bc

BAD PRISON ขังรัก 18+ ( มาเฟียบลูไนท์)

book_age18+
3.3K
FOLLOW
11.5K
READ
HE
forced
badboy
heir/heiress
bxg
campus
cruel
friends with benefits
like
intro-logo
Blurb

ในบางครั้งที่ที่อันตรายที่สุด กับเป็นที่ปลอดภัยและอบอุ่นใจที่สุดของเรา และเขาคือบลูไนท์ ผู้ชายที่อันตราย ใจร้าย และฉันคือคนเดียวที่ถูกขังเอาไว้ในใจของเขา..

BAD PRISON

-ขังรัก -

นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้เขียน

และอยู่จริงในจินตนาการของนักเขียนเพียงเท่านั้น

อาจมีถ้อยคำ, พฤติกรรมความรุนแรง

ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

คำเตือน

หนังสือเล่มนี้ถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้เขียน: อยู่ในตะเกียงแก้ว

หากมีการเผยแพร่ หรือทำซ้ำ ดัดแปลง**

สามารถดำเนินการตามกฎหมายคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

พ.ร.บ ลิขสิทธิ์ 2537 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

Do not copy, Reproduce, Plagiarism

 

  Your wolves

นิยายเซ็ท: ครูซ บลูไนท์ มอร์ฟิน จีซัส แอลตัล

 

BAD PRISON 20++ (BlueNight & PibPreaw)

R u ready to be my Prison…

 

Blue Night | บลูไนท์

 

"แสดงได้ดีนะ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องเฟคทำเหมือนไม่เคยหรอก!!"

"เพราะถ้าฉันเอามันเข้าไป… แล้วเธอไม่ได้บริสุทธิ์อย่างที่พูด เธอและพ่อก็แค่ตาย!!"

ส้วบบบบบ!!!!!!!

 

"อื้ออส์! ฉันเจ็บ…”

 

PibPreaw | พริบพราว

"อย่าไปเลยนะ..."

"มันไม่ใช่เรื่องของเธอ หุบปาก!!" 

….

……

"พราว!!!!! แม่งเอ้ยย" 

BOOK RECOMMENDATIONS 

Next book

SEXAHOLIC ผู้หญิงขาดเซ็กส์ไม่ได้ (Morfin & Sammy)

(มีขายแล้วใน MEB)

 ? : Your wolfs

นิยายเซ็ท: ครูซ บลูไนท์ มอร์ฟิน จีซัส แอลตัล

Morfin |มอร์ฟิน. & Sammy | แซมมี่.

เมื่อคุณมีปีศาจร้ายแฝงอยู่ภายใน

ถ้าควบคุมมันไม่ได้ ชีวิตก็จะพังแบบที่ฉันกำลังเผชิญ

ปีศาจร้ายที่มีชื่อว่า...นิมโฟมาเนีย

นิยายเซตหมาป่า  

Bad Dejavu เพื่อนรักหรือรักเพื่อน

- Alton & Evalyn - แอลตัล

Bad Boy Set Me Free รักร้ายผู้ชายซ่อนผี

- Jesus & Thongmontra - จีซัส

FIRST LOVE เผลอรักหมดใจผู้ชายแบดบอย

-Cruz & Mira- ครูซ

chap-preview
Free preview
Ep.1 Call me devil
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับนิยายเรื่องนี้. ( แก๊งหมาป่า ) BAD BOY SET ME FREE รักร้ายผู้ชายซ่อนผี จีซัส BAD DEJAVU เพื่อนรักหรือรักเพื่อน แอลตัล SEXAHOLIC ผู้หญิงขาดเซ็กส์ไม่ได้ มอร์ฟิน FIRST LOVE เผลอรักหมกใจผู้ชายแบดบอย ครูซ gr Ep.1 Call me devil PIB-PREAW’S STORY Let's begin... “ของขวัญสำหรับลูกสาวคนเก่งของพ่อที่เรียนจบสามปีครึ่ง แถมยังได้เกียรตินิยมอันดับ 1 อีกต่างหาก” คุณพ่อโอบกอดฉันเอาไว้อย่างเอ็นดูและรักใคร่ในวันที่ฉันกลับมาถึงบ้านที่เมืองไทยหลังจากที่ฉันได้ทุนไปเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย ด้าน Business Management หรือด้านการจัดการบริหารทางธุรกิจ ของขวัญที่พ่อว่า ก็มีน้าผึ้งเดินถือของขวัญนั้นเอามายื่นให้กับฉัน “น้ายินดีด้วยนะ พริบพราว” น้าผึ้ง ภรรยาของคุณพ่อก็เดินมาจับมือร่วมแสดงความยินดีกับฉันด้วยอีกคน ก่อนจะส่งกล่องของขวัญเล็ก ๆ สีครีมผูกด้วยโบว์สีชมพูให้กับฉัน “ขอบคุณนะคะน้าผึ้ง” ฉันก็น้อมรับอย่างมีมารยาท พอแกะกล่องเปิดดูก็ต้องตกใจ เพราะว่า “มัน... แพงเกินไปหรือเปล่าคะพ่อ?” ฉันถามอย่างไม่กล้ารับ กุญแจรีโมตรถ BMW ใหม่เอี่ยมที่อยู่ในกล่องที่เหมือนเพิ่งซื้อมาจากโชว์รูมหมาด ๆ ด้วยป้ายการ์ดที่บอกวันเดือนปีที่ท่านเพิ่งซื้อ และการ์ดของสมนาคุณต่าง ๆ “ปีนี้พ่อได้โบนัสเยอะน่ะลูก” พ่อยิ้มแย้มด้วยสายตาที่มีความสุข ที่ได้มอบของขวัญให้กับฉัน แต่พอฉันมองดูทุก ๆ อย่างในบ้าน ล้วนเต็มไปด้วยของมีค่า มีราคาจนน่าตกใจอยู่เหมือนกัน เพราะเมื่อก่อนเราไม่ได้ซื้อของที่ราคาแพงได้มากขนาดนี้ “พี่พราว!!” เสียงเด็กผู้หญิงวัยย่าง 16 ปีตะโกนเรียกฉันลั่น ก่อนจะวิ่งถลาเข้ามากอดอย่างคิดถึง “ไงจ๊ะ แพรวดาว สบายดีนะ” ฉันก็ทักทายแพรวดาวเช่นเคย จริง ๆ แพรวดาวก็คือลูกสาวของน้าผึ้ง และเป็นน้องสาวแท้ ๆ ที่เกิดจากพ่อเดียวกับฉัน และเป็นน้องสาวที่ฉันรักมากที่สุด “นี่... เราย้ายโรงเรียนแล้วเหรอ?” ฉันหันไปถามทางพ่อกับน้าผึ้งอย่างแปลกใจ เพราะเมื่อก่อนแพรวดาวเรียนโรงเรียนรัฐบาลชื่อดัง แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาใส่ลายสกอตเหมือนอยู่โรงเรียนนานาชาติซะมากกว่า ซึ่งนานาชาติที่ว่าค่าเทอมหลายแสนอยู่เหมือนกันนะ “พ่อบอกว่า อยากให้แพรวดาวเก่งภาษาอังกฤษแบบพี่พราว เลยส่งหนูไปเรียนที่นี่ค่ะ” แพรวดาวตอบฉันทันที และยังคงกอดฉันแน่นไม่ปล่อยง่าย ๆ “พราวมาเหนื่อย ๆ น้าว่าไปอาบน้ำ และเดี๋ยวลงมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันดีกว่านะลูก เดี๋ยวน้ารีบไปเตรียมทำกับข้าวสำหรับมือเย็นดีกว่าเนอะเด็ก ๆ” น้าผึ้งเอ่ยและเดินมาช่วยฉันถือกระเป๋า แต่ฉันก็ส่ายหน้าเพราะไม่อยากรบกวนน้าผึ้ง ด้วยกระเป๋าที่น้ำหนักเยอะมากด้วย "จะทำทำไมให้เหนื่อยล่ะคุณ ผมจองร้านอาหารไว้แล้ว… รีบไปอาบน้ำและเดี๋ยวออกไปหาอะไรอร่อย ๆ ทานกันเถอะลูก" พ่อก็เข้ามาช่วยฉันยกกระเป๋าขึ้นไปเก็บที่ห้องนอนเช่นกัน แม้จะรู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่ฉันก็ไม่ทันได้คิดอะไรมากนัก ด้วยความที่บ้านของเราใช้ชีวิตเรียบง่ายมาตลอด ฐานะของเราก็อยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่มีคุณพ่อที่เป็นเสาหลักของบ้านเพียงคนเดียว เราจึงมักจะประหยัดและไม่ฟุ่มเฟือยเท่าไหร่ "หนูคงต้องรอใบจบก่อนนะคะ และก็กลับไปทำเรื่องรับปริญญาก่อน จึงจะสามารถทำงานได้ และช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อได้..." ฉันหันไปบอกคุณพ่อหลังจากที่เราเดินขึ้นมาถึงห้องนอนของฉัน "ไม่เห็นต้องรีบทำงานขนาดนั้นเลยนี่พราว แค่พราวคนเดียวพ่อเลี้ยงดูได้สบายอยู่แล้ว..." พ่อวางกระเป๋าและลูบผมของฉันอย่างเอ็นดู "หนูอยากช่วยพ่อหารายได้อีกทางนี่คะ พ่อจะได้ไม่ต้องทำงานหนักแบบทุกวันนี้..." ฉันตอบไปตามตรงแม้ว่าจะรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่แปลก ๆ ไป พ่อหลบสายตาของฉันเล็กน้อย "อื้มม... งั้นก็แล้วแต่พราวแล้วกันนะลูก" พ่อพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินออกไป "พ่อคะ… พ่อมีอะไรที่อยากบอกหนูบ้างไหม?" ฉันตัดสินใจเอ่ยถามไปขณะที่พ่อกำลังจะปิดประตูห้องของฉัน "ไม่นี่ลูก" พ่อยิ้ม ๆ ก่อนจะปิดประตูลง ฉันกำกุญแจรถบีเอมฯ คันใหม่ในมืออย่างรู้สึกไม่ค่อยดี เหมือนมีลางสังหรณ์แปลก ๆ อื้ออออ อื้ออออ ไม่นานโทรศัพท์ที่เพิ่งใส่ซิมไทยของฉันมันก็สั่นขึ้นมา และเบอร์นั้นก็คือ ____พี่จินนี่____ "ยินดีต้อนรับกลับไทยจ้ะ คุณน้อง" เสียงปลายสายใสแจ๋วอย่างร่าเริง "สวัสดีค่ะพี่จินนี่" ฉันเอ่ยตอบไปอย่างงง ๆ ที่พี่จินนี่โทร. มาหา พี่จินนี่เป็นรุ่นพี่คนหนึ่งที่ฉันรู้จักและสนิทดี ซึ่งตอนนี้พี่เขาผันตัวไปเป็นผู้จัดการให้ดาราดัง ๆ แล้ว "ช่วงนี้ว่าง ๆ อยู่หรือเปล่า พราว" พี่จินนี่ถามด้วยเสียงอ้อน ๆ "อ่อ... พราวว่างนะคะ พี่จินนี่มีอะไรให้พราวช่วยหรือเปล่า" ฉันก็ตอบไปตามจริง "พอดีพี่เห็นในเฟซบุ๊กว่าพราวเรียนจบแล้ว... พี่ยินดีด้วยนะหนู ที่เรียนจบแล้วจากมหา’ลัยชื่อดัง แถมเรียนจบเกียรตินิยมด้วยอีกต่างหาก" พี่จินนี่พูดด้วยน้ำเสียงยินดี "อ่อ… ขอบคุณค่ะพี่จินนี่" ฉันก็คุยกับพี่จินนี่อย่างคุ้นเคย ๆ "คืองี้นะลูก พี่อะมีเรื่องจะถามพริบพราวหน่อย" พี่จินนี่ก็เริ่มพูดเข้าประเด็นทันที "คือว่าระหว่างที่พริบพราวรอทำเรื่องรับปริญญาน่ะ สนใจมาทำงานแทนพี่สักเดือนสองเดือนไหมจ๊ะ?" พี่จินนี่เริ่มอธิบายงานของเธอให้ฉันฟัง "อ่อ…" ฉันก็ยังคงนิ่งเพื่อฟังรายละเอียดต่อ... "ตอนนี้พี่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณคริส พราวพอรู้จักไหม?" พี่จินนี่พูดขึ้นถึงงานของเธอ "เออ… เดี๋ยวพราวเปิดหาข้อมูลในเน็ตก็ได้ค่ะ พอดีพราวไม่ได้อยู่ไทยนาน" ฉันตอบอย่างเกร็ง ๆ เพราะเอาจริง ๆ ตั้งแต่ไปเรียนที่ออสเตรเลียมา ฉันก็ไม่มีเวลาติดตามดูข่าวบันเทิงอะไรในไทยเลย ละครนี่แทบไม่รู้จัก "อะ ๆ ถือว่าก็ดีแล้วล่ะที่เราไม่ตามข่าวคาว ๆ พวกบันเทิงในไทยเยอะ เพราะข่าวพวกนั้นมีเรื่องไม่จริงซะเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของคุณคริสที่นักข่าวล้วนแต่นั่งเทียนเขียนซะส่วนใหญ่" พี่จินนี่ตอบกลับมา "คือว่าพี่กำลังจะขอลางานไปหาแฟนที่เกาหลีน่ะ และกลัวว่าจะไม่มีคนดูคิวงานให้คุณคริส พอเห็นเฟซบุ๊กพริบพราวเด้งขึ้นมา พี่ก็เลยคิดถึงเราเป็นคนแรกเลย เพราะพราวคือคนที่พี่ไว้ใจมากที่สุดถึงที่สุด..." พี่จินนี่พูดต่อด้วยเสียงที่มั่นใจในฉัน "งั้นก็พอดีเลยค่ะ หนูคิดว่าจะลองหาอะไรทำอยู่พอดีเลย งานนี้ดูน่าสนใจและท้าทายความสามารถหนูเช่นกัน..." ฉันตอบไปอย่างยินดี "งั้นวันพรุ่งนี้ สะดวกแวะมาเจอพี่กับคุณคริสหน่อยไหมลูก" พี่จินนี่รีบตอบมาอย่างดีใจ "ได้เลยค่ะพี่จินนี่ แล้วหนูต้องเตรียมตัวอะไรไหม?" ฉันเตรียมจดรายละเอียด "ไม่ต้องเลย พี่ว่าแค่พี่สอนนิดหน่อย พริบพราวก็ทำได้แล้วล่ะ เก่งขนาดนั้น" พี่จินนี่ยังคงพูดชมฉันไม่หยุด "ไม่ได้เก่งขนาดนั้นนะคะพี่จินนี่ ชมหนูเกินไปแล้ว" ฉันก็ตอบไปเพราะว่าฉันเองไม่ได้เก่งและรู้ไปทุกอย่างสักหน่อย "โอเค ๆ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะลูก สถานที่เดี๋ยวพี่ส่งให้ในข้อความ" พี่จินนี่รีบพูดขึ้นมา "โอเคค่ะพี่จิน" ฉันตอบรับไปทันที "ขอบคุณมากนะพริบพราว พี่รบกวนหนูแค่นี้แหละ บ๊ะบายจ้า" แล้วพี่จินนี่ก็วางสายไป "สวัสดีค่าาพี่จิน…" หลังจากที่กดวางสายของพี่จินนี่ไป ...MorFin miss called... มีสายของใครบางคนโทร. แทรกเข้ามาในระหว่างที่ฉันกำลังคุยกับพี่จินนี่พอดี และคนนั้นก็คือ...เขา...แฟนเก่าและแฟนคนแรกของฉัน เราไม่ได้ติดต่อกันมานานเกือบสามปี ...และวันนี้เป็นวันแรกที่ฉันเปิดเบอร์มือถือเบอร์เดิมที่ใช้ในไทย... __________ @ร้านอาหาร บนเรือสำราญ ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา "กินเยอะ ๆ สิ พริบพราวนี่ลูกผอมลงไปเยอะเลยนะ" พ่อตักอาหารบนโต๊ะวางในจานของฉัน บรรยากาศในครอบครัวของเรายังอบอุ่นเหมือนเดิม จริง ๆ แล้วแม่ของฉันท่านเสียไปนานแล้ว ส่วนน้าผึ้งก็เปรียบเสมือนแม่ของฉันอีกคนหนึ่งที่ดูแลฉันมาตั้งแต่เล็ก ๆ บ้านเราไม่เคยมีปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงอะไรนั่นเลย เพราะน้าผึ้งเองก็มาคบหากับพ่อหลังจากที่แม่ฉันเสียไปหลายปีแล้ว และเธอก็ไม่เคยเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับแม่เลยสักครั้ง และยังรักและเมตตาฉันเหมือนลูกแท้ ๆ "อ้าวคุณพสุธ!!!" เสียงของผู้ชายใส่สูทคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายพ่อของฉันทันทีที่เห็น "คุณภูผา สวัสดีครับ ๆ" พ่อยกมือไหว้เขาทันที จนทำให้ทุกคนบนโต๊ะต้องไหว้ตามทั้งที่คนตรงหน้าดูเด็กกว่าพ่อตั้งหลายปีด้วยซ้ำ "ไม่คิดเลยนะครับว่าจะมาเจอคุณที่นี่" ผู้ชายคนนั้นหันมามองทางฉันและนิ่งไปชั่วครู่ "นาน ๆ ทีจะออกมาฉลองนอกบ้านน่ะครับ พอดีว่าลูกสาวคนโตของผมเพิ่งเรียบจบมาจากออสเตรเลียเลยถือโอกาสมาฉลองกัน" พ่อลุกขึ้นจากโต๊ะและพูดกับคนตรงหน้าอย่างให้ความสำคัญ "จริงเหรอครับเนี่ย งั้นผมขอร่วมยินดีด้วยนะครับ" เขาหันมาทางฉันและยิ้ม "เอ่อ... ขอบคุณค่ะ" ฉันก็ตอบไปอย่างงง ๆ “งั้นไว้ถ้าคุณภูผาต้องการเมเนจเมนต์ฝีมือดี ฝากยัยพริบพราวไว้พิจารณาด้วยนะครับ” พ่อเตรียมฝากฝังฉันเอาไว้เต็มที่ แม้ว่าฉันอยากจะขัดท่านเหลือเกิน แต่ก็ไม่กล้าจะฉีกหน้าท่านในตอนที่ท่านกำลังคุยกับแขกที่ดูท่าว่าน่าจะสำคัญอย่างคุณคนนี้... “มันแน่อยู่แล้วสิครับ... คุณพ่อก็เป็นมือหนึ่งเรื่องบัญชี ผมเชื่อว่าลูกสาวคุณก็เก่งไม่แพ้กัน ยังไงผมยินดีร่วมงานด้วยอยู่แล้ว” คุณภูผาหันมายิ้มให้ฉันหลายครั้ง จนฉันเองก็ยิ้มแห้ง ๆ ไป "งั้นมื้อนี้ผมขอถือโอกาสเป็นเจ้ามือให้แล้วกัน ถือเป็นของขวัญแสดงความยินดีที่… ลูกสาวคนสวยของคุณพสุธเรียนจบ และก็ขอให้รับบริษัทไวน์เมาเทนส์ไว้พิจารณาเป็นที่แรกด้วยก็แล้วกันนะครับ..." เขาพูดอย่างสุภาพพลางขยิบตาให้ฉันเล็กน้อย "ขอบคุณมากนะครับคุณภูผา อีกไม่นานเกินรอแน่ ๆ" พ่อเองก็ดูมีท่าทียินดีปรีดา "ผมเองก็นับวันรอคุณพสุธอยู่แล้ว..." คุณภูผาอะไรนั่นตบไหล่ของพ่อฉัน ก่อนจะยิ้มให้ทุกคนในโต๊ะอย่างเป็นมิตร "ที่ไหนให้ผลตอบแทนผมดี ผมก็เลือกที่นั่นอยู่แล้ว ปากท้องคนในครอบครัวสำคัญนะคุณว่าไหม...” พ่อตอบกลับและทั้งคู่ก็หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ "เสียดายจังที่ผมมีนัดคุยกับลูกค้า ไว้โอาสหน้าผมขอร่วมโต๊ะกับทุกคนด้วยนะครับ วันนี้ขอตัวก่อน" เขาพูดทิ้งทาย “เชิญครับ ๆ คุณภูผา” พ่อฉันก็ยิ้มรับและผายมือเชิญเขาทันที "ไวน์เมาเทนส์?" ฉันทวนชื่อบริษัทนั้นเบา ๆ "ไว้พ่อจะเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกที" พ่อหันมาบอกฉันเมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของฉัน หลังจากที่คุณภูผาอะไรนั่นเดินออกไป... ในตอนแรกฉันก็อยากจะถามพ่อ แต่ว่าวันนี้ฉันมัวแต่ตั้งคำถามกับท่านมากจนเกินไปหรือเปล่า เพราะเอาจริง ๆ มันคงไม่ได้มีอะไรหรอกมั้ง ฉันไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายในงานของท่านหรือเปล่านะ "กินผักด้วยสิ แพรว" ฉันตักสลัดให้น้องสาวที่ไม่ยอมกินผักเลยสักนิด "มันขมนี่ พี่พราว" เด็กน้อยเอาแต่ส่ายหน้า “แต่มันดีต่อสุขภาพนะแพรว” ฉันลูบหัวของน้องสาวเบา ๆ พอกลับมาถึงบ้าน พ่อก็รีบเข้าห้องทำงานและเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในนั้น “มีเรื่องจะคุยกับพ่อเหรอลูก?” น้าผึ้งที่เดินเข้าไปเสิร์ฟกาแฟเห็นฉันยืนอยู่หน้าห้องทำงานของพ่อก็เลยถามขึ้น “เปล่าหรอกค่ะ” ฉันมองผ่านห้องกระจกทำงานเข้าไป เห็นพ่อกำลังนั่งพิมพ์เอกสาร ที่จัดเรียงเต็มโต๊ะไปหมด “พ่อหนูเขาบ้างานไม่เปลี่ยนไปเลย” น้าผึ้งมองไปที่พ่ออย่างยิ้ม ๆ “งั้นหนูไม่กวนเวลาพ่อดีกว่าค่ะ เข้านอนก่อนนะคะน้าผึ้ง พรุ่งนี้หนูมีไปสัมภาษณ์งานพอดี” ฉันจับไหล่ของน้าผึ้งเบา ๆ และยิ้มให้เธออย่างให้กำลังใจ เพราะน้าผึ้งเป็นแม่บ้านแม่ศรีเรือนที่ดีคนหนึ่ง เธอคงไม่ยอมนอนง่าย ๆ แน่ ถ้าพ่อยังคงทำงานอยู่แบบนี้ “หลับฝันดีนะลูก และก็ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะพราว” น้าผึ้งยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน วันต่อมา... “สวัสดีค่ะพี่คริสตัล หนูพริบพราวนะคะ” ฉันยกมือไหว้สวัสดีดารานางแบบรุ่นพี่ตรงหน้า หรือว่าที่เจ้านายคนใหม่ของฉันนั่นแหละ “อื้ม รุ่นน้องพี่จินนี่ใช่ไหม” เธอถามเสียงนิ่ง ๆ “ใช่ค่ะ” ฉันก็ตอบพร้อมกับก้มหัวเล็กน้อย เธอก็พยักหน้ารับรู้ และยิ้มบาง ๆ “ขาพี่คริสหายดีหรือยังคะ?” ฉันเอ่ยถามไปตามรายละเอียดที่พี่จินนี่ทิ้งเอาไว้ให้เรื่องการดูแลคุณคริส และก็อุปนิสัยส่วนตัวของเธอ “ก็ดีขึ้นแล้วนะ” เธอตอบกลับมาและจับที่ขาของตัวเองดูและส่ายหน้าเบา ๆ “แล้วจะเริ่มรับงานเดินแบบเลยไหมคะ?” ฉันมองลงที่ขาของเธอที่ช้ำบ้างเล็กน้อย แต่ก็ต้องถามเจ้าตัวก่อนจะรับงานให้อยู่ดี “ยังดีกว่า ไม่อยากใส่ส้นสูง” เธอส่ายหน้าทันที “โอเคค่ะ” ฉันตอบรับก่อนจะขีดฆ่ารายชื่องานที่เกี่ยวกับเดินแบบและส้นสูงทั้งหมดทิ้ง และยังคงนั่งดูคิวงานไปพลาง ๆ ในขณะที่พี่คริสก็นั่งทานอาหารของเธอไป บรรยายกาศในห้องวันแรก ยอมรับว่าค่อนข้างเกร็งอยู่เหมือนกัน แต่การจัดการคิวดาราไม่ได้ยากขนาดนั้นถ้าเทียบกับเลขหุ้น และการจัดสรรจำนวนสินค้า หรือบุคคล เรื่องนี้คือง่ายสำหรับฉันมาก ๆ และฉันจะทำมันให้ดีที่สุด “เอ่อ... พี่คริสคะ พอดีตอนนี้มีงานนึงเข้ามาใหม่...” ฉันเว้นระยะเพื่อตั้งคำถามกับคนตรงหน้า “งานอะไร?” เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย “เห็นเขาบอกว่าเป็นงานที่พี่เคยรับไว้” ฉันตอบไปตามเอกสารและตารางงานในไอแพดที่ขึ้นโชว์มาแบบนั้น “เคยรับไว้เหรอ?” เธอวางช้อนข้าวและงง ๆ “งานของคุณเฟียร์ค่ะ” ฉันอ่านชื่อจนเจอชื่อของเจ้าของงาน “งานของเฟียร์งั้นเหรอ??... โปรเจกต์มหา’ลัยอะนะ ...ถ่ายเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ??” เธอยื่นมือมาเพื่อขอดูเอกสารที่ฉันกำลังเพ่งเล็งอยู่ “ค่ะ แต่ว่าพี่เขาโทร. มาหาเมื่อกี้ ว่าเขาอยากคุยกับคุณคริส คุณคริสพอจะสะดวกไหม??” ฉันตอบไปก่อนจะยื่นโทรศัพท์ที่ใช้สำหรับรับงานถ่ายแบบให้คุณคริสดูอีกที “อ่อ ...เดี๋ยวฉันคุยเอง” เธอพยักหน้าก่อนจะรับไป “ค่ะ” ฉันก็ตอบอย่างรับรู้ ไม่นานเธอก็หยิบโทรศัท์ตัวเองขึ้นมากด ๆ ตามเบอร์ที่ฉันยื่นส่งให้ดูเมื่อกี้ หลังจากที่คุณคริสเธอคุยโทรศัพท์กับทางเจ้าของงาน เราก็สรุปได้แค่ว่า งานต้องมีการถ่ายแบบเพิ่มเติม เป็นตอนพิเศษ และคุณคริสเองก็ยินดีที่จะถ่ายให้ “พรุ่งนี้แทรกคิวถ่ายโปรโมตของมหา’ลัยให้ทีนะ” เธอหันมาบอกกับฉัน “ได้ค่ะ งั้นขออนุญาตแจ้งตารางงานวันพรุ่งนี้นะคะ” ฉันเอ่ยตอบไปก่อนจะไล่ลิสต์งานของคุณคริสในมืออย่างไม่ขาดตกบกพร่อง “ตอนแรกมีงานเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าที่ห้างค่ะ แต่ว่ามีการเดินแบบด้วย และหนูยกเลิกให้เรียบร้อยแล้ว​ เห็นพี่คริสบอกว่าไม่อยากใส่ส้นสูงเดิน” ฉันอธิบายต่อไปโดยคุณคริสก็รับฟังต่อไป “อืม ดีมาก” เธอพยักหน้าอย่างรับทราบ “สรุปพรุ่งนี้มีแค่งานถ่ายโปรโมตนะ” เธอถามย้ำอีกครั้ง “ใช่ค่ะ” ฉันก็ตอบไปอย่างมั่นใจ “โอเค” เธอตอบมาสั้น ๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเหน็ดเหนื่อย เหมือนเธอต้องการเวลาพักผ่อน ฉันจึงไม่อยากจะอยู่รบกวนเวลาส่วนตัวของเธอมากนัก อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่ได้มีตารางงานอะไรอีกเลย “งั้นให้หนูกลับเลยไหมคะ” ฉันถามด้วยความเกรงใจ ด้วยเห็นท่าทีที่อิดโรยของคุณคริส “อืม” เธอยิ้มตอบ “แล้วพรุ่งนี้?” ฉันเก็บกระเป๋าสมุดโน้ตก่อนจะหันไปถามเธออีกครั้ง “อ่อ... เจอกันที่สตูดิโอเลย 10 โมง” เธอหลับตาและนวดขมับตอบกลับมา “ค่ะ” ฉันตอบรับก่อนจะยกมือไหว้เธอและเดินออกมาจากคอนโดและปิดประตูให้เจ้านายคนสวยของฉันทันที ฉันขับรถบีเอมฯ คันใหม่ของตัวเองกลับมาถึงบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อย เพราะแน่แหละว่าก่อนจะไปเจอคุณคริส พี่จินนี่ต้องติวและให้ฉันจำอะไรมากมายอยู่เหมือนกัน และฉันเองก็ไม่อยากทำงานพลาดด้วย จึงหมดเวลาไปกับการเรียนรู้งานเรื่องของพวกเหล่าดาราที่ตัวฉันแทบไม่เคยสนใจมาก่อนจริง ๆ @บ้าน... ท้องฟ้าในช่วงค่ำ ๆ สีฟ้าอ่อน ๆ ใกล้มืดมิดสนิท... “กลับมาแล้วค่ะ” ฉันตะโกนบอกคนในบ้าน ที่วันนี้ดูเงียบเป็นพิเศษ “พ่อคะ... น้าผึ้ง... แพรวดาว...” ฉันเรียกหาทุกคนแต่ก็ไม่มีใครขานตอบทั้งที่รถก็อยู่ครบ และเวลาแบบนี้ทุกคนก็ควรจะกลับมาถึงบ้านแล้วนี่นา หรือว่าพวกเขาออกไปกินข้าว... ตุ๊บบบ!! ฉันถอยหลังไปชนกับใครอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เพียงแต่ว่า... “ไม่มีใครอยู่ที่บ้านหรอก!! พ่อเธอติดคุก... ส่วนเมียพ่อเธอกับลูกของเขา... ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าหายไปไหน" คนด้านหลังพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและแข็งทื่อ... "แต่อีกไม่นานคงตามเจอแน่ ๆ” เขาพูดขึ้นแล้วมองสำรวจไปรอบ ๆ บ้าน และหยุดสายตาที่เย็นชานั้นไว้ที่ฉัน... “​นายเป็นใคร มาทำอะไรบ้านของฉัน??” ฉันยืนนิ่งและมองคนตรงหน้าอย่างหวาดกลัว เขาไม่ได้ดูเหมือนโจรหรือผู้ร้ายใด ๆ เพียงแต่แววตาของเขา น้ำเสียงของเขา มันทำให้ฉันกลัวจนสั่นไปหมดจริง ๆ

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

Passionate Love รักสุดใจนายขี้อ่อย 20+

read
31.8K
bc

เมียลับอุ้มรัก

read
77.8K
bc

ขังรัก

read
17.7K
bc

หัวใจซ่อนรัก(เฮียเดย์)

read
29.4K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
14.2K
bc

รอยแค้นแห่งรัก

read
52.4K
bc

My Sister น้องสาว... ที่รัก

read
6.6K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook