ระบบประปา

2659 Words
เมื่อกลับมาถึงที่พัก องค์ชายรองก็ได้รับรายงานว่า คุณหนูเฟิงต้องการเข้าพบ แม้จะแปลกใจ ไม่รู้นางจะมาไม้ไหน แต่เขาก็อยากรู้ และอยากพบหน้านางอีกครั้ง เขายังไม่แน่ใจในความรู้สึกของนาง “เรียกนางมาเถอะ นางคงมีเรื่องอยากคุยกับข้า” “พะยะค่ะ” ไม่นานคุณหนูเฟิงก็มาถึง “คาราวะองค์ชายรองเพคะ” นางถวายคำนับแล้วก็ยืนก้มหน้ารอ “ตามสบายเถอะ แล้วนี่ยังไง ไม่ใช่ว่าคุณหนูอย่างเจ้าทนความลำบากไม่ไหว ร้องไห้งอแงอยากกลับบ้านหรอกนะ” เขากล่าวกับนางอย่างหยอกเย้า นางมีบางอย่างที่เขารู้สึกเอ็นดู “เปล่าเพคะ หม่อมฉันเพียงอยากรู้ว่าที่หารือกันในวันนี้ ได้แนวทางในการแก้ไขความแห้งแล้งขาดแคลนอย่างไรบ้าง ตอนนี้ชาวเมืองเดือดร้อน หม่อมฉันไม่สบายใจ เป็นห่วงพวกเขาจริงๆ” ถึงนางจะรู้ว่าเขาเย้าแหย่ แต่แปลกที่นางรู้สึกว่าการที่นางมาพูดกับองค์ชายรอง เขาจะเข้าใจนาง นางรู้สึกเชื่อใจเขา ในแววตาคู่นั้นคล้ายไม่เย็นชาแล้ว อีกทั้งความรู้สึกเป็นห่วงชาวบ้านเป็นเรื่องจริง เมื่อนางได้มาอยู่ที่นี่แล้ว นางก็อยากใช้ความรู้ที่ตนมีช่วยเหลือผู้คนที่นี่ สิ่งที่นางคิดจะทำอาจไม่มีคนเข้าใจ แต่นางเชื่อว่าถ้าเป็นเขา มันอาจเป็นไปได้ แววตาเย่อหยิ่งคู่นั้นทำให้นางเชื่อว่า สำหรับเขาทุกอย่างเป็นไปได้ “คุณหนูเฟิง เจ้าห่วงประชาชนชาวหมาน จนไม่ไหวจนต้องมาพบข้า เหมือนเจ้ากำลังซ้อมเป็นมารดาแผ่นดินอยู่ ท่านซ้อมหนักขนาดนี้ ตำแหน่งนั้นคงต้องยกให้ท่านจริงๆแล้ว” หยางเหวินหลงยังคงกล่าวเย้าแหย่นางอย่างหาได้ยาก เป็นอาการที่เขาไม่นึกจะทำกับใคร สตรีเพศสำหรับเขาแล้ว น่ารำคาญยิ่งกว่าแมลงวันเสียอีก แต่สำหรับคุณหนูเฟิงผู้นี้... ก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่าไหร่นัก เพียงองค์ชายรองกล่าวจบคำ มือบางของสตรีก็ฟาดไปโดยอัตโนมัติ เป้าหมายก็คือต้นแขนองค์ชายปากพล่อยเบื้องหน้า ฝ่ายถูกตีนึกไม่ถึงว่านางจะกล้าถึงเนื้อถึงตัว แล้วยังทำร้ายเขาซึ่งหน้าเสียด้วย เขาเลยไม่ทันได้หลบ มือเล็กนั้นก็ฟาดไปหนึ่งครั้งแล้วยังคว้าหมับไปที่ต้นแขนเสียแล้ว “โอ้ยยยย นี่เจ้า!” นี่นางกล้าทำร้ายเขาเชียวหรือ มือน้อยๆนั่นถึงกับทุบตีต่อด้วยบิดต้นแขนเขาอย่างจัง! องค์ชายรองถึงกับทำสีหน้าประหลาดอย่างหาดูได้ยาก ยังไม่ทันได้โวยวาย แค่เขาอ้าปากขึ้น ฝ่ามือเล็กๆนั่นก็ปิดปากเขาไว้ทันที องค์ชายอย่างเขาอึ้งไปอีกครั้ง แม้อยากพูดอะไร ตอนนี้ก็พูดไม่ออก อีกอย่างฝ่ามือเล็กๆนี่ นุ่มและหอมขนาดนี้ได้ยังไง? ไม่ใช่สิ! นี่นางไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน ถึงกล้าทำร้ายเชื้อพระวงศ์คนสำคัญอย่างเขา เหล่าองค์รักษ์ก็ตาโตสติหลุดหายไปแล้วเช่นกัน แต่พอนึกได้ว่าองค์ชายเป็นคนแกว่งเท้าหาเรื่องคนอื่นแบบนั้น โดนเสี้ยนตำบ้างก็สมควรแล้ว! “หยุดนะเพคะ! จะโวยวายไปทำไม พระองค์เป็นบุรุษนะ! จะโอดโอยไปไยแค่นี้!” นอกจากนางจะไม่สำนึกแล้ว นางยังดุเขาอีก เขาควรสั่งให้ทหารจับนางไปโบย ถึงจะสาสมกับการทำร้ายร่างกายอันล้ำค่าของเขา แต่ทำไมเขาถึงอยากยิ้ม หัวใจเขามันก็เต้นแรงขนาดนี้ เขาโดนวางยาพิษใช่หรือไม่ นางทำอะไรเขาแน่ๆ “นี่!! เจ้ากล้าทำร้ายข้าได้อย่างไร ทำร้ายเชื้อพระวงศ์ ประหารเจ็ดชั่วโคตร เจ้ารู้หรือไม่” “ทูลองค์ชาย โปรดอย่าลืม หม่อมฉันคือคุณหนูสกุลเฟิงเป็นคู่หมายของพระองค์ จะประหารหม่อมฉันและตระกูล พระองค์ถามฮองเฮารึยัง” ทุ่มหินใส่เท้าตัวเองเจ็บยังไง วันนี้เขารู้ซึ้งแล้ว ใช่ เขาทำอะไรนางมากไปกว่ายั่วโทสะให้นางโมโหไม่ได้ จะทำร้ายร่างกายนาง เขายังกลัวว่านางจะฟ้องเสด็จแม่เลย!! “หยุดเล่นได้แล้วเพคะ แล้วเล่ามาซักทีเถอะ หม่อมฉันร้อนใจจะแย่แล้ว” นางมองจ้องเขาไปตรงๆ ให้เขาเห็นว่านางกำลังตั้งใจฟัง เมื่อเห็นนางตั้งใจจริง เขาจึงหยุดเล่น ยอมปริปากแต่โดยดี “สถานการณ์ที่นี่อยู่ในขั้นวิฤติ เสบียงอาหารไม่เพียงพอ น้ำดื่มขาดแคลน พรุ่งนี้พวกเขาจะไปขุดหาแหล่งน้ำเพิ่ม และไปซื้อเสบียงยังชายแดนแคว้นตงไห่มาแก้ปัญหาขาดแคลน จนกว่าจะสามารถเพาะปลูกได้ เจ้ารู้แล้ว พอใจรึยัง!” นี่เป็นเรื่องข้อราชการ แต่เขาก็ยอมบอกเพราะไม่อยากให้นางผิดหวัง เพื่อคนน่ารำคาญอย่างเจ้า ข้าต้องทำถึงเพียงนี้เลยหรือ?? เขาได้แต่นึกค่อนขอดตนเองในใจ “ก็ถือเป็นแนวทางที่ใช้ได้ แต่หม่อมฉันอยากเสนอแนวทางอื่นเพิ่มเติมบ้าง จะได้รึไม่” นางไม่สนสายตาเหน็บแนมของเขา ตรงเข้าประเด็นทันที “หืม เจ้าจะเสนออะไร ปักตุ๊กตาผ้าเรียกฝนหรอ?” นางไม่ตอบแต่เงื้อฝ่ามือขึ้น เขารีบขยับตัวหนี ก่อนคว้ามือข้างนั้นมาถือไว้อย่างเนียนๆ “ข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว ว่ามาเถอะ” เขารีบยุติสงครามก่อนที่แขนเขาจะมีรอยเพิ่มมาอีกรอย “หม่อมฉันจำได้ว่าป่าที่เราผ่านมา ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์และมีแม่น้ำขนาดใหญ่ เพียงแต่ทิศทางสายน้ำไม่ได้มาทางนี้ ถ้าเราขุดคลองให้น้ำไหลมาทางนี้คงจะช่วยแก้ปัญหาแล้งได้ถาวร” “ที่เจ้าคิดก็ดี เพียงแต่พื้นที่แถบนี้อยู่ที่ราบสูง น้ำในแม่น้ำคงไหลมาไม่ได้ ต่อให้ขุดคลองสำเร็จ ก็ไม่สามารถนำน้ำมาได้อยู่ดี” ก็ใช่นะสิ! น้ำไม่ไหลไปสู่ที่สูง ก็นางไม่ชำนาญพื้นที่เขตนี้ และตลอดเวลาก็นั่งอยู่แต่ในรถม้าเป็นส่วนมาก เลยไม่รู้ว่าพื้นที่แถบนี้เป็นที่ราบสูง แต่ใครว่านางจะยอมแพ้กันล่ะ ขุดคลองทั้งเหนื่อยและยาก ระบบน้ำประปาต่างหากคือสิ่งที่นางต้องการ “แล้วถ้าหม่อมฉันมีวิธีผันน้ำจากแม่น้ำมาใช้ล่ะ ท่านจะว่าอย่างไร” “ยังไงนะ เจ้ามีวิธีนำน้ำจากแม่น้ำมาใช้หรือ อย่างไร” “เพคะ แต่วิธีนี้ต้องอธิบายหลายส่วน เพราะค่อนข้างละเอียด หม่อมฉันจะไปเตรียมการ พรุ่งนี้จะมาอธิบายให้พระองค์ฟังเพคะ” ถึงจะไม่รู้ว่าสิ่งที่คุณหนูเฟิงจะอธิบายให้เขาฟังคืออะไร แต่เขาก็อยากฟังจากนาง อยากรู้ว่านางกำลังคิดเรื่องใดอยู่ หากดีเขาก็จะสนับสนุน หากไม่ดี เขาก็จะได้มีเรื่องล้อนางเพิ่มอีกเรื่อง ไม่มีอะไรไม่ดี “ตกลง งั้นวันนี้เจ้าไปพักผ่อนเถอะ” ************ ยามเช้าตรู่ฮูหยินจ้าวมาพบนางหลังรับสำรับเช้า อาหารที่จวนเจ้าเมืองจัดให้มีข้าวต้มกับผัดหัวไชโป้ว นับว่าดีกว่าที่คิดไว้ แต่กระนั้นสาวใช้ก็เพิ่มเนื้อแห้งและเกาลัดคั่วในสำรับของนางเพิ่ม คงกลัวว่านางจะไม่อิ่มหรืออาหารไม่ถูกปากแน่ๆ พวกนางช่างน่ารักจริงๆ “ฮูหยินจ้าวมารอคุณหนูอยู่ห้องรับรองแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้กล่าวรายงานเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนรับสำรับเสร็จ ได้ยินว่าทุกอย่างพร้อมแล้วนางจึงออกมาสมทบกับทุกคน คุณหนูเหลียว คุณหนูไป๋และคุณหนูฉีออกมารออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว พวกนางต้องการออกไปสำรวจพื้นที่ด้วย ขืนรออยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรทำ นับว่าน่าเบื่อไม่น้อย อย่างน้อยหากได้ออกไปเดินเล่นชมเมืองหน่อยก็ดี “คุณหนูเฟิงท่านมาแล้ว เอาล่ะ เมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็ไปกันเถอะ สายอีกหน่อยแดดร้อนนัก” ฮูหยินจ้าวกล่าวขึ้น ก่อนเดินนำเหล่าคุณหนูไปขึ้นรถม้าที่เตรียมไว้แล้วยังหน้าจวน รถมือขนาดเล็กสองคัน วิ่งออกจากจวนเจ้าเมืองไปตามเส้นทางหลักที่เชื่อมระหว่างหมู่บ้าน เมื่อรถม้าวิ่งผ่านบ้านเรือนและตลาด นางก็เปิดม่านมองดูความเป็นอยู่และบ้านเรือนของชาวเมือง นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่นางมายังเขตชนบทเช่นนี้ บ้านเรือนต่างๆตั้งอยู่ค่อนข้างห่างกันตามรายทาง ดูจากสภาพแล้วคงไม่ดีนัก ส่วนใหญ่บ้านของพวกเขาจะก่อสร้างจากดินแดง บางหลังเริ่มผุพังลงไปแล้ว เมื่อดูดีๆแล้ว ที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งใดน่าเที่ยวชม ผิวถนนขรุขระ ฝุ่นคลุ้งตลบ นอกจากรถม้าจะโยกโคลงเคลงแล้วก็มีแต่ฝุ่น นางจึงปิดม่านลง เพราะไอแดดเริ่มลามเลียเข้ามาในรถม้า นี่ตอนเช้าจริงหรือ ทำไมแดดแรงขนาดนี้ คุณหนูไป๋และฮูหยินจ้าวนั่งรถม้าอีกคันตามมา ส่วนนางนั่งมากับคุณหนูเหลียว มีสาวใช้ติดตามมาเพียงคนเดียว เพราะรถม้าค่อนข้างเล็กเน้นการเดินทางสะดวกรวดเร็ว “หยวนเออร์ ที่นี่ช่างร้อนนัก เมื่อคืนข้านอนไม่หลับเลย เจ้าหลับลงรึไม่ แม้เช็ดตัวไปแล้วข้าก็ยังเหนียวเหนอะไม่หาย” คุณหนูเหลียวที่ตอนนี้สงบเสงี่ยมขึ้นมาก ชีวิตผู้คนแบบนี้นางล้วนไม่เคยเห็น ตลอดชีวิตของนางล้วนแต่คอยชิงไหวพริบกับพี่น้องในตระกูล ไม่เคยลำบากสิ่งใด เมื่อได้เห็นวิถีชีวิตที่ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตอยู่ นางจึงเกิดความรู้สึกใหม่ “ข้าก็ลำบากเช่นกัน ชีวิตเช่นนี้เป็นครั้งแรกที่เคยได้สัมผัส เจ้าไม่ต้องห่วง เมื่อทราบว่าน้ำขาดแคลนหนัก องค์ชายรองได้ให้ทหารส่วนหนึ่ง นำเกวียนไปบรรทุกน้ำจากแหล่งน้ำใหญ่มาแล้ว อีกไม่นานคงมาถึง เจ้าก็ทนหน่อยแล้วกัน” นางกล่าวปลอบเพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างจริงใจ “อืม ที่ผ่านมาข้าไม่เคยพบเจอความลำบากขนาดนี้ ข้าไม่คิดว่าบนโลกนี้ จะมีคนที่ลำบากขนาดนี้อยู่อีก ที่ผ่านมา ข้าช่างโง่งมนัก” เฟิงอวี้หยวนมองคุณหนูเหลียวด้วยสายตาที่อ่อนโยนขึ้น เมื่อเยาว์วัยย่อมไม่รู้ความ ผู้ไม่รู้ก็เปรียบดั่งผู้เยาว์ในความคิดนาง คุณหนูผู้นี้ยังสามารถเติบโตได้อีก เพียงแต่ต้องขัดเกลาให้ดี สตรีในยุคนี้ ไม่ได้รับการเปิดโลกกว้าง โลกของพวกนาง คงจะมีเพียงจวนและวังหลวงเท่านั้นกระมัง ใช้เวลาประมาณสองเค่อ รถม้าก็หยุดลง ทันทีที่นางก้าวลงจากรถม้าก็พบกับภาพผู้คนเข้าแถวยาวเหยียด รอบๆบ่อน้ำด้านหน้ามีทหารสิบกว่านาย ยืนเฝ้าไม่ให้เกิดการแย่งชิงน้ำเกิดขึ้น และจัดระเบียบการรับน้ำ บ่อน้ำจะเปิดแจกจ่ายเป็นรอบ รอบแรกคือปลายยามอิ๋น(ประมาณตีสี่) รอบที่สอบคือยามเว่ย(ประมาณบ่ายโมง) และรอบสุดท้ายคือยามโหยว(ประมาณห้าโมงเย็น) มีทหารจัดเวรเฝ้าบ่อน้ำตลอดเวลา น้ำที่ตักได้แต่ละครั้งจะมีประมาณ 5 ถัง แบ่งไปจวนเจ้าเมืองวันละ 2 ถัง ขุนนางบ้านละสองกา ส่วนชาวบ้านได้บ้านละหนึ่งกา น้ำห้าถังถูกแบ่งและหมดไปในเวลาอันรวดเร็ว ชาวบ้านที่เหลือที่ยังไม่ได้น้ำ ก็จะเข้าแถวรอเวลาเพื่อให้มีน้ำพอให้สามารถตักได้ ต่อให้น้ำนั้นจะขุ่นสักเพียงใด ขอแค่พอให้มีได้จิบบ้าง แต่ละคนก็ยินดีนำมันกลับไปที่บ้านเพื่อจุนเจือครอบครัว นางมองภาพเหล่านั้นพร้อมกับคำบอกเล่าของฮูหยินจ้าว ฟังแล้วก็รู้สึกตื้อไปหมด ที่ผ่านมาพวกเขาช่างอดทนและลำบากกันจริงๆ ยิ่งรู้ว่าทุกครั้งที่ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ชาวเมืองหมานก็ต้องเผชิญกับสิ่งนี้ บางครอบครัวที่พอมีฐานะ ก็ย้ายไปอยู่เมืองอื่น ที่อาศัยกันอยู่ที่นี่ล้วนรักบ้านเกิดของตน แม้ลำบาก ก็ยินดีอาศัยอยู่ และตายในที่ของตน “ฮูหยิน ข้าอยากเข้าไปดูบ่อน้ำ ได้รึไม่” “ข้าจะนำท่านไปเอง” เมื่อเดินเข้าไป ทหารพบฮูหยินเจ้าเมือง ก็รีบเปิดทางให้พวกนางเข้าไปยังปากบ่อ ที่นี่มีการกวดขันการเข้าออกอย่างเข้มงวดมาก ยกเว้นเจ้าเมืองและฮูหยินแล้ว ครอบครัวขุนนางท่านอื่น ล้วนต้องเป็นไปตามระเบียบ ไม่มีอภิสิทธิ์เหนือใคร เพราะบ่อน้ำแห่งนี้ เป็นสมบัติส่วนตัวของฮูหยินจ้าว นางมีใจแบ่งปันทุกคนอย่างเท่าเทียม นับว่าประเสริฐแล้ว! บ่อน้ำที่ปรากฏตรงหน้า ลึกจนแทบมองไม่เห็นก้นบ่อ แสดงว่าได้มีการขุดอยู่เรื่อยๆมาหลายครั้ง เมื่อเห็นความลึกของบ่อน้ำ นางก็ชักเป็นห่วงคณะที่ออกสำรวจหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม ขนาดบ่อที่ลึกขนาดนี้ยังแทบจะไม่มีน้ำ แล้วพวกเขาจะพบตาน้ำตื้นได้อีกที่ไหนกัน เป็นไปดังคาด หลังจากนางกลับมาจากสำรวจบ่อน้ำแล้ว นางก็เข้าพบองค์ชายรอง สอบถามเรื่องที่ขุนนางออกสำรวจแหล่งน้ำ ปรากฏว่าพวกเขาไม่พบแหล่งน้ำเพิ่มเติมเลย แต่พวกเขาก็ยังไม่หมดหวัง พรุ่งนี้ยังจะเพิ่มการสำรวจพื้นที่อื่นๆอีก “ วันนี้คนออกสำรวจหาแหล่งน้ำใต้ดิน ยังไม่พบแหลงน้ำเลย พวกเขากำลังขยายพื้นที่สำรวจเพิ่มมากขึ้น เผื่อจะเจอบ้าง ว่าแต่เจ้าเถอะ พร้อมจะเล่ารายละเอียดการนำน้ำจากแม่น้ำมาใช้ได้รึยัง” “หม่อมฉันเตรียมข้อมูลมาพร้อมแล้วเพคะ” เฟิงอวี้หยวนนำกระดาษแผ่นใหญ่ที่นางได้วาดเตรียมไว้ ขึ้นมากางบนโต๊ะ นางนั่งลงตรงโต๊ะน้ำชาอย่างง่ายๆ โดยไม่รอการเชื้อเชิญด้วยท่าทีกระตือรือร้น นางมีความมั่นใจกับสิ่งที่อยู่ในมือมาก กิริยาเล็กน้อยที่เป็นธรรมชาตินี้ไม่ได้ขัดตาเลยซักนิด กลับให้ความรู้สึกสบายๆไม่อึดอัด แต่ยังให้ความจริงจังแฝงอยู่ สตรีเบื้องหน้าดึงแขนเขาให้มานั่งลงข้างกัน เพื่อให้มองกระดาษตรงหน้า นางไม่ได้ระวังตัวเว้นระยะชายหญิง กระดาษที่นำมาถูกเขียนด้วยลายเส้นเข้าใจง่าย บางจุดมีอักษรกำกับไว้ด้วยลายมืองดงาม “หม่อมฉันเรียกสิ่งนี้ว่าระบบน้ำประปาเพคะ ระบบนี้จะมีบ่อส่งน้ำตั้งอยู่บนที่สูงมากๆ และต้องมีหลายจุด ใช้ถังน้ำขนาดใหญ่แบบในภาพ วางท่อจากถังน้ำมาที่หมู่บ้าน เราจะวางเป็นแนวตรงตัดข้ามภูเขาด้านนี้ นี่คือจุดสำคัญ เราต้องผันน้ำจากแม่น้ำมาพักไว้ในถังน้ำ ก่อนจะผันน้ำจากถังมาที่หมู่บ้านอีกที ตามแนวท่อที่เราวางเอาไว้ ท่านดูเข้าใจหรือไม่ หากสงสัย เชิญถามหม่อมฉันได้เลยเพคะ” องค์ชายรองทำหน้าเหมือนพึ่งตื่นนอน เขารู้สึกสงสัยทุกตรง คำนางที่ใช้เรียกสิ่งนี้ก็ไม่คุ้นเคย เขาจึงค่อยๆถามทุกๆขั้นตอนอย่างละเอียด คุณหนูเฟิงก็อธิบายให้เขาฟังอย่างละเอียดไม่บกพร่อง สิ่งที่นางกล่าวฟังดูเป็นระบบและน่าเชื่อถือ องค์ชายรองถึงกับมองคู่หมายของตนใหม่อีกครั้ง ทำไมเขาไม่เคยเรียนหรืออ่านตำราที่เกี่ยวกับพวกนี้มาก่อน นางคือศิษย์จากราชครูเฟิงแน่หรือ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD