Secret to be
:: 2 ::
อยากให้มองฉันในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
เวลา 20.17 น.
ฉันนั่งรอซันจนถึงสองทุ่ม บอกว่ามีเรียนถึงค่ำไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ในร้านสักมีลูกค้าเพียงคนเดียวที่สองกำลังสักให้ ฉันเอนหลังพิงกับโซฟาตวัดขาไขว่ห้างส่งข้อความหาซัน เขาก็ไม่อ่านและไม่ตอบด้วยซ้ำ จนคิดว่าเขาอาจจะไม่มา แบบหมดหวังจะลุกเข้าไปบอกสองว่าจะกลับแล้ว หากแต่ว่า...
“กูบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้รอน่ะ!” ประตูเปิดขึ้นพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด ลมหายใจหอบถี่พอเห็นหน้าเขาฉันก็อมยิ้มแต่ก็ทำหน้านิ่งใส่
“เรียนจริงหรือเพิ่งไปนอนกับสาวมา”
“บอกว่าเรียนก็เรียนดิวะ” ซันเท้าเอวตรงหน้าฉันพลางไล่สายตามองข้อเท้าที่ฉันแสร้งสำออยส่งข้อความไปว่า ‘ข้อเท้าบวม เดินไม่ไหวแล้ว’ หมอนี่อ่านไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาโผล่หน้าอยู่ตรงนี้แล้ว “เหนื่อยฉิบหาย เรียนเสร็จต้องมานั่งเอาใจเธออีก กูจะบ้า”
“งั้นฉันนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้ ถ้าเหนื่อยก็ไม่ต้องพาไปกินข้าว”
หมับ
“อุตส่าห์รีบมาขนาดนี้ จะปล่อยให้กลับคนเดียวได้ไง แล้วดูแต่งตัวดิ” ใบหน้าหล่อเหลาหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลา กระทั่งสบตากับฉันที่มองเขาพลางเม้มริมฝีปาก กำลังกลั้นยิ้มอยู่ต่างหากเล่า แต่ต้องแสร้งว่าโกรธเขาอยู่ “เดี๋ยวนะ ทำไมแก้มแดงเป็นรอยมือขนาดนี้ ใครทำ?”
“ฉลาม”
“ไอ้เหี้ยสัตว์ทะเลมันยังไม่เลิกตามตื้อเธออีกเหรอวะ!?” ซันตวาดเสียงดังพร้อมฝ่ามือที่ประคองแก้มทั้งสองข้าง พลางพ่นลมหายใจแรงๆ ใส่ฉัน “ถึงขนาดบีบแก้มเธอเลย มันจะมากไปแล้วนะไอ้เวรตะไล”
“...”
“เจ็บปะ”
“ถามได้ เจ็บน่ะสิ” เอาจริงมันไม่ได้เจ็บหรอกนะ แค่อยากอ้อนคนตรงหน้าเสียมากกว่า ก็ดูดิใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้แลดูไม่สบอารมณ์ขั้นรุนแรง เห็นซันแบบนี้ทีไรหัวใจกระชุ่มกระชวยตลอดเลย “ข้อเท้าก็มาแพลง แก้มก็เจ็บ”
“จะให้จัดการมันก็ยังไงอยู่ ไอ้ควายฉลามมันหน้าด้านจะตายห่า”
“อือ”
“บอกแล้วให้หาผัว” วกมาเรื่องนี้จนได้ “ถึงฉันจะปกป้องเธอ เป็นไม้กันหมาให้ แต่ใช่ว่ามันจะกลัวนี่หวา เป็นแค่เพื่อนไม่ใช่ผัว มันถึงไม่ยอมหยุดสักที”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับหาผัว?”
“จะได้มีคนปกป้องไง”
“แค่นายก็พอแล้วปะ” ซันนิ่งไปทันทีก่อนจะคลายมือที่ประคองแก้มฉันลง “พูดอะไรผิด?”
“ฉันแค่เพื่อน” ทั้งที่อยากให้นายเป็นมากกว่านั้นเนี่ยนะ ทำไมเอาแต่บอกว่าเป็นแค่เพื่อน จะตอกย้ำคำนี้กับฉันไปถึงไหนกันซัน ทำได้เพียงแค่ถามคำถามนี้ในใจตัวเอง “ฉันปกป้องเธอได้ไม่นานหรอกนะแป้ง”
“จะหนีไปมีเมียหรือไง”
“จะบ้าหรือไง คนอย่างกูไม่มีเมีย จำไว้ด้วย!”
“เพราะ”
“ความรัก... มันคืออะไรกูยังไม่รู้จัก จะให้หาเมียเพื่อ” ซันพูดจบก็เท้าเอวพลางหันหลังให้ฉัน อยากจะเสนอหน้าซะจริงว่าถ้าอยากรู้มาลองกับฉันไหมล่ะ สุดท้ายก็ทำได้แค่เก็บงำมันเอาไว้ เพราะซันไม่มีทางลองมันกับฉันแน่นอน เชื่อสิ “เธอมากกว่าที่ควรหาผัว ไม่ใช่เอาแต่พึ่งพาฉัน เค?”
“เป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้จักพึ่งพากันดิ”
“อันนี้รู้ แต่ฉันอยู่กับเธอตลอดไปไม่ได้ไงแป้ง”
“ที่นายบังคับอยากให้ฉันมีผัว คือไม่อยากดูแลฉันก็บอกมา”
“ไม่ใช่แบบนั้น”
“งั้นก็ไม่ต้องทำตามที่สัญญาไว้ ปล่อยฉันไปเลย จบ” ตวาดใส่คนตรงหน้าหยิบกระเป๋าสะพายและเดินชนไหล่ซัน เพื่อเดินหนีเขา แน่นอนว่าซันเรียกฉันตามหลังตลอดและไม่มีครั้งไหนหรอกนะที่เขาจะปล่อยให้ฉันไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะฉะนั้นเวลานี้ท่อนแขนถูกฝ่ามือหนาอบอุ่นคว้าไว้จนใบหน้ากระแทกกับแผงอก “เจ็บนะ!”
“ใครใช้ให้เธอเดินหนีฉันล่ะวะ!”
“...”
“โอเค ไม่บังคับให้มีผัวก็ได้ แต่ถ้าอยากมีก็หาซะ มันจะได้ปกป้องเธอจากไอ้ฉลาม ตกลงไหม?” ซันเป็นเหมือนน้ำที่ชโลมใจฉันเสมอเวลาที่ร้อน แม้ว่าชื่อจะหมายถึงพระอาทิตย์ แต่บางมุมก็กลับอบอุ่นและเย็นสบายยามที่อยู่ใกล้
“อืม” จะไปหาทำไมก็คนที่ฉันชอบมันคือนายไง “ทีหลังก็อย่าปากไม่ดีได้ปะ”
“ก็มันหงุดหงิดที่เห็นเธอโดนไอ้ฉลามมันตามตื้อ”
“นายก็ปกป้องฉันดิ” ถึงจะทำหน้าโกรธ แต่ในใจก็คือยิ้มจนหน้าบานแล้ว “เริ่มพรุ่งนี้เลย”
“อะไรอีก?”
“ไปส่งที่มหาลัยไง รอรับด้วย นะ” คำว่านะของฉันมักทำให้ซันยอมแพ้ตลอดนั่นแหละ เขาถอนหายใจพลางยกมือซ้ายเสยเส้นผมขึ้น ทั้งที่มือขวายังบีบต้นแขนฉันไม่ยอมปล่อย “นะซัน”
“เฮ้อ กูเคยปฏิเสธอะไรได้มั้งวะ”
“แสดงว่าตกลง”
“เออ!”
“นายเนี่ยเป็นเพื่อนที่น่ารักที่สุดของฉันเลยนะ” เอื้อมมือไปบีบแก้มสากจนซันปัดมือฉันออกเบาๆ ถึงจะเจ็บกับคำที่ต้องแทนเขาว่าเพื่อน ก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันยังคงมีหวังอย่างที่สองบอก ปล่อยให้คนๆ นี้โง่ไปก่อน ฉลาดตอนไหนก็คงจะเข้าใจความรู้สึกของฉันเข้าสักวัน คนเราจะโง่ไปตลอดไม่ได้หรอก แต่สำหรับซันฉันเองก็ชักไม่แน่ใจแล้วดิ
ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงออกให้เขารู้สึกกับฉันมากกว่าเพื่อนที่ควรจะเป็น แต่ต้องทำยังไงล่ะ? ฉันเองก็คิดไม่ออกเหมือนกัน มันเหมือนกับว่ามีความรู้สึกวูบหนึ่งที่ว่า ‘ทำแบบนี้มันจะดีไหมนะ’ ความสัมพันธ์ของเรามันจะแปรเปลี่ยนไปหรือไม่ฉันก็จะยอมรับผลของมัน ขอแค่ฉันได้กระตุ้นความรู้สึกของซันสักนิดก็ยังดี ไม่อยากให้เขามองฉันเป็นแค่เพื่อนสาวที่ต้องคอยดูแลปกป้อง แต่อยากให้เขามองฉันให้ฐานะ ‘ผู้หญิงคนหนึ่ง’ สักครั้งก็ยังดี
“เดินมาขนาดนี้ ข้อเท้าไม่เจ็บแล้วหรือไง?” ซันมองค้อนฉัน พลางกลืนน้ำลายลงคอและโน้มตัวลงไปแตะข้อเท้า แต่ซันก็ดึงต้นแขนฉันให้ยืนตัวตรง “กระโปรงสั้นขนาดนี้ จะโก้งโค้งทำไม”
“ก็เพิ่งนึกได้ว่าเจ็บ มัวแต่โกรธนาย”
“เหอะ ทำอะไรไม่เคยจะระวัง” บ่นฉันตลอดจนหูชาแล้ว ซันก็โน้มตัวลงย่อตัวตรงหน้าฉัน แตะมือลงบนข้อเท้าส่งผลให้ฉันวางมือลงบนบ่าแกร่งและอมยิ้มคนเดียว จังหวะนั้นประตูร้านสักเปิดขึ้นเป็นสองที่เดินออกมาพร้อมกับลูกค้าชายที่สักเสร็จเรียบร้อย พอเขาเห็นภาพนี้ใบหน้าหล่อเหลาก็พยักหน้าให้พลางเดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง “ไปกันได้แล้ว หิวไม่ใช่ไง”
“รอนายจนไส้จะขาดละ”
“ทีหลังบอกอะไรให้ฟังบ้างนะ กูบอกว่ากูเรียนเลิกดึก...” ฉันลอบมองใบหน้าหล่อเหลาที่บ่นไปเรื่อยจนมันเป็นความเคยชิน ถึงซันจะบ่นฉันมากแค่ไหนเขาก็ไม่เคยเลยนะที่จะทำให้ฉันเสียใจ ขนาดฉันโกรธ โมโหเขาก็จะเป็นฝ่ายตามง้อตลอด ถึงจะเป็นการง้อแบบเพื่อนก็เถอะ เสี้ยวหนึ่งก็แอบดีใจมากๆ เลยนะที่ซันแสดงออกว่าเป็นห่วงกันมากแค่ไหน
ซันพาฉันมากินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เอาจริงมันเป็นร้านอาหารในความทรงจำของเราสองคนด้วยซ้ำไปนะ ตอนที่อายุได้ 17 ซันเป็นคนพาฉันมาที่ร้านนี้เพราะบอกว่าอยากให้ฉันได้กินอาหารที่แสนอร่อยทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แม้กระทั่งน้ำชาที่ไว้กินฟรีเนี่ยล่ะ
“เอาข้าวหมูกรอบสองเฮีย อีกจานไม่ใส่พริกเผานะ แล้วก็เพิ่มไข่เป็ดด้วย”
“ได้เลย ลื้อสองคนนี้มากินร้านอั๊วประจำ แทบจะจำได้ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร” เจ้าของร้านฉีกยิ้มให้กับฉันและซันที่นั่งโต๊ะด้านในสุดและมันเป็นตัวเดิมกับที่เราเคยนั่งเมื่อหลายปีก่อน ซันลุกขึ้นไปตักน้ำแข็งหลังร้านและเทน้ำชาที่รสชาติขมปนหวานเล็กน้อยดันแก้วพลาสติกมาให้ฉัน
“ไอ้ฉลามมันชอบเธอจริงหรือเปล่า?”
[50%]
*-----------------------------------------------*