอัญ!" เสียงเฌอมาวีร์และชาลิดาร้องออกมาพร้อมกันเมื่อยังเห็นอัญมณีนิ่งไม่ไหวติงขยับตัวตามที่เพื่อนบอกออกไปสักที
"ห๊ะ! อะไรนะ" อัญมณีได้สติเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนรักทั้งสองร้องเรียกชื่อเธอพร้อมกัน
"โทรหายัยพายซิว่าถึงไหนแล้ว" เฌอมาวีร์บอกกับอัญมณีอีกครั้งกับสิ่งที่บอกให้เธอทำ
"อ๋อ แป๊บนึงนะ" จากนั้นอัญมณีก็โทรหาเพื่อนรักอีกคนที่ยังมาไม่ถึง
"ว่าไง" ชาลิดาเอ่ยถามหลังอัญมณีวางสายจากเพื่อนอีกคนที่ยังมาไม่ถึง
"มาถึงแล้ว กำลังจอดรถอยู่" อัญมณีตอบเพื่อนทั้งสองที่รอฟังคำตอบจากเธอ
"พาย ทางนี้" อัญมณีร้องเรียกพระพายที่เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับมองหาโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่
เวลาต่อมา @ร้านอาหารริมน้ำในตัวเมืองเชียงใหม่
"เฮ้อ อิ่ม" อัญมณีเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารกลางวันกันเสร็จเรียบร้อย
"ตกลงแกจะฝึกงานที่โรงพยาบาลบนดอยจริงๆเหรอยัยพาย" เฌอมาวีร์ถามเพื่อนคนเดียวที่ไม่ยอมไปฝึกงานที่กรุงเทพฯด้วยกันกับเธอและอัญมณี
"อืมม อยากฝึกงานบนดอยมากกว่า แบบนั้นรู้สึกได้ช่วยคนมากกว่าไปที่กรุงเทพฯอีก พวกแกสองคนไม่ต้องห่วงฉันนะ ฉันดูแลตัวเองได้ อีกอย่างที่นี่บ้านเกิดฉันเป็นอะไรขึ้นมายังมีพ่อกับพี่ชาย อ้อ ยัยน้ำชาอีกคน ที่ยังไม่มีที่ไป" พระพายหันมาเหล่มองชาลิดาที่เงียบฟังปัญหาของเธอกับนักร้องนำวงแบดกายตั้งแต่ต้นจนจบความสัมพันธ์
"นี่ก็อีกคน ยังสรุปไม่ได้สักทีจะไปที่ไหน" อัญมณีกระแนะกระแหนเพื่อนรักที่ต้องไปฝึกงานปี 4 ก่อนจะเรียนจบสมบูรณ์ ซึ่งเจ้าตัวก็ยังลีลาไม่เลือกจะไปที่ไหนเลย ทั้งที่เพื่อนต่างชวนให้ไปด้วยกัน
"อีกตั้งสองอาทิตย์ เลือกตอนนั้นก็ยังไม่สาย แล้วนี่พวกแกจะไปไหนกันต่อหรือเปล่า" ชาลิดาเอ่ยถามโปรแกรมเพื่อนๆหลังจากที่ต้องแยกย้ายกัน
"ฉันคงกลับบ้าน อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้กลับ ถ้าอาทิตย์ยังไม่กลับพี่ชายฝาแฝดฉันบ่นตาย" พระพายเอ่ยออกตัวขอกลับบ้าน
"ฉันต้องไปเฝ้าร้านอะสิ วันนี้คนงานลาหลายคนเลย ม๊าขอให้ไปช่วย" อัญมณีเอ่ยขอตัวอีกคน
"ฉันก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน วันนี้มีแขกมาเยี่ยมคุณพ่อคงต้องไปช่วยต้อนรับ" เฌอมาวีร์ออกตัวจะกลับบ้านเป็นรายต่อมา
"สรุป ฉันต้องช็อปปิ้งคนเดียวใช่มะเนี๊ย" ชาลิดาเอ่ยออกมาอย่างเซ็งๆ
"ใช่!" เพื่อนทั้งสามคนประสานเสียงพร้อมกัน แล้วหัวเราะออกมาอย่างบังเอิญกับคำพูดที่เปล่งออกมาพร้อมกัน
Chalida Part
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ น้ำชา ชาลิดา เพื่อนรักของพระพาย นางเอกของเรื่อง หวานใจ..นายซุป'ตาร์ ฉันมักเป็นไม้เบื่อไม้เมากับยัยอัญเพื่อนรักเวลาที่นางคลั่งไคล้พวกนักร้องดาราดังๆ
ฉันยอมรับเลยว่าเกลียดวงการบันเทิง เพราะวงการบันเทิงทำให้ฉันต้องมาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ 10 ขวบ เด็กที่อยู่ในวัยช่างจดช่างจด ทำให้ฉันจำภาพนั้นได้ดี ภาพที่แม่ของฉันเดินไปกับผู้ชายอีกคนที่เป็นถึงศิลปินดังแต่กลับหาเมียไม่ได้ต้องมาแย่งแม่ของฉันไป
ฉันไม่รู้เหตุผลว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมแม่ถึงทำแบบนั้นกับเราพ่อลูก และหลังจากที่แม่เดินออกไปจากชีวิตพวกเราสองคน พ่อก็แต่งงานใหม่ทันทีโดยไม่มีใครพูดถึงแม่อีกเลย ฉันพยายามเข้ากับครอบครัวใหม่ของพ่อ แต่ดูเหมือนฉันเป็นส่วนเกินเสมอ ฉันจึงขอพ่อย้ายมาอยู่เชียงใหม่กับปู่และย่าที่ฟาร์ม ตั้งแต่นั้นมาพ่อและฉันก็เริ่มเป็นคนแปลกหน้ากันไป จะมีคุยกันบ้างในเรื่องเรียนที่ฉันแจ้งให้ท่านรู้ว่าฉันเรียนเป็นยังไง เลือกเรียนอะไร นอกจากนั้นเราสองคนพ่อลูกแทบจะไม่มีอะไรคุยกันเลย ฉันไม่เคยปรึกษาพ่อในเรื่องส่วนตัวแม้ว่าท่านจะมีถามอยู่บ้าง แต่ฉันก็ปัดเลี่ยงว่าไม่มีอะไรเสมอ ไม่รู้สิ ในความรู้สึกของฉันปู่กับย่าคือพ่อกับแม่ ส่วนพวกเขาสองคนที่เรียกว่าพ่อกับแม่ก็แค่เป็นคนทำให้ฉันเกิด โดยเฉพาะ ผู้หญิงคนนั้น แล้ว ฉันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนไม่รู้จักกันก็ว่าได้
เวลา 15.00 น. @ห้างสรรพสินค้าดังเมืองเชียงใหม่
"เฮ้อ น่าเบื่อจริงๆวันนี้" ฉันเดินทอดถอนใจอย่างเบื่อหน่ายกับการต้องมาช็อปปิ้งคนเดียวในวันนี้ โดยที่เพื่อนรักทั้งหมดต่างพากันเทฉันแบบไม่คิดกันเลย
"กรี๊ด / กรี๊ด / อร๊าย / กรี๊ด " เสียงกรี๊ดกร๊าดจากด้านหน้าที่ฉันจะเดินผ่านไป ทำให้ฉันสะดุดกับเสียงเหล่านั้น
"มีใครตายกันหรือไง ร้องยังกับโดนเชือดกันอยู่ได้" ฉันพูดอย่างเอือมระอา ก็เป็นพวกดารามาห้างแล้วพวกแฟนคลับเห็นกันหละมั้ง แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงมันดังขนาดนี้นะ
โครม!
"โอ๊ย!" ฉันร้องเสียงหลงเมื่อโดนอะไรสักอย่างเข้ามาพุ่งชนอย่างแรงจนฉันแทบกระเด็นถ้าไม่มีอ้อมกอดนั้นฉันคงล้มไปแล้ว
"ขอโทษครับ" ชายหนุ่มตรงหน้าสวมแว่นตาดำเอ่ยบอกออกมาอย่างตกใจ
"กรี๊ด ทางนี้พวกเรา พี่คิงอยู่ทางนี้" เสียงร้องตะโกนจากมุมหนึ่งทำให้เราสองคนหันไปมองยังต้นเสียงนั้น
จากยืนอยู่เพียงแค่หนึ่งคนจากต้นเสียงนั้น ก็มีคนมาเป็นกลุ่มก้อนจำนวนมากจนฉันเห็นแล้วกลัวขึ้นมาทันที ก็คนที่เสียงนั้นร้องหากันคือคนที่กอดฉันอยู่ตอนนี้หนะสิ
"เฮ้ย วิ่งเร็ว" แล้วผู้ชายคนนั้นก็ลากมือฉันวิ่งไปกับเขาทันที
เดี๋ยวนะ ทำไมฉันต้องวิ่งไปกับหมอนี่ด้วย พวกผู้หญิงด้านหลังเราไม่ได้วิ่งตามฉันสักหน่อย เขาตามผู้ชายที่ลากแขนฉันอยู่ตอนนี้คนเดียวต่างหาก
"นี่คุณ ปล่อย ทำไมฉันต้องวิ่งไปกับคุณด้วยเนี๊ย" ฉันร้องตะโกนให้คนที่ลากแขนฉันปล่อยฉันขณะที่เราสองคนยังวิ่งหลบกลุ่มผู้หญิงที่วิ่งตามเราสองคนอย่างเอาเป็นเอาตาย
"นี่ ภาพที่พวกเขาเห็นขนาดนั้น คุณคิดว่าผู้หญิงกลุ่มนั้นจะปล่อยให้คุณเดินผ่านพวกเค้าโดยที่จะไม่ทำอะไรคุณเลย ทั้งที่พวกเค้าเห็นผมกอดกับคุณอยู่เนี๊ยนะ"
เออ คำพูดของเขาก็มีเหตุผล เมื่อกี้ภาพที่คนอื่นมองเข้ามาก็ต้องคิดว่าฉันกับเขากอดกันอย่างแน่นอน ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น และดูหน้าตาและการวิ่งตามอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนั้น คงจะยอมรับฟังคำอธิบายของฉันก่อนที่ฉันจะเดินผ่านคนกลุ่มนั้นอย่างครบ 32 คงจะยากแล้วหละ
โอ้ย น้ำชาเอ้ย เกลียดอะไรทำไมต้องเจออยู่เรื่อยนะ
"คุณ ไปทางนี้" ฉันตัดสินใจลากแขนผู้ชายคนนั้นเข้าไปยังช่องทางเดินไปประตูบันไดหนีไฟ ขณะที่พวกเราสองคนวิ่งห่างกลุ่มผู้หญิงพวกนั้นในช่วงทางเลี้ยวพอดี
"คุณ!..อื้อ"
ฉันร้องอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆผู้ชายตรงหน้าก็คว้าตัวฉันเข้าไปจูบ ขณะที่กลุ่มผู้หญิงที่วิ่งตามเราสองคนนั้น กำลังวิ่งผ่านเราสองคนไปโดยไม่ได้สนใจเราสองคนตรงช่องทางไปบันไดหนีไฟ คงคิดว่าเป็นผู้ชายผู้หญิงกำลังพลอดรักกันอยู่
"อื้อ..อืมม" ฉันร้องออกมาอย่างตกใจในตอนแรก จนเปลี่ยนเป็นเสียงครางแทนเมื่อเขาสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน อีกทั้งมือของเขาสองข้างก็กอดฉันเข้ามาใกล้ตัวเขาแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน
ตอนนี้ฉันอยากจะบ้าที่อยู่ๆมาจูบกับผู้ชายที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อและเพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงชั่วโมง ให้เขาเอาจูบแรกของฉันไปอย่างง่ายดาย
"โอ้ย..คุณ!" ฉันเอาเข่ายกกระทุ้งที่ท้องของเขาทันที จนเขายอมปล่อยปากฉันพร้อมกับเอามือกุมท้องไว้
"ไอ้เลว!" ฉันตบหน้าผู้ชายคนนั้นอย่างแรง พร้อมกับเดินหนีออกมาจากตรงช่องทางบันไดหนีไฟทันทีโดยไม่หันไปมองผู้ชายคนนั้นอีกเลย
ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่คิดว่าคงจะเป็นคนดังพอสมควร ไม่งั้นคงไม่มีสาวๆวิ่งไล่จนห้างดังของครอบครัวยัยเฌอแตมแทบแตกหรอก ด้วยเพราะเขาสวมแว่นตาดำพร้อมกับใส่หมวกปิดบังไม่ให้ใครจำได้ จนฉันเห็นหน้าเขาไม่ชัด แต่ช่างเถอะมันคงจะเป็นการเจอครั้งแรกและครั้งสุดท้ายระหว่างฉันกับผู้ชายฉวยโอกาสคนนั้น
"ขออย่าให้เจอกันอีกเลย ไอ้คนฉวยโอกาส"