ครอบครัว

1227 Words
"แม่เดี๋ยวพ่อจะเข้าไปในเมืองสักหน่อย วันนี้แม่ออกไปร้านวัสดุก่อสร้างไหม พ่อจะไปดูส้มโอพันธุ์ใหม่ที่บ้านประธานเกษตรเขาสักหน่อย ถ้าแม่เข้าเมืองก็ไปด้วยกันเลย" นายอลงกต วงษ์นรา ร้องเรียกบอกภรรยา เขาเป็นคนพื้นเพเป็นคนจังหวัดนี้ ครอบครัวเขาทำเกษตรมาตลอด และแน่นอนต้องเป็นเกษตรอินทรีย์เท่านั้น พืชผักผลไม้ที่ไร่เขา โรงแรม รีสอร์ทต่างๆ ล้วนรับผักผลไม้จากไร่ของเขา แค่นี้ก็แทบจะทำไม่ทัน แต่เขาก็ไม่หยุดพัฒนา เขาเป็นคนใจเย็น รอบคอบ เขาวางรากฐานให้ลูกๆ ทั้งสองคน ถ้าเขากับภรรยาเสียชีวิตไป ลูกๆเขาก็ไม่อดตาย แต่ลูกเขาต้องสานต่องานของเขา ไม่ใช่นั่งกินนอนกิน แบบนั้นหมดแน่ๆ จริงๆ เขาอยากได้ลูกชาย แต่ก็ไม่ได้กลายเป็นได้ลูกสาวสองคน แต่ลูกสาวก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง ปราณลดาลูกสาวคนโตสอบบรรจุเป็นข้าราชครู ส่วนลูกสาวคนเล็กคือปรายลดา กำลังเรียนวนศาสตร์ปีสุดท้าย ถึงเขาจะทำไร่ ทำสวนแต่ครอบครัวเป็นปึกแผ่น ถ้าลูกเขาขี้เกียจจริงๆแต่ไม่ใช่จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ก็ยังสามารถอยู่ได้อย่างสบายๆ "ไปค่ะ วันนี้แม่จะแวะไปดูที่ทำร้านกาแฟด้วย เห็นว่าเจ้าของที่เขาจะขายด่วน บอกว่าร้อนเงิน พ่อไปดูกับแม่ไหม อาจเป็นช่วงบ่ายๆ ช่วงเช้าแม่จะเข้าร้านวัสดุสักหน่อย" นางกรกนก วงษ์นรา นางเป็นแม่ที่ขยันมาก อดีตนางเคยทำงานทีี่บริษัทเอกชน หลังจากเกษียณแล้วก็มาเต็มที่กับงานที่ไร่ นางก็ยังคิดว่าตัวเองยังมีเวลาว่าง เลยเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้าง จังหวัดที่ครอบครัวนางอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก และไม่ค่อยมีร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างที่ครบวงจน อีกอย่างนางก็ไม่ได้ขายแพงอะไร ส่วนมากลูกค้าก็เป็นเป็นชาวบ้านแถบนี้ นางกำลังอยากได้ที่ทำร้านกาแฟ นักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาท่องเที่ยวตามไร่ น้ำตก สถานที่ต่างๆ นางเป็นคนขยัน แต่ทั้งหมดทั้งมวล นางและสามีก็ทำเพื่อลูกทั้งสอง จริงๆ เลิกทำงานแล้ว นางอยู่บ้านเฉยๆ ก็ได้ แต่ด้วยความขยันว่าจะหยุดก็หยุดไม่ได้สักที "แม่ตกลงว่าน้องปราย จะย้ายไปอยู่บ้านพี่ดุจเดือนไหม ยังไงกันแน่ ลูกคุยรายละเอียดหรือยัง" นายอลงกต ถามไถ่ถึงลูกสาวคนเล็ก เขาดูรายละเอียดที่ลูกสาวทำมาให้ดูแล้ว จริงๆเขาไม่มีปัญหาอะไร แต่เป็นเรื่องธรรมดา คนเป็นพ่อเป็นแม่อยากให้ลูกได้อยู่อาศัยในที่ๆปลอดภัยที่สุด เขารู้มาว่าบ้านพี่ดุจเดือนมีลูกสาวรุ่นเดียวกับลูกสาวคนเล็กของเขา เลยคิดว่าอาจจะได้สนิทสนมกัน เป็นเพื่อนกันเหมือนกับรุ่นพ่อแม่ "เห็นว่าสอบเสร็จแล้วจะกลับบ้าน พี่ดุจเดือนจะมาเที่ยวที่บ้านเราด้วยนะพ่อ เห็นว่าอย่างนั้นนะ แม่คิดว่าลูกสาวเราคงไม่อยากไปอยู่กับเขาหรอก จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ไว้รอลูกมาก่อนค่อยคุยกันนะพ่อนะ ยังไงแม่ก็ยังสบายใจ ลูกเราไม่ใช่คนเกเร ไม่ต้องให้ห่วงมาก หอพักที่เขาอยู่ปัจจุบัน ก็พักอาศัยมานานมาก ถ้าลูกไม่ไปอยู่บ้านพี่ดุจเดือนจริงๆ ค่อยว่ากันอีกที วันหลังเราไปดูหอลูกกันดีกว่าไหมคะ จะได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง ว่าเป็นยังไง" "อ้าวเหรอ....พี่ดุจเดือนจะมาเที่ยวด้วยใช่ไหม หรือว่าจะมากันทั้งหมด ก็ดีเหมือนกันนะ หลายปีแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน คิดถึงพี่วิภาคเหมือนกันนะ ไม่น่าอายุสั้นเลย นี่ถ้ายังอยู่เราคงไม่ห่างเหินกันแบบนี้หรอก คงไปมาหาสู่กันตลอด เห็นว่ามีลูก 2 คนใช่ไหม อยากเจอเหมือนกันนะ เราก็มัวแต่ทำงาน ทำไร่ เลยลืมไปเลย ดีงั้นแม่ก็เตรียมต้อนรับพวกเขาล่ะกัน จะให้พักที่ไหนก็ตามใจแม่" "เดี๋ยวต้องรอน้องปรายโทรมาก่อนนะคะ เห็นว่าต้องรอสอบเสร็จก่อนแล้วจะโทรบอกอีกที" บางคนบางบ้านจะชอบจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกทั้งหมด ยกเว้นบ้านเธอ ลูกสาว 2 คน เธอกับสามีไม่เคยจัดการอะไรให้ มีแต่ให้คำปรึกษา แนะแนว แนะนำ เรื่องหอพักก็เหมือนกัน เรื่องเรียน เรื่องหอพัก ลูกสาวคนโตของนาง สอบได้ไปเรียนที่กรุงเทพฯ จัดการเรื่องหอพักเอง นางกับสามีไม่เคยไปดูหอพักลูก เขาจัดการกันเอง 2 คน เวลาลูกไปหอก็จะ วีดีโอ มาให้ดูตรงนั้นตรงนี้เป็นยังไง ผลการเรียนของลูกสาวนางก็ใช้ได้ ไม่เคยมีเรื่องเสียหาย แค่นี้นางกับสามีก็วางใจ อีกอย่างลูกสาวของทั้งสองคน ก็อยู่เป็น ถึงแม้ว่าคนเล็กจะโลกส่วนตัวสูงไปหน่อย แต่พอถึงเวลาที่จะต้องเอาตัวให้รอด ลูกนางก็สามารถที่จะทำได้ ไปหาใคร เข้าหาใคร ผู้ใหญ่ก็รักและเอ็นดู ลูกสาวคนโตสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู ตามที่นางและสามีอยากให้เป็น ทั้งคู่ไม่ได้บังคับลูกเลย เขาชอบของเขาเป็นทุนเดิม แค่เราแนะนำนิดหน่อย เขาก็ไปต่อยอดของเขาเอง ส่วนคนเล็กนี่ จะเยอะกว่าคนโตนิดหนึ่ง ตามใจบ้างนิดหน่อย แต่ถ้าเรื่องเยอะ นางกับสามีก็ต้องรีบอบรมสั่งสอน ถ้าลูกคนเล็กของนางเรียนจบ ไม่ชอบทำงาน นางกับสามีก็มีงานสำรองให้ลูก ดีเสียอีกจะได้มีคนมาสานต่อกิจการ ทั้งไร่ โฮมสเตย์ ร้านขายวัสดุก่อสร้าง ไหนจะร้านกาแฟที่กำลังจะสร้างอีก นางกับสามีก็แก่ตัวลงทุกวัน ถ้าลูกสาวคนเล็กมาช่วยกิจการ ก็จะดีมากๆ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องแล้วแต่เขา ให้เขาเลือกเอง "เอาล่ะ ไปกันเถอะแม่ เรื่องของลูกกับพี่ดุจเดือน ก็รอน้องปรายสรุป หลังสอบเสร็จล่ะกันนะ ทางเราก็พร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว มาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น" นายอลงกตหันไปพูดกับภรรยา "อ้อ....มีอีกเรื่อง พ่อว่าพ่อจะแบ่งขายที่ฝั่งติดภูเขาดีไหมแม่ ตอนซื้อก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแต่ว่าจะทำไว้ให้ลูก สรุปว่าเราลูกแค่สองคน มันเกินกำลังเรา พ่อว่าจะเอาไว้เท่าที่เราทำไหวดีไหมแม่ ตั้งแต่ซื้อมาเรายังไม่ได้ไปลงมือทำอะไรเลย" "ตามใจพ่อเลยค่ะ แต่แม่ขออย่างหนึ่งว่า เวลาขายให้เลือกดูดีๆหน่อยนะคะ พวกที่มาทำลายธรรมชาติ ทำให้มีมลพิษ ไม่เอานะคะ" "ได้ๆ ถ้าได้คนที่ทำไร่แบบเราก็คงจะดีนะ พ่อไม่อยากให้เขาใช้สารเคมีเลย แต่พ่อก็เชื่อว่าเราจะเจอเพื่อนบ้่านที่ดี "
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD