เหมยเหมยไม่มีเวลามาปลอบนาง นางต้องรีบไปตามหมอหลวงมาให้ทันก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์แต่นางก็ไม่รู้ว่าวิธีใดจะช่วยหยุดพิษได้นี่สิ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ต้องทำสิ่งใดสักอย่างก่อนที่จะไม่ทันการณ์ นางเดินออกมาจวนเกือบจะถึงจวนท่านหมอหลวง
ฟึบ
ร่างเงาสายหนึ่ง เข้ามาขัดขวางนางไว้ได้ทันก่อนที่จะได้เคาะประตูเรียก ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืด ชายผู้นี้อยู่ในชุดอาภรณ์เรียบง่ายแต่ดูสูงศักดิ์ด้วยลายปักประณีต และที่ทำให้นางต้องสั่นกลัวเพราะหยกแกะสลักที่ห้อยข้างเอวของเขาสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นเชื้อพระวงศ์นั่นทำให้นางรีบคุกเข่าก้มหัวลงในทันที
“มะ หม่อนฉันขอคารวะองค์ชายเจินซือเพคะ”
“บ่าวของพระชายาหลันฟู่อิงมาเยือนถึงเรือนของหมอหลวงกลางงานอภิเษกเช่นนี้ มีผู้ใดเป็นอะไรงั้นหรือ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่เจินซือรับรู้อยู่แล้วว่าบ่าวของนางมาเพื่อสิ่งใด
“คะ คือว่า”
“ตอบข้ามา!”
เสียงดุดันเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความมืด บุรุษในอาภรณ์สีแดงสวมเครื่องในวันงานอภิเษกก้าวเดินออกมาจากเงามืด ใบหน้าคมคายฉายแววดุดัน องค์ไท่จื่อ! เหมยเหมยแม้จะเป็นบ่าวใช้คนสนิทของหลันฟู่อิง แต่ไหนเลยจะไม่นึกสั่นกลัวยามอยู่ต่อหน้าเหล่าเชื้อพระวงศ์ ทั้งยังมีถึงสองพระองค์เช่นนี้ หากนางพูดความจริงไปแล้วนั้นมิใช่ทั้งนางและทั้งตระกูลหลันจะต้องย่อยยับลงหรือ เมื่อนางอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบแต่โดยดี ลู่เฉิงจึงชิงตัดพูดขึ้นมาก่อน
“พวกเจ้านายบ่าววางแผนชั่วร้ายอันใดอีก!!”
“หม่อมฉันมิกล้า ฮะ ฮูหยินรู้สึกไม่สบายหม่อมฉันเลยจะตามหมอหลวงไปดูอาการเพคะ”
“รู้ตัวหรือไม่ว่าพูดปดต่อเบื้องสูงมีโทษถึงตาย!” ลู่เฉิงตะคอกเสียงดุดัน จนเหมยเหมยสั่นด้วยความหวาดกลัว
“มะ มะ หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ” เหมยเหมยยังคงแสดงตนซื่อสัตย์ต่อตระกูลหลันทำให้บุรุษทั้งสองไม่อาจจะทำสิ่งใดต่อไปได้อีก แม้เขาอยากจะจับนางมารีดเค้นคำตอบแต่ก็ไม่อาจจะทำการอุกอาจซึ่งหน้าได้ เพราะพิษที่นางลอบนำมานั้นเป็นชนิดที่หาได้ยากในเมืองหลวงและตรวจสอบได้อย่างยากยิ่ง แม้เจินซือจะนำความมาบอกเขาและบอกว่าเขาจัดการเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่เขายังไม่วางใจ หากครานี้เขาจะยังจับไม่ได้แต่สักวันเขาจะนำความผิดที่นางก่อมาลงโทษนางให้สาสมให้จงได้
“ฝากไปบอกนายของเจ้า หากคิดจะทำสิ่งใดเสียนอวี้ข้าจะไม่ปรานีนางอีกต่อไป”
“เพคะ องค์ไท่จื่อลู่เฉิง!”
นางคำนับลงอีกครั้งจนเกิดเสียงดัง ลู่เฉิงเดินจากไปพร้อมกับเจินซือ เหมยเหมยเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหายไปแล้ว นางเงยหน้าขึ้นมาสีหน้าไม่สู้ดีนัก นางจะทำเช่นไรดี นางไม่สามารถเรียกหมอหลวงได้อีกแล้วมิเช่นนั้นจะต้องเกิดพิรุธมากมายที่จะส่งผลให้คุณหนูของนางโดนอันตรายเป็นแน่ สิ่งที่บ่าวนางนั้นพูดอาจจะมิความจริงไม่ถึงครึ่งส่วนนี่อาจจะเป็นเพียงแผนการของผู้ใดสักคนที่ปองร้ายคุณหนูของนาง นางได้แต่ภาวนาว่าคุณหนูของนางจะไม่ได้ดื่มยาพิษนั้นเข้าไปเสียเอง!
หลันฟู่อิงมองหาลู่เฉิงอยู่นาน ภายในชั่วครู่เดียวเขาก็คลาดจากสายตาของนาง อีกไม่กี่ชั่วยามนางจะต้องเข้าไปรอเขาในตำหนักและรับเหล้ามงคลพร้อมกัน ขนาดในงานมงคลเช่นนี้เขายังไม่นึกถึงหน้านางหายไปจากในงาน ทิ้งนางไว้ตรงนี้แต่เพียงผู้เดียวได้อย่างไร
หลันฟู่อิงวางท่าเย่อหยิ่งเช่นเดิมยามมีคนเข้ามาทักทายนาง นางกล่าวเพียงว่าองค์ไท่จื่อทรงมีธุระงานด่วนต้องสะสาง เหล่าสตรีน้อยใหญ่เพียงยิ้มรับตามมารยาทแต่คล้อยตามหลังนางไปแล้วนั้นกลับส่งเสียงหัวเรอะคิกคัก ด้วยเหตุที่ว่า ในงานวันแต่งพระสวามีกลับมิได้สนใจ
“อิงเอ๋อ เหตุใดจึงมีสีหน้าเช่นนั้นลูกพ่อ”
“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านพ่อ และได้โปรดเรียกข้าว่าพระชายาด้วย”
“หม่อมฉันขออภัย เหตุใดพระชายาจึงมีสีหน้าเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
หลันตั้วฮูเดินเข้ามาเมื่อเห็นบุตรีผู้เป็นที่รักนั่งอยู่เพียงผู้เดียว สายตาเขามองไปยังที่นั่งด้านข้างที่ว่างเปล่าของนาง ในใจพลันรู้สึกหนักอึ้ง เมื่อสามปีก่อนนางเฝ้าร้องขอให้เขารีบตบแต่งนางเข้าตำหนักองค์ไท่จื่อทันทีที่นางเข้าถึงวัยปักปิ่น ก่อนหน้านั้นแม้องค์ไท่จื่อจะร้องขอให้ยกเลิกการหมั้นหมายแล้วแต่นางกลับไม่เคยยินยอมจะถอนหมั้น เขาจับสังเกตมานานว่าองค์ไท่จื่อลู่เฉิงนั้นหาได้มีใจให้บุตรีของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เพื่อความสุขของลูกแล้วนั้นเขาจึงไม่อยากคิดจะขัดขวางความรักของนาง หลันฟู่อิงเสียมารดาไปตั้งแต่น้อยทำให้เขาไม่มีเวลาเลี้ยงดูนางเท่าที่ควรเนื่องด้วยงานก็รัดตัว แต่นางก็สามารถเติบโตมาเป็นหญิงสาวผู้เพียบพร้อมและสง่างามได้เช่นนี้เขาก็ยินดียิ่งแล้ว อย่างอื่นนั้นเขาจะทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งอย่างไรนางก็เป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเขา
หลันตั้วฮูผู้เป็นถึงองค์ราชครูขององค์รัชทายาทเขาใช้ตำแหน่งของเขาและเส้นสายในการขอหมั้นหมายกับองค์ไท่จื่อตามที่บุตรีเขาต้องการ และด้วยความที่องค์รัชทายาทนั้นเคารพนับถือเขาอย่างมากจึงมิได้คัดค้าน
“ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าตัวข้านั้นเป็นเช่นไรแต่ข้าปรารถนาและอยากเพลิดเพลินไปกับความสุขชั่วขณะนี้เพียงเท่านั้น ข้าขอมากไปหรือ”
“จงตักตวงความสุขที่เจ้าหวังนั้นเถิด อย่างไรบ้านของเจ้าก็จะยังคงเป็นบ้านของเจ้า ข้ายินดีต้อนรับเจ้าเสมอ”
หลันฟู่อิงเหม่อมองออกไปไม่รู้ในอนาคตนั้นจะเป็นเช่นใดต่อไป แต่ตอนนี้นางอยากมีความสุขที่จะได้อยู่ข้างกายเขาหากตำราบอกผู้หญิงนั้นมักจะโง่ในเรื่องของความรัก นางนั้นนับเป็นหญิงที่โง่ที่สุดเลยก็ว่าได้ หลันฟู่อิงหันไปยิ้มเศร้าสร้อยให้กับพ่อของนาง
ภาพเศร้าหมองของนางไม่อาจจะรอดพ้นสายตาของลู่เฉิงไปได้ ในใจเขาพลันรู้สึกเห็นใจนางแต่เพียงชั่วครู่ก็กลับมาโกรธเกลียดนางเช่นเดิมเมื่อนึกถึงเรื่องที่นางกระทำร้ายกาจต่อเสียนอวี้และวางแผนลอบวางยาเขาจนเขาต้องตบแต่งนางเข้าตำหนักอย่างคัดค้านไม่ได้ ร่างสูงเดินไปถึงก่อนจะก้มโค้งคำนับท่านราชครูหลันตั้วฮู
“ท่านราชครู”
“ไทจื่อ เช่นนั้นกระหม่อมขอตัว ได้โปรดดูแลอิงเอ๋อแทนกระหม่อมด้วย”
“อืม”
ลู่เฉิงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก ดูแลหรือหึ เขาจะดูแลนางอย่างดีจนนางต้องร้องขอชีวิตจากเขาเลยนั่นแหละ หากนางยังคิดร้ายต่อผู้อื่นอยู่เช่นนี้เห็นทีเขาคงจะต้องผิดคำสัญญากับท่านราชครูในสักวัน
หลันฟู่อิงทำความเคารพท่านพ่อของนางก่อนจะรีบรินชาลงถ้วยของลู่เฉิงที่เดินเข้ามานั่งข้างนาง นางคิดดีใจที่เขาไม่ได้หายหน้าไปทั้งงาน นางหยิบถ้วยส่งให้เขาอย่างต้องการเอาใจ
“ท่านพี่ ท่านดื่นสุรามามากดื่มชาตัดรสสุราก่อนเถิด”
“หึ สตรีเช่นเจ้ากล้าเรียกข้าว่าท่านพี่แล้วงั้นรึ ช่างหน้าไม่อาย”
“แต่เราเป็นสามีภรรยาตบแต่งกันอย่างถูกต้องแล้วนะเพคะ ข้าเรียกท่านพี่..”
ปึก!
ลู่เฉิงกระแทกถ้วยจนน้ำชาหกไปทั้งโต๊ะ สายตาคมเย็นชาฉายแววเย้ยหยัน “มันก็แค่ตำแหน่งสวยหรูที่เจ้าคิดฝันไปเอง แต่สำหรับข้าเจ้าเป็นเพียงสตรียามที่ข้าต้องการจะปลดปล่อยก็เรียกหาเท่านั้น!”
สิ้นคำพูดของลู่เฉิง มือหยาบก็ลากนางออกไปจากงานในทันที สุราหมักที่ดื่มไปมากมายทำให้สติของลู่เฉิงนั้นไม่อาจจะควบคุมทั้งความโกรธและความอับอายที่ถูกผู้หญิงบอบบางเช่นนางหลอกลวงได้ทำให้เขาเกิดบันดาลโทสะอยากจะแก้แค้นนางให้สาสมกับที่นางกระทำไว้ยิ่งนัก
ร่างบางที่ถูกกระฉากลากถูออกไปจากงานเรียกสายตาทุกคู่จากภายในงาน พวกเขาต่างคิดว่าองค์ไท่จื่อคงจะอดทนไม่ไหวแล้วเป็นแน่แท้ก็เจ้าสาวของเขาทั้งงดงามถึงเพียงนั้น เหล่าผู้มาร่วมงานทั้งหลายได้แต่หน้าขึ้นสีไปตามๆ กันเมื่อรับรู้ได้ว่าหลังจากนี้จะเกิดสิ่งใดขึ้น
ลู่เฉิงลากนางมาจนถึงหน้าตำหนักของเขา หัวหน้านางกำนัลของตำหนักองค์ไท่จื่อลู่เฉิงรีบเดินออกมาต้อนรับเขาในทันทีพร้อมกับเหล่าข้ารับใช้ที่เดินตามมา
“คารวะองค์ไทจื่อเพคะ”
“เตรียมยาห้ามครรภ์ไว้ด้วย! คืนนี้เจ้าได้เจอกับนรกของจริงแน่” ประโยคสุดท้ายเขาหันมาพูดกับหลันฟู่อิงที่ยืนหน้าซีดทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกเขาเรื่องหน้าไม่อายออกมาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ เหล่านางกำนัลทั้งหลายได้แต่ยืนก้มนางหน้าแดงระเรื่อเมื่อองค์ไท่จื่อพูดออกมาเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันที่หลันฟู่อิงจะได้กล่าวอะไรร่างสูงก็กระชากนางตรงไปยังห้องที่ด้านหน้าถูกตกแต่งด้วยผ้าสีแดงบริเวณหน้าประตู ร่างสูงกระชากประตูหาได้สนใจความสวยงามภายในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างงดงาม
ปัก!
เขาผลักนางชนกับผนังห้องอย่างแรง ร่างบางรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว
“ทะ ท่านพี่เหล้ามงคลเล่าเพคะ”
“เจ้ายังหวังให้ทำตามจารีตประเพณีอีกหรือ ในเมื่อสตรีเช่นเจ้านั้นลอบวางยาข้าถวายตัวให้ข้าก่อนแต่งเสียอีก!”