"ฟิตเนส ฉันจองเทรนเนอร์ไว้แล้ว" เขาบอกทำหน้ากวน
โซเฟียได้แต่ทำหน้าเซ็งสุด ๆ แต่ก็ต้องยอมจำนน ใจอยากจะเถียงออกไปบ้าง และอยากเอ่ยปากขอร้องเขา อย่างน้อยก็ให้เธอพักสักหนึ่งหรือสองชั่วโมง แต่แค่เห็นหน้า เห็นสายตาของเขาแล้ว หญิงสาวรีบกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอแทบทันที
"Yes, sir" แล้วเธอก็พูดประโยคเดิม ซึ่งตอนนี้มันน่าจะกลายเป็นโลโก้ของเธอไปเสียแล้ว
แมคเวลเดินออกไปจากห้อง ตรงดิ่งกลับห้องพักของเขาที่อยู่เยื้องกับห้องพักของหญิงสาว
"โธ่เอ๊ย เนี่ยถ้าไม่เห็นแก่มามี้นะ เชอะ" เธอทำปากยื่นยาวตามหลังเขาไป
โซเฟียเข้าห้องแล้ว เธอก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกกำลังกายอย่างรวดเร็ว เปิดประตูห้องออกไป พี่แกก็มายืนหน้าเหม็นอยู่ตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว
กิจกรรมโปรโมตเพลงของเธอที่นี่ ทั้งสนุกและทั้งเหนื่อย โซเฟียเหมือนได้กลับบ้านเจอญาติพี่น้อง เพราะแต่ละคนช่างน่ารักและดูเป็นมิตร
เรื่องที่ค้างคาใจ ทำให้เธอเปิดอินเทอร์เน็ตหาข้อมูลเกี่ยวกับชื่อสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เธอเคยอยู่มา ก่อนที่คุณพ่อกับคุณแม่จะรับเธอไปเลี้ยง หญิงสาวส่งอีเมลไปหา บอกว่าอยากไปเยี่ยมเยือน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว จุดประสงค์ของเธอคืออยากถามไถ่ถึงพี่หรือน้องของเธอ ว่ามีอยู่จริงหรือไม่
ตามหลักการแล้ว สัญญาที่พ่อแม่บุญธรรมต้องรับรู้ และเป็นกฎที่สำคัญมาก คือ จะไม่เปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับตัวเด็กให้กับเด็กที่รับไปอุปถัมภ์ทราบ แต่ทุกอย่างโซเฟียได้ทราบ เพราะเธอเป็นคนค้นหาข้อมูลเอง หญิงสาวเริ่มฝันเห็นคนที่หน้าเหมือนกับเธอถี่จนเกินไป จึงเกิดข้อกังขาและนั่นเป็นที่มาของเรื่องที่เธอต้องการค้นหาความจริง
สิ่งที่โซเฟียได้มาจากสมุดไดอารี่ของคุณพ่อที่ท่านยังเก็บเอาไว้ โดยมันถูกจัดวางไว้บนชั้นวางหนังสือในห้องทำงานของท่าน ซึ่งสิ่งที่เธอเจออีกอย่าง คือ รูปถ่ายเด็กผู้หญิงฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนเธออย่างกับแกะ นั่งอยู่หน้าป้ายที่เขียนเป็นตัวหนังสือภาษาไทย เธอเอาไปให้เพื่อนที่รู้จักที่เป็นคนไทยดู ซึ่งเขาก็เขียนให้เธอเป็นภาษาอังกฤษ เป็นชื่อของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งในประเทศ และตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่
“โซเฟียอย่าลืมจัดกระเป๋าให้เสร็จเรียบร้อยนะ เดี๋ยวเราจะเช็กเอาต์ออกจากโรงแรมเลย มีการเพิ่มตารางการทำงานนิดหน่อย" เขาออกคำสั่งกับเธอ ขณะที่เดินขึ้นลิฟต์มาด้วยกัน
"หา" เธออุทานเสียงดัง เพราะแค่นึกถึงเสื้อผ้า และข้าวของที่วางกระจัดกระจายเต็มไปทั้งห้องแล้วแทบหน้ามืด
"ทำไม เธอมีปัญหาอะไร เที่ยวบินจะออกในอีกห้าชั่วโมง เราจะบินไปประเทศไทย ต้องไปโปรโมตเพลงที่นั่นอีกสองวัน หลังจากนั้น ฉันจะพักสักห้าวัน ก่อนที่เราทั้งสองคนจะบินกลับลอนดอน" เขาบอกถึงแผนการของตัวเองที่ได้จัดวางไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวเธอมีหน้าที่ต้องทำตามที่เขาสั่งได้เท่านั้นเอง
"เอ่อ ผู้จัดการคะ ห้าวันที่ เอ่อ ที่เหลือเป็นฟรีเดย์ใช่ไหมคะ" เธอเอ่ยถามเขาท่าทางกริ่งเกรง
"ทำไม" เสียงเข้มๆ ถามออกมา พร้อมกับสายตาขี้สงสัย
"โซเฟียจะไปไหนก็ได้ใช่ไหมคะ” เธอย้ำคำถาม
“คือโซเฟียไม่รู้ว่าผู้จัดการอยากจะเที่ยวที่ไหน แต่โซเฟียก็อยากจะไปเที่ยวของโซเฟียเองบ้าง ในที่ที่โซเฟียอยากไป" เธอพูดออกไปตามใจที่เธออยากพูด และเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่า เธอก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าของเขาสักเท่าไร
"ได้ แต่มีข้อแม้นะ พาสปอร์ตเธอต้องอยู่ที่ฉัน ฉันให้เธอพกได้แต่ตัวสำเนาเท่านั้น ถ้าเธอตกลงแบบนี้ ฉันก็ไม่มีปัญหา" คำตอบของเขาทำให้เธออยากจะกรี๊ดใส่หน้าของเขานัก แต่ก็แสร้งยิ้มออกมาก่อนจะตอบตกลง
‘กรุงเทพฯ Thailand กรุงเทพฯ Thailand กรุงเทพฯ Thailand’ เธอพร่ำเรียกท่องชื่อนี้วนอยู่ในใจ สายตาและใบหน้ายกยิ้มออกมาตลอดเวลา จนแมคเวลทำหน้าฉงน
‘ช่วงนี้โซเฟียดูเพี้ยนๆ สงสัยเธอจะเหนื่อยมาก เอ้...หรือเราคงเข้มงวดกับเธอมากเกินไปนะ’ เขาได้แต่ครุ่นคิดในใจ
ณ กรุงเทพมหานคร
พอเครื่องลงแตะพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ รถของสถานีโทรทัศน์และรายการชื่อดังก็มารับทั้งสองถึงที่สนามบิน แล้วขับตรงดิ่งเข้ารายการสดที่จะออกอากาศตอนสี่ทุ่มพอดี
การสัมภาษณ์และคำถามส่วนใหญ่ ผู้จัดการหนุ่มก็จะเป็นคนช่วยตอบเสียมากกว่า จนบางทีโซเฟียก็รู้สึกอึดอัด เธอได้แต่นั่งยิ้มสวย ๆ ตลอดเวลาที่นั่งให้สัมภาษณ์ จนถึงคำถามนี้
"คุณโซเฟียครับ หน้าตาของคุณเหมือนคนเอเชียมาก ไม่ทราบว่า เรื่องราวความเป็นมามันเป็นยังไงครับ เพราะเห็นรูปถ่ายของครอบครัวของคุณ คุณโซเฟียมีใบหน้าไม่ค่อยเหมือนคุณพ่อคุณแม่สักเท่าไรนะครับ"
เธอได้แต่ยกยิ้ม และก็เลี่ยงตอบคำถามออกมาอย่างชาญฉลาด
"ขอบคุณมากค่ะ ที่บอกว่าหน้าตาโซเฟียมาทางเอเชีย จริง ๆ แล้วโซเฟียก็หน้าเหมือนแม่นะคะ แต่อาจจะเป็นเพราะสีผมของโซเฟียก็ได้ค่ะ ที่โซเฟียย้อมสีผมให้เข้มเหมือนคนเอเชีย เพราะชอบคนเอเชีย และคนไทยมากค่ะ ขอบคุณอีกครั้งที่คนไทยให้ความสนใจ และฟังเพลงของโซเฟีย จริง ๆ โซเฟียก็อยากเป็นคนไทยมากเลยนะคะ หากมีโอกาสจะขอสมัครเป็นลูกหลานของคนไทยด้วยคนค่ะ"
พิธีกรถึงกับยิ้มหวาน ตอบออกมาว่า
“ยินดีมากครับ”
แมคเวลถอนหายใจออกมาแรง ๆ หลังจบรายการ ก่อนจะสบถออกมาพอที่จะให้เธอได้ยินด้วย
"เดี๋ยวต้องขอคำถามจากรายการต่อไป ที่จะเชิญเราไปสัมภาษณ์มาเช็กก่อน Shit" ก่อนจะฉวยข้อมือเธอมาจับ ให้รีบเดิน เพราะเขาอารมณ์เสีย
เธอได้แต่ปลง โซเฟียมองด้านข้างใบหน้าของเขา ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
คืนนั้นเธอแทบสลบเพราะความเหนื่อย แค่หัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย เสียงโทรศัพท์ดังปลุกเธอแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น เพราะต้องไปให้สัมภาษณ์อีกหลายรายการ
เมื่อหมดเวลาทำงานที่กรุงเทพฯ แมคเวลยื่นสำเนาพาสปอร์ตให้กับเธอ ก่อนที่จะสั่งกำชับให้หญิงสาวขนสัมภาระลงมาฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ข้างล่าง และให้นำสิ่งของที่จะพาติดตัวไปเที่ยวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
เขาบอกเธอว่าจะไปเชียงใหม่ โซเฟียได้ยินแค่นั้นเธอก็หูผึ่ง ก่อนจะขอตามเขาไปเที่ยวด้วย ให้เหตุผลว่าเธอก็อยากจะไปเชียงใหม่อยู่เหมือนกัน และเธอค่อยไปแยกกับเขาที่นู่น
แมคเวลตกลงแต่โดยดี ดูท่าทางเธอลันล้า และมีความสุขมาก
ณ อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่
"แม่ครับ พ่อครับ วันพรุ่งนี้ กั้งจะขนลำไยที่เก็บอบแห้งไว้ ไปส่งที่โรงงานลำไยอบแห้งที่ลำพูนนะครับ แล้วจะแวะเที่ยวเชียงใหม่สักสามวัน" กั้งตะโกนบอกพ่อแม่ ในสิ่งที่เขาจะทำในวันพรุ่งนี้ ปัจจุบันเขาก็พลอยเรียกคุณอาทั้งสองว่า คุณพ่อคุณแม่ตามแก้มไปด้วยอีกคน
"ไปด้วยพี่กั้ง" แก้มตะโกนออกมาจากในครัว เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด
“แก้มจะไปหาซื้ออุปกรณ์มาทำขนมด้วยแม่ แถวนี้มันไม่มีขายเลยค่ะ ที่เชียงใหม่มันมีให้เลือกเยอะ" เธอเอ่ยบอกทำหน้าตาดีใจ
"นู่น ไปถามพี่กั้งนู่น ถ้าพี่ให้ไปด้วย แม่ก็ให้ไป" แม่บอก ก่อนจะทำหน้าบุ้ยใบ้ให้เธอเข้าไปคุยกับพี่ชาย แก้มคลานเข่าเข้าไปอ้อนพี่ชายใกล้ ๆ เขากำลังนั่งตั้งใจดูทีวีรายการโปรดอยู่
"ไปได้สิ แต่พี่ต้องเอาลำไยไปส่งที่ลำพูนก่อนนะ ค่อยย้อนกลับมาเชียงใหม่กัน" พี่กั้งหันมาบอก ก่อนจะหันไปสนใจรายการทีวีต่อ
แก้มดีใจรีบวิ่งกลับเข้าไปในครัว รีบบอกแม่และถามไถ่ว่าแม่จะเอาอะไรเป็นพิเศษไหม
กั้งนั่งพิศพิเคราะห์หน้านักร้องที่กำลังให้สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องปร๋อในรายการทีวีที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ ดูอย่างไรนักร้องคนนั้นก็ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับน้องสาวของเขามาก ชายหนุ่มได้แต่สะบัดหัวตัวเองแล้วพูดออกมาว่า เป็นไปไม่ได้
วันรุ่งขึ้นแก้มมาช่วยพี่ชายขนของขึ้นรถอย่างขะมักเขม้น ตอนที่นั่งรถไปด้วยกัน เธอเอ่ยขออนุญาตกับเขาว่า พอไปถึงเชียงใหม่เธอขอไปพักกับเพื่อนได้ไหม เพราะเพื่อนจะแต่งงาน แล้วค่อยกลับบ้านทีหลังกั้ง เมื่อเสร็จงานแต่งของเพื่อนเรียบร้อยแล้ว
กั้งย้อนถามกลับเธอว่า ได้ขออนุญาตคุณพ่อกับคุณแม่แล้วหรือยัง เธอส่ายหน้ารัว ๆ ก่อนจะยกมือไหว้ ออดอ้อนเขายกใหญ่ กั้งได้แต่พยักหน้าให้ แต่เขาก็รีบบอกว่าจะอยู่ต่ออีกหลายวันเป็นเพื่อนก็ได้ แล้วค่อยกลับบ้านไปพร้อมกัน
เธอเขย่าแขนของเขาด้วยความดีใจ แก้มร้องเพลงคลอตามเสียงเพลงในรถไปอย่างอารมณ์ดี กั้งส่ายหัว หันไปดูน้องสาวเป็นระยะ ดูเหมือนเธอจะเป็นคนว่านอนสอนง่าย แต่ในบางมุมก็แอบดื้อเอาเสียมาก ๆ
เขาไปส่งน้องสาวถึงบ้านเพื่อนในตัวเมืองเชียงใหม่ และเธอก็เอ่ยชื่อโรงแรมที่เพื่อนสาวจะจัดงานแต่งงานให้เขารู้ด้วย ก่อนจะแบมือขอเงินพี่ชายไว้ติดกระเป๋าและซื้อเสื้อผ้าใหม่ กั้งล้วงให้ ก่อนจะกำชับให้เธอใช้เงินอย่างประหยัด และกลับบ้านไปเที่ยวนี้ เธอต้องทำงานชดใช้เขาให้มากกว่านี้ แก้มก้มหัวน้อมรับอย่างเต็มใจ ยกมือโบกให้ รอจนพี่ชายออกรถไปจนลับตา