เตรียมบ้านเล็กรอเพื่อนเก่า

1184 Words
บ้านไร่วงษนรา เช้านี้อากาศที่นี่ดีมาก นางกรกนกลุกขึ้นใส่บาตรพระแต่เช้า นางทำเป็นกิจวัตร ประจำทุกวัน "พ่อคะ น้องปรายโทรมาแล้วนะ เขาจะมากันวันพรุ่งนี้ ลูกเราเอารถมาเอง เห็นว่าขนของบางส่วนกลับมาไว้บ้าน มีหนูกานดาราลูกพี่ดุจเดือนนั่งมาด้วย ส่วนพี่ดุจเดือน มากับลูกชาย ยังไม่แน่ว่าเขาจะมากันกี่วัน แต่แม่ทำความสะอาดบ้านหลังเล็กไว้แล้ว เผื่อเขาอยากเป็นส่วนตัว แม่ยังคิดว่าจะปิดร้านดีไหม หรือให้พนักงานดู พ่อว่าไงคะ" นางกรกนก ขอความเห็นจากสามี "ปิดสัก 7 วันไหมแม่ จะได้พักบ้าง หลังจากนั้นอยากเปิดก็เปิด ไม่อยากเปิดก็ไม่เป็นไร ทำร้านกาแฟอย่างเดียวก็ได้ ไม่มีปัญหาหรอก อายุมากแล้วพักบ้างนะ" นายอลงกต เข้ามาโอบไหล่ภรรยาเบาๆ มาดูแลพ่อได้แล้ว ไม่ต้องทำมากมายหรอกงานน่ะ ทำมาตลอดหลายปีแล้ว เท่าที่ทำมากินใช้ยังไงก็ไม่หมดแล้วล่ะ เดี๋ยวรออีกหน่อยน้องปรายก็มาช่วยแล้ว "พ่อคิดว่าลูกเรียนจบ แล้วจะไม่อยากทำงานที่เรียนมาหรือคะ "นางสงสัยว่าทำไมสามีพูดแบบนั้น "แม่ก็รู้ว่าลูกเราโลกส่วนตัวสูงจะตาย ไม่ค่อยคบใครใหม่ๆ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ แล้วอีกอย่างที่ลูกเรียนมาทางนี้ เป็นผู้หญิงด้วย จะไปอยู่ป่าอยู่เขาได้นานสักเท่าไหร่ พ่อไม่ได้ว่าลูกเราไม่อดทนนะ อย่างน้องปรายไปอยู่กับใครที่ไหน ก็จะมีแต่คนรัก คนเอ็นดู ก็ไม่แน่หรอกถ้าเขาสอบบรรจุได้ เขาอาจจะทำ แต่พ่อว่าไม่นาน ไม่เกิน 5 ปี ดูจากนิสัยแล้ว น้องปรายไม่ชอบให้ใครมาบังคับ นิสัยแบบนี้เหมาะกับการทำกิจการส่วนตัวมากกว่า หรือไม่ก็มาอยู่สวนอยู่ไร่นี่ มาอยู่กับพ่อกับแม่ ไม่ต้องเจอกับคนมาก" "แต่พ่อว่าเขาจะห่วงเรานี่แหละ เราเหลือกันแค่ 2 คน ลูกไม่ยอมให้เราทำงานจนแก่ตายหรอกแม่ เขาต้องกลับมา บริหารทุกอย่างต่อแทนเรา จะไปรอน้องปราณก็คงไม่ได้ เขาเลือกทางนั้น เขาชอบของเขาแบบนั้น พ่อว่าถ้าได้แต่งงานเขาคงอยู่ทางโน้นแหละ คงไม่กลับมาอยู่กับเราหรอก " "รอน้องปรายนี่แหละ แต่ถ้าไม่มีใครมารับช่วงต่อจริงๆ ก็เลิกทำ แค่นั้นเอง" นายอลงกลดพูดแล้วหัวเราะเบาๆ เขานึกเสียดาย นี่ถ้าหากว่าเขามีลูกอีกสัก 4 คนก็คงดี มันต้องมีสักคนที่มารับช่วงต่องานของเขา เสียดายที่เมื่อก่อนช่วงที่เขามีลูก ฐานะของเขาก็ยังไม่ได้สะดวกสบาย มีกินมีใช้เหมือนทุกวันนี้ แต่ช่างเถอะ มันแล้วแก่บุญวาสนา ดีแล้วที่เขายังได้โอกาสมีลูกตั้ง 2 คน "ถ้าพี่ดุจเดือนอยากจะอยู่ยาวก็ดีเลยนะแม่ เขาอยู่ในเมืองคงจะน่าเบื่อมาก เห็นว่าตั้งแต่พี่วิภาคเสียชีวิตไป ก็ไม่ค่อยได้ไปไหน ลูกชายคนโตก็ทำงานหนัก ว่าแล้วก็อยากเห็นหลานๆแล้วนะแม่ ไม่รู้ว่าโตขึ้นหน้าตาจะเป็นยังไง เห็นว่ามี 2 คนเหมือนเรา ลูกชายได้ข่าวว่าเก่งเสียด้วย บริหารงานต่อจากพ่อ ดูแลแม่ ดูแลน้อง ก็ถือว่าพี่ดุจเดือนโชคดีนะ ที่มีลูกชายลูกสาวรู้ความ" "แม่ก็อยากเห็นเหมือนกัน ตื่นเต้นจังเลย เดี๋ยวแม่ไปดูบ้านหลังเล็กก่อนนะคะพ่อ พรุ่งนี้เขาจะมากัน จะได้พร้อม ว่าไปแล้วแม่ก็รู้สึกตื่นเต้นมากเลย" นานแล้วที่ไม่ได้เปิดบ้านหลังนี้ให้ใครได้เข้าพัก สมัยก่อนลูกๆ อยู่บ้านเราไม่เคยเหงาเลย พอลูกแยกย้ายกันไปเรียน ไปทำงาน นางก็เฝ้าคิดถึงลูกทั้งสอง เลยต้องหางานทำแก้เหงา ถ้านางไม่ได้ทำโน้นนี่ นางก็คงจะนั่งเหงาอยู่บ้าน เพราะงานในไร่ สามีนางก็ไม่อยากให้ไปยุ่ง เขาอยากให้นางเป็นแม่บ้าน อยู่บ้านดูแลเขาดูแลบ้าน แต่นั่นแหละมันไม่ใช่นิสัยของนาง ต้องหาอะไรทำ คิดไปคิดมาก็อยากมีหลานแล้ว รอว่าเมื่อไหร่ลูกสาวคนโตจะแต่งงานสักที ปราณลดา อ้างแต่ว่างานเยอะ ทั้งๆที่ว่าที่ลูกเขยของนางก็อยากที่จะแต่งเร็วๆ ช่างเถอะเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแล้วแต่เขา จบบทสนทนาบนโต๊ะอาหารเช้า ของสองสามีภรรยา บ้านไร่ วงษ์นรา ไม่มีแค่ไร่อย่างเดียว สองสามีภรรยา ซึ่งขยันด้วยกันทั้งคู่ เปิดโฮมสเตย์สำหรับรองรับนักท่องเที่ยว เทศกาลหยุดยาว นักท่องเที่ยวเยอะมากๆ สนุก ได้เงิน วุ่นวายดี แต่นางกรนกชอบ ได้พูดคุยกับลูกค้า ทำให้ไม่เบื่อมาก สามีนางอยากให้นางหยุดทำงานได้แล้ว แต่นางคิดว่านางยังไหว ไว้ให้ลูกสาวคนเล็กนางแต่งงานก่อน มีหลานให้เลี้ยง ตอนนั้นแหละ นางจะเลิกทำงานทุกอย่างเลย จะเลี้ยงหลานอย่างเดียว บ้านหลังที่นางจะให้เพื่อนรุ่นพี่มาพัก หลังไม่ได้เล็กอย่างที่เธอเรียกกัน ที่เรียกว่าบ้านเล็กเพราะเป็นบ้านหลังที่สอง แต่ไม่ได้มาอยู่ บ้านหลังที่อยู่ปัจจุบันเรียกว่าบ้านหลังใหญ่ บ้านหลังเล็กขนาดใกล้เคียงกับบ้านที่เธออยู่ ปลูกห่างจากบ้านหลังใหญ่ ประมาณ 50 เมตร ส่วนมากก็จะเอาไว้รับรองญาติพี่น้องที่มาเยี่ยม หรือเวลามีงาน ต่างๆ ก็จะเปิดบ้านหลังนี้รับรอง สะดวกสบายทุกอย่างเหมือนบ้านหลังใหญ่ บางทีเพื่อนๆ ลูกมาพัก นางกับสามีก็จะเปิดบ้านหลังนี้ให้เหล่าเพื่อนลูกมาพัก โดยที่สนับสนุนเพื่อนลูกทุกอย่าง แค่เห็นลูกๆ มีความสุข พ่อกับแม่ก็มีความสุขมาก ดีกว่าปล่อยให้พวกเขาไปที่อิ่น อยู่ที่นี่นางกับสามียังได้เห็น ปลอดภัยด้วย ใจนางอยากให้พี่ดุจเดือนมาอยู่เสียด้วยกันใกล้ๆ อายุก็มากแล้ว กรุงเทพฯ ไม่เหมาะสำหรับคนแก่ นางก็คิดแบบนี้แหละ แต่พี่ดุจเดือนเขาอาจจะไม่คิดเหมือนนางก็ได้ บางคนก็ติดกรุงเทพฯ เพราะสะดวกสบายทุกอย่าง ต่างคนก็ต่างความคิด แต่นางชอบอยู่ของนางแบบนี้ ชีวิตเรียบง่าย ไม่เริ่งรีบ อากาศดี ผักผลไม้ก็เยอะแยะมากมาย ล้วนแต่เป็นเกษตรอินทรีย์ทั้งนั้น ชาวบ้านแถวนี้ทำผักทำผลไม้แบบไม่ใช้สารเคมี ถ้าหากว่าลูกสาวคนเล็กของนาง ไม่อยากไปทำงานที่อื่น ปรายลดาอาจจะกลับมาทำเกษตรแบบเต็มตัวก็ได้ นางกับสามีก็รอวันนั้นอยู่ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD