ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
"แก้วอย่าไปนะ อย่าเอาแก้วไป แก้วจ๋า แก้ว อย่าทิ้งแก้ม ฮือ..." ร่างเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทรุดลงไปนอนกองกับพื้น เงยหน้าขึ้นมองตามคู่แฝดที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับเป็นคนเดียวกันด้วยน้ำตานองหน้า
"เสียงเรียกชื่อใครดังไม่รู้ ก้องไปหมดเลย เต็มสองหูเลย ไม่นะ ไม่นะ ไม่นะ ไม่นะ แก้ม แก้ม แก้ม..." เธอตะโกนเรียกใครบางคน ที่เธอรู้สึกคุ้นเคยเอามาก ๆ ดังลั่นห้อง
"ทำไมเธอหน้าเหมือนเรามาก แก้ม... เธอชื่อแก้ม แก้ม..." โซเฟียสะดุ้งสุดตัวตัวสั่นงันงก หญิงสาวลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอนด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบเต็มใบหน้า
"ทำไมช่วงนี้ฝันแบบนี้ติด ๆ กันจังเลย เฮ้อ... สงสัยจะเหนื่อยมากไปแน่ ๆ" เธอถอนหายใจออกมาแรงๆ ล้มตัวลงนอน เลื่อนกระชับผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าอก ก่อนที่จะล้มตัวลงนอน ข่มตาให้หลับลงไปอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย ที่เหนื่อยจากการฝึกซ่อมเต้นและร้องเพลงมาทั้งวัน
"คุณหนูคะ คุณหนูโซเฟียคะ" เสียงเรียกของคุณแม่บ้านดังขึ้น คุณอิงกริชเธอเข้ามาเรียกโซเฟียที่ยังหลับนอนหลับอุตุอยู่บนเตียง หญิงสาวงัวเงียยกหน้าที่นอนคว่ำกับที่นอนขึ้น ก่อนจะขยี้ตาของตัวเองเบาๆ มองหาที่มาของต้นเสียง
"มาดามให้มาตามค่ะ คุณแมคเวลโทรเข้ามาแล้ว เขาบอกว่าอีกยี่สิบนาทีจะมาถึงค่ะ"
แค่ได้ยินชื่อแมคเวล เธอก็รีบกระเด้งตัวลงจากที่นอน ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง รีบหันหน้าไปออกคำสั่งคุณแม่บ้านทันที
"คุณอิงกริชคะ ช่วยบอกใครมายกกระเป๋าของโซเฟียลงไปให้ด้วยค่ะ" ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำตัวปลิว
คุณอิงกริชได้แต่ส่ายหัว แล้วยิ้มมองตามร่างเธอไปแบบเอ็นดู
"อ้าวนั่นไง น้องลงมาแล้ว" คุณมากาเร็ตเอ่ยดัง กวักมือเรียกลูกสาวสุดที่รักให้เข้าไปหา ทั้งสองสวมกอดกันเบา ๆ และจูบทักทายกันในยามเช้า
แมคเวลนั่งหน้าเข้ม มองมาที่โซเฟียด้วยสายตาตำหนิ แต่เขาก็ไม่เอ่ยอะไร
"แดดดี้" เธอหันไปอ้อนผู้เป็นพ่อ ก่อนจะจูบหนัก ๆ ที่แก้มทั้งสองข้าง
"เดินทางปลอดภัยนะลูก ถึงที่พักที่นู่นแล้ว ให้รีบสไกป์มาหาพ่อกับแม่ทันทีเลยนะ" คุณโจน์กำชับลูกสาว
"แมคเวล ป้าฝากน้องด้วยนะลูก ป้าขอร้องล่ะ เราก็อย่าเคร่งครัดกับน้องมากไป รู้หรือเปล่า" มาดามหันมาสั่งหลานชาย เพราะด้วยรู้นิสัยของเขาเป็นอย่างดี
"ครับ ผมจะพยายาม" เขารับปาก ก่อนจะลุกขึ้นยืน และกอดร่ำลาป้าและลุงของเขา
คุณมากาเร็ตยืนร้องไห้เช็ดน้ำตาป้อย ๆ นางสวมกอดเอวสามีไว้หลวม ๆ ยกโบกมือลา สายตามองตามรถที่เคลื่อนออกไปจากคฤหาสน์แอนเดอร์สันจนลับไป
"วันหลังหัดตั้งนาฬิกาปลุกบ้างนะ" เสียงเขาตักเตือนเชิงต่อว่า โดยที่ไม่หันมามองหน้าของเธอสักนิดเดียว
"การทำงานที่เป็นมืออาชีพ ความรับผิดชอบต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง การตรงต่อเวลามาเป็นอันดับสอง และความมีวินัยมาเป็นอันดับสาม แต่ไม่ใช่ว่าอย่างอื่นจะไม่สำคัญนะ" โซเฟียที่เคยเป็นคนมั่นใจ ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ที่ชื่อแมคเวล เธอต้องนั่งตัวลีบไปเสียทุกที
"ค่ะพี่ชาย" เธอเอ่ยรับคำและเรียกเขาแบบนั้น
แมคเวลหันขวับกลับมามองหน้าของเธอในทันใด
"ห้ามเรียกฉันว่าพี่ชาย ให้เรียกฉันว่าผู้จัดการ" เขาทำเสียงเขียว และสายตาที่ส่งมา ทำให้เธอพยักหน้าให้เขาน้อย ๆ ก่อนจะตอบรับคำเขาไปเสียงเบา
"Yes, sir"
‘โธ่ไอ้พี่ขี้เก๊ก มามี้ ทำไมต้องเลือกไอ้พี่ขี้เก๊กคนนี้ มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของหนูด้วยคะ’ เธอโอดครวญอยู่ในใจ ยังทำสีหน้าเรียบเฉย ตามองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนไม่ได้คิดมากแต่ในใจคุกรุ่น
ณ ประเทศไทย อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่
"แก้ม ลูก แก้มเอ๊ย พี่กั้งโทรมาบอกแน่ะ บอกว่ารถไถเสียอยู่ที่กลางสวนลำไย หนูช่วยขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปหาพี่เขาหน่อยไป เผื่อพี่เขาจะให้ช่วยอะไรนะลูก ไปเร็ว" แม่ตะโกนออกมาจากในครัว
แก้มกำลังรดน้ำพรวนดินพืชผักสวนครัวที่เธอกับแม่ช่วยกันปลูกไว้ตรงสวนหลังบ้านไม่ห่างจากห้องครัวมากนัก
"จ้ะแม่" เธอขานรับ ก่อนจะเดินไปล้างไม้ล้างมือ และขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ขับตรงไปยังสวนของพี่ชายที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านมาประมาณสามกิโลเมตร
บรื้น... เสียงเร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์ดังมาแต่ไกล รถกำลังวิ่งเข้ามาในสวนกว้างใหญ่ไพศาลของอังกูธ ตามทางเล็ก ๆ มีรอยล้อของรถยนต์ มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งกำลังแล่นตรงเข้ามายังกระท่อมที่พักของเขา
จริง ๆ ก็ไม่ได้เรียกกระท่อมซะทีเดียว มันเป็นบ้านที่ใหญ่โตพอสมควร หนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว และมีชานโล่งไว้รับแขกอีกด้วย เขาทำบ้านไม้ยกพื้นสูงประมาณสองเมตรกว่า ๆ เพื่อสะดวกในการจอดรถยนต์ไว้ข้างใต้ถุนด้วย
"พี่กั้ง รถไถเป็นอะไร" เสียงแก้มตะโกนถาม ทั้งที่ตัวเธอกับตัวรถยังเข้ามาไม่ถึงตัวเรือน เพียงแค่เห็นใบหน้าที่เปื้อนยิ้มส่งมาให้ เขาก็ยกหมวกสานปีกกว้างทำมาจากไม้ไผ่ออกไปให้พ้นใบหน้า กั้งเงยหน้าขึ้นมองน้องสาว เขาขยับตัวลุกขึ้นยืน
"ไม่รู้เหมือนกันจ้า พี่เรียนเกษตรมา ไม่ได้เรียนช่างยนต์ครับผม" เสียงเขาตอบมาแบบกวน ๆ แต่รอยยิ้มฉีกกว้าง
"ช่างตอบนะคะคุณพี่ คนเขาอุตส่าห์ดั้นด้นมาช่วย สรุปพี่กั้งจะทำยังไงต่อไปคะ" น้องสาวเอ่ยถาม ก่อนที่จะเอาขาตั้งมอเตอร์ไซค์ลงค้ำรับน้ำหนักรถเอาไว้ และรีบเดินเข้าไปหาเขา
"น้องแก้มคนสวยมาก็ดีแล้ว ซักผ้าให้พี่หน่อยสิครับ" เขาทำเสียงและสายตาอ้อนวอน ไม่ได้คุยเรื่องรถไถเลย
"โอ๊ะ โอ้ย ว่าแล้ว คิดเอาไว้แล้วเชียว อย่าบอกนะว่า พี่กั้งหลอกให้แก้มมาซักเสื้อผ้าให้เนี่ย" เธอโวยวายทำเสียงสูง ทำไม้ทำมือชี้ไปที่ตัวเขา
"โถ... เปล่าเลย รถไถมันเสียจริง ๆ เดี๋ยวพี่เก็บข้าวของเสร็จ ขออาศัยติดรถเราไปนอนที่บ้านด้วยนะคืนนี้ ไปหาช่างแล้วปรึกษาช่างดูก่อน พรุ่งนี้ค่อยพาช่างมาดูอีกที วันนี้คงไปหาใครไม่ทันแล้วมั้ง" กั้งอธิบาย ก่อนจะเดินนำเธอขึ้นไปบนเรือน แล้วตรงดิ่งไปล้างทำความสะอาดมือไม้ที่ดำเลอะสกปรกอยู่มากตรงลานชะล้างด้านบนเรือน
แก้มเดินตรงเข้าไปในห้องนอนของพี่ชาย แล้วหยิบตะกร้าผ้าที่วางซ่อนอยู่ใกล้ตู้เสื้อผ้าในห้องออกมา
"พี่กั้ง แก้มบอกพี่กั้งกี่ครั้งแล้ว ให้เอาตะกร้าผ้าเนี่ยเอาออกมาไว้ข้างนอก มักง่ายจริง ๆ วันหลังแก้มจะไม่มาซักให้เลยนะ ดูสิ ทั้งสกปรก ทั้งเหม็นมากด้วย มันมีเชื้อโรคเข้าใจไหม" เธอบ่นเขาเรื่องนี้ประจำ แก้มทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย แต่ก็เดินตรงออกไปนอกชาน เปิดน้ำใส่กะละมัง ก่อนจะเทผงซักฟอกตีฟอง แล้วเอาผ้าในตะกร้าลงไปแช่
"อึ๋ย สกปรกมาก ต้องแช่ก่อนนะคะพี่กั้ง ไม่งั้นแก้มคงขยี้กันตาเหลือก" เธอยกกางเกงที่เขาใส่ทำงานตัวหนึ่งให้พี่ชายดู ทั้งเลอะโคลน และมีกลิ่นเหม็นเต็มไปหมด ก่อนจะเอากะละมังมาอีกใบ เปิดน้ำเข้าใส่จนเต็ม แล้วเอากางเกงที่เปื้อนเป็นพิเศษตัวนี้ลงไปแช่ ระหว่างนั้นเธอค่อย ๆ ใช้แปรงขยี้เอาโคลนออกมาเป็นอันดับแรก เสียงบ่นของเธอก็ยังดังพึมพำ แต่มือไม้ก็ลงมือทำไม่หยุด
ณ ประเทศสิงคโปร์ เครื่องบินลำที่โซเฟียและแมคเวลแลนดิงไปแล้วกว่าสี่สิบนาที
"ผมมาเช็กอินครับ" แมคเวลเอ่ยบอกเจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับที่ยืนต้อนรับอยู่หน้าเคาน์เตอร์ใหญ่ยาวในห้องโถงของโรงแรมชื่อดังในประเทศสิงคโปร์ ก่อนจะส่งตัวจริงของพาสปอร์ตของเขาและของโซเฟียยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ไป
"คุณครับ เรียบร้อยแล้วครับ รบกวนช่วยเซ็นชื่อบนเอกสารตรงนี้ด้วยครับ ขอบคุณมากครับ เรียนเชิญคุณตามพนักงานยกกระเป๋าไปที่ห้องพักได้เลยครับ" พนักงานชายคนหนึ่งยืนให้ข้อมูล แมคเวลก้มหน้าเซ็นชื่อบนใบบันทึกการเข้าพัก ก่อนจะมองตามมือเจ้าหน้าที่ที่ผายมือไปยังเบลบอยที่ยืนยิ้มกว้างส่งมาให้ พวกเขารอให้บริการอยู่แล้ว
"โซเฟีย" เสียงทรงอำนาจของเขาเอ่ยเรียกชื่อเธอดังเข้ม โซเฟียกำลังจ้องมองคนที่นี่ หน้าตาของทุกคนช่างละม้ายคล้ายคลึงกันกับเธอเสียเหลือเกิน
สาวสวยยิ้มให้กับทุกคนที่ส่งยิ้มมาทักทายเธอ เธอหันไปตามเสียงของพี่ชาย อุ้ย ไม่ใช่สิ ผู้จัดการที่เดินหน้าเข้ม แทบหารอยยิ้มบนใบหน้าไม่มีสักนิด หญิงสาวเห็นเขาก้าวขาฉับ ๆ เดินไปแบบไม่มีรีรอ โซเฟียได้แต่ถอนหายใจ รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งสมอง เพราะไม่รู้จะทนไอ้ผู้จัดการขี้เก๊กคนนี้ไปได้ถึงวันไหน เธอกลัวใจตัวเองเหลือเกิน วันไหนไม่รู้ เธออาจจะระเบิดความรู้สึกออกมาใส่หน้าเขาเสียก่อนนะสิ โซเฟียได้แต่บอกกับตัวเองในใจว่า ขันติ อดทน และความฝันที่เธอกำลังวิ่งตามอยู่
แมคเวลเดินมาส่งเธอที่หน้าห้อง และก็ร่ายยาวถึงการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ รวมถึงตารางงานที่ต้องเริ่มกันตั้งแต่หกโมงเช้าของวันพรุ่งนี้ มีสัมภาษณ์รายการวิทยุทั้งหมดสามรายการ ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์สดทั้งหมด และเธอต้องร้องเพลงโชว์พลังเสียงสด ๆ ในรายการในวันพรุ่งนี้ด้วย
"งดดื่มน้ำเย็น เข้าใจไหม แล้วตอนนี้ฉันให้เธอพักแค่ยี่สิบนาที เจอกันตรงหน้าห้องเธอนี่ โอเค" เสียงเขาสั่งกำชับ
"ไปไหนคะ" เธอถามทำหน้าสงสัย เพิ่งเดินทางมาถึง นั่งเครื่องตั้งนานโขเป็นหลายสิบชั่วโมง เขาจะพาเธอไปไหน