Secret to be
:: 4 ::
ทำไมใครต่อใครชอบคิดว่าเป็นคู่รักมากกว่าเพื่อน Part.2
“พี่ซัน วันนี้ค้างกับหนูได้ไหมคะ?”
“ได้สิคะ ทำไมจะไม่ได้ พี่อุตส่าห์โปรยเสน่ห์ใส่หนูขนาดนี้ จะไม่ไปได้ยังไง”
“พี่ซันน่ารักที่สุด”
ผมฉีกยิ้มกว้างขณะมองใบหน้าสวยที่โน้มมาจรดจูบลงบนแก้ม ขณะนั่งดื่มที่ผับของเฮียไนท์ในช่วงสี่ทุ่ม โอบไหล่ร่างเล็กของหญิงสาววัย 21 ปีที่เรียนมหาลัยปีหนึ่งอยู่คนละมหาลัย แน่นอนว่าพอเห็นปุ๊บตรงสเปกปั๊บผมก็ไม่รีรอที่จะโปรยเสน่ห์ใส่สิ พอพูดไปแค่ไม่กี่คนหญิงสาวก็ตกหลุมพรางของผมเข้าเต็มเป้า สำคัญเลยคือเธอเอนศีรษะพิงอกผมและลากไล้มือบนหน้าท้องแกร่งก่อนจะมาหยุดตรงเป้ากางเกง
“อย่าเพิ่งรีบทำให้พี่ตื่นสิคะ เดี๋ยวได้ทำกันบนรถนะ”
“ไอ้เวร! รอกูแปบเดียวลากสาวจะกลับแล้ว” ผละใบหน้าที่กำลังจะโน้มไปจรดจูบบนกลีบปากบาง ผมก็แสยะยิ้มให้กับชายหนุ่มที่เป็นแขกไม่ได้รับเชิญ มันยืนเท้าเอวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอก ใบหน้าหล่อเหลาแลดูไม่สบอารมณ์อย่างมาก ขณะยกมือซ้ายเสยเส้นผมสีดำสนิทขึ้น ซึ่งปล่อยไว้ยาวรากไทรและเปิดไถด้านข้างจนเกรียน
“ยังไม่ได้กลับ กูก็รอมึงอยู่ไงไอ้จอม” เพื่อนสนิทคณะสถาปัตยกรรม เจ้าชู้ตัวพ่อและแน่นอนว่ามันไม่จริงจังกับใครทั้งนั้น นอกเสียจากลากสาวกลับไปนอนวันไนท์ฯ และแยกย้ายเหมือนกับผม
“งั้นพี่ซันคุยกับเพื่อนไปก่อนนะคะ หนูไปหาเพื่อนก่อน จะกลับแล้วอย่าลืมสะกิดบอกหนูนะ”
“ได้สิคะ” ผมยิ้มหวานและมองร่างบอบบางที่สวมชุดเดรสสีดำลุกขึ้น ไม่วายตีมือไปที่ก้นของเธออย่างแรงจนเธอทำหน้าขวยเขิน หันมาหยิบแก้ววิสกี้ดื่มหมดแก้ว รู้สึกว่าวันนี้จะไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะรู้สึกคึกคักเป็นพิเศษเลย
“ครั้งแรกปะที่กูไม่เห็นมึงกับแป้งร่ำตัวติดกัน”
“จะติดกันอะไรตลอดวะ โตๆ กันแล้วแยกย้ายกันไปเติบโตก็พอ เป็นแค่เพื่อนไม่ใช่เจ้าชีวิต” ทำหน้าหงุดหงิดใส่ไอ้จอมที่ยักไหล่ไหวพลางตวัดขาไขว่ห้าง “ยัยนั่นน่ะชอบโกรธกูตลอดเวลา ไม่รู้เป็นห่าอะไร”
“อือ”
“แล้วก็นะมีแต่คนทักว่ากูกับยัยนั่นเป็นแฟนกัน เฮ้อ สาวคนไหนได้ยินกูเสียภาพพจน์หมด”
“ก็คบกันไปดิ”
“แค่กๆ มึงจะบ้าเหรอ คบเหี้ยอะไร!” ผมถึงกับสำลักเหล้าที่กำลังกระดกเข้าปาก ไอ้จอมแม่งพูดเหี้ยอะไรวะเนี่ย “กูขนลุกนะ คบกับยัยนั่นเนี่ยนะ เป็นเพื่อนกันไงจะให้คบกันได้ไง”
“ไม่เห็นจะเป็นอะไร กูเห็นคนเป็นเพื่อนกันก็คบกันถมเถไป”
“กูไม่ได้ชอบยัยนั่น ไม่เคยมองยัยนั่นต่างออกไปจะให้คบกันได้ไง?” อธิบายจนปากจะฉีก แม้แต่เพื่อนของผมเองก็ยังคิดแบบนั้น หรือว่าผมจะทำตัวใกล้ชิดกับแป้งร่ำมากเกินไปหรือเปล่านะ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ใกล้ชิดกันบ่อยจะตาย ทำไมคนอื่นถึงได้มองเราต่างกันออกไปด้วยไม่เข้าใจ ทั้งที่หน้าผมมีตัวอักษรคำว่าเพื่อนเต็มหน้าขนาดนี้ “กูไม่มีวันเปลี่ยน”
“แล้วแป้งล่ะ มึงคิดว่าแป้งจะเปลี่ยนไหม?”
“มึงถามอะไรที่ไร้สาระมาก ยัยนั่นจะเปลี่ยนได้ยังไงกัน” ผมจ้องหน้าไอ้จอมที่รอฟังผมอธิบาย “อย่างยัยนั่นจะมาชอบกูได้ยังไง ไม่มีทาง”
“ทำไมถึงคิดว่าไม่มีทาง”
“ก็ไม่มีวันนั้นไง มึงเข้าใจปะว่าเพื่อนกัน ไม่คบกัน”
“...”
“ถ้าจะมีความสัมพันธ์เชิงนั้น จะเป็นเพื่อนกันไปทำไมตั้งแต่แรก ถูกปะ” อีกอย่างเราสัญญากันว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ผมไม่มีวันผิดคำพูดของตัวเองแน่นอน บอกจะดูแลยัยนั่นจนกว่าจะหาผัวได้ผมก็ทำ เป็นเพื่อนกันตลอดไปจนแก่เฒ่า ผมก็ทำได้อยู่แล้ว ดังนั้นอย่าถามว่าทำไมผมถึงไม่เคยคิดเกินเลยกับแป้งร่ำ
ผมแค่คิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันดีที่สุดในสถานะของคำว่า ‘เพื่อน’ ผมคิดว่าผมอยากดูแลยัยนั่นไปตลอด ในฐานะเพื่อน ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนมันไปเป็นอย่างอื่น อีกอย่างผมไม่ได้ชอบแป้งร่ำ ไม่อยากมีความรักเพราะมันไร้สาระ อีกอย่างผมไม่เคยรู้จักว่ามันเป็นยังไง ไม่ได้อยากเรียนรู้มันเพราะผมชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้มากกว่า
“ทำไมใครต่อใครเอาแต่มองกูกับแป้งเชิงนั้น ทั้งที่คำว่าเพื่อนติดบนหน้ากูกับแป้งขนาดนั้นอะ”
“ไม่รู้สิ การแสดงออกของมึงล่ะมั้ง”
“กูเหรอ?”
“มึงดูเป็นห่วงแป้ง แถมยังตัวติดกันมากๆ คนไม่รู้ก็ย่อมคิดไปในเชิงนั้น”
“แต่ไอ้สองกับเฮียไนท์ ใกล้ชิดกูกับแป้ง ยังพูดเหมือนกูกับแป้งจะ... บรื้อ ขนลุก!”
“มันน่ากลัวขนาดนั้นเลย”
“เออน่ะสิ ใครจะไปคบกับยัยนั่นวะ เรื่องมากแถมขี้งอนและโกรธง่ายชะมัด เอาใจยากสุดๆ แค่กูเป็นเพื่อนยังเอาใจยากเลย นับประสาอะไรถ้าจะให้เปลี่ยน เหอะ ไม่มีทางซะหรอก”
“ถ้ามึงไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดเรื่องมึงกับแป้ง ก็แค่หาสาวสักคน”
“ก็หาอยู่ปะ นี่ไง”
“ไม่ใช่แค่นอนด้วยชั่วครั้งชั่วคราว หมายถึงหาเมียเลย”
“ถุย! กูไม่หา จะหาทำไมกูไม่อยากมี” เหมือนกับแป้งร่ำปะวะที่ผมดันยุยงให้เธอหาผัว พอมาเป็นตัวเองก็ดันมีความรู้สึกเดียวกันกับแป้งร่ำคือไม่อยากมีเมีย
“งั้นก็ยอมรับให้ได้ถ้าคนอื่นจะมองมึงกับแป้งร่ำเป็นผัวเมีย มากกว่าเพื่อนสนิท”
“ช่างแม่ง กูไม่สน ใครอยากจะคิดอะไรก็ตามใจ” อย่างที่แป้งร่ำบอกนั่นแหละ จะไปห้ามความคิดคนอื่นได้ยังไงกัน อีกอย่างผมไม่อยากมีเมีย เพราะงั้นเรื่องนี้ไปจากสมองผมให้หมดซะดีๆ ไอ้จอมก็นะถามส้นตีนอะไรก็ไม่รู้ ผมขนลุกทุกครั้งที่คนอื่นมองผมกับแป้งร่ำเป็นมากกว่าเพื่อนสนิทอะ
ช่วงสายของวันหลังจากที่เสพสมกับสาวรุ่นน้อง ผมก็เดินผิวปากขึ้นมาถึงชั้นคอนโดของตัวเอง ก่อนจะถือคีย์การ์ดเอาไว้กระทั่งเลิกคิ้วขึ้นทันทีที่เห็นร่างบอบบางคุ้นตายืนพิงประตูและกอดอกรออยู่ อันที่จริงเห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บนะว่าใคร ก็เล่นแต่งตัวแบบนี้มีคนเดียวที่ผมจำได้แม้จะเห็นแค่ด้านข้างก็เถอะ ถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดที่เห็นยัยนั่นสวมเกาะอกตัวเล็กจิ๋วสีเขียวอ่อนและกางเกงยีนส์เอวสูงสีขาว ผมสีน้ำตาลคาราเมลปล่อยสยายกางแผ่นหลัง แต่จะรู้ไหมว่าใส่เกาะอกตัวเล็กและมันทำให้นมของยัยนี่มันทั้งใหญ่ทั้งล้นขนาดไหน
“มานานหรือยัง?”
“ไม่นาน”
“มาทำไม” ผมถามพลางเสียบคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปในห้อง โดยมีร่างเล็กเดินตามมาด้วย กระทั่งแป้งร่ำดักหน้าผมไว้ก่อนจะได้เข้าห้องนอน เธอโน้มใบหน้ามาดอมดมตรงแผงอกผมและแน่นอนว่าพอหลุบสายตามองใบหน้าสวยมันก็ทำให้เห็นร่องอกแบบชัดเจน จนผมเบือนหน้าหนีด้วยความเคยชิน ยัยบ้านี่! “เป็นหมาหรือไง ดมอยู่ได้”
“กลิ่นน้ำหอมผู้หญิง ไปไหนมา”
“เป็นแม่หรือเป็นเพื่อน หรือเป็นเมีย?”
“ก็แค่ตอบ” แป้งร่ำมองค้อนผมขณะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำและถอดออกเดินสวนร่างเล็กเข้าในห้องนอน บนหัวเตียงที่เป็นแบบกระดานยาวมีกรอบรูปของผม และเป็นรูปของเราสามคนแค่เพียงรูปเดียว นอกนั้นเป็นรูปของผมกับแป้งร่ำซะส่วนใหญ่ ไม่ใช่อะไรนะยัยนั่นน่ะเป็นคนเอามาตั้งไว้ให้ผมเนี่ยล่ะ จะให้เอาออกเหรอบอกเลยมีงอนผมหนักกว่าเดิมแน่
“คำตอบที่เธออยากได้ เธอก็รู้อยู่แก่ใจนะแป้ง” ผมตอบโดยไม่หันกลับไปมองเธอ พลางหยิบผ้าขนหนูพาดบ่า ก่อนจะหันไปถึงกับต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นใบหน้าสวยหลุบตาลงพลางทำหน้าเศร้า “เป็นอะไร?”
[30%]