EP 2 เป้าหมาย

1173 Words
พอเคนตะกับอัสที่ไปไหนมาไม่รู้ (เพราะเมื่อกี้ฉันหลับ) เดินอาดๆ เข้ามาในห้อง มินิก็วิ่งไปหาเคนตะแบบที่ฉันอาจจะง่วงมากเกินไปเลยเห็นเป็นเหมือนภาพสโลวโมชั่นและเหมือนกำลังดูดีวีดีแบบย้อนหลังเพราะยัยนั่นล้มโครม! ตรงหน้าเคนตะกับอัส ก่อนลุกขึ้นนั่งคลำจมูก แล้วผุดลุกขึ้นเล่าเรื่องที่เพิ่งเล่าให้ฉันฟังแบบดี๊ด๊า เอ่อ... คบกันมาสามปี ทำไมฉันไม่ชินกับนิสัยประหลาดของเพื่อนคนนี้ซะทีนะ แต่ช่างเหอะ เพิ่งรู้สึกว่าหมาบ้าเคนตะมัน ‘หล่อมาก!’ อย่างที่ทำให้สาวๆ คนอื่นพร่ำเพ้อละเมอหากันก็ตอนดึงความสนใจจากมินิไปได้นี่ละ โอเค! ฉันจะได้งีบต่ออย่างจริงจังซะที “หมูน่ะ มันกิน... แล้วก็นอน เนอะ” สิ้นเสียงเรียบนิ่งที่พูดรดหัว ฉันก็ยกศีรษะขึ้นจากการฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะอีกครั้งและส่งสายตาอาฆาตไปให้คนเพาะฟาร์มหมาในปากเขม็ง ฮึ่ย! บัดซบที่สุด! (ตึ้ง! “ไอ้เวอร์จิ้น!” “...” เงียบ... สงัด ทันทีที่ฉันกระแทกสองมือลงบนโต๊ะเรียนข้างกระเป๋า หลังจากผุดลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับอัส และด่ามันไปแบบนั้น เพราะเคยได้ยินเคนตะล้อๆ อัสแบบนี้อยู่ นานแล้วละ -_- แต่ไม่ทันคิดว่าถ้อยคำไซโคของฉันจะทำให้นักเรียนชายทั้งห้องกันมองมาพรึบ! ก่อนพากันทำตาโต ห่อปาก แล้ววิ่งกรูกันเข้ามาล้อมพวกเราเหมือนเห็น Lady Gaga บินลัดฟ้ามาเซย์ฮายหน้าห้อง -0- จากนั้นก็พ่นคำถามออกมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน... “เป้าหมายของ MG คือแกใช่มั้ย! อัส!!” มันไร้สาระเกินไปเหอะเรื่องเอ็มจีบ้าบอคอแตก -_- แต่ทำไมจนได้เวลากลับบ้านและทิ้งให้อัสกับเคนตะเพื่อนรักของมันผจญชะตากรรมกับ การรังควานของพวกผู้ชายในห้องแล้ว ฉันยังต้องฟังมินิพล่ามไม่หยุดอีกเนี่ยยย “MG น่ะ ย่อมาจาก My Virgin guy หรือเรียกภาษาไทยง่ายๆ ว่า ‘แก๊งล่าเวอร์จิ้น’ ตอนนี้กำลังดังมากเลยนะในเน็ตอะ! มียอด like แฟนเพจเกือบล้านคนเลยนะ! แต่ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชาย -^- ใบหม่อนบอกว่ามีผู้หญิงสามคนมารวมตัวกันเพื่อ ‘ล่าเหยื่อ’ ที่เป็นเด็กหนุ่ม ม.ปลาย และยังซิงอยู่ ^///^ แล้วก็นะ...” ฉันเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีกะใจจะคัดค้านเสียงเล็กใสที่เจื้อยแจ้วไม่หยุดของเพื่อนตัวเล็กที่เดินเคียงมาข้างๆ อา... หิวจัง T^T นึกถึงอาหารการกินรอบดึกที่จะมาถึงแล้วก็รู้สึกเหมือนท้องร้องโครกครากขึ้นมาแล้ว~ ‘หมูน่ะ มันกิน... แล้วก็นอน เนอะ’ โอ๊ย สมองฉัน! ทำไมจู่ๆ เสียงด่าเรียบๆ (แต่เจ็บ!) ของไอ้เวอร์จิ้นนั่นถึงดังขึ้นมาในสมองฉันอีกเนี่ย จะรังควานกันถึงไหน! จะบ้าตาย “นี่ๆๆ ปิยอง >_โครม! -_- ถอนหายใจเบาๆ กับร่างเล็กๆ ของเพื่อนที่สาบานได้ว่าเราอายุสิบแปดเท่ากัน เพิ่งลุกพรวดจากการหกล้มเมื่อครู่ มินิปัดกระโปรงนิดหนึ่งโดยไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บหรือตกใจกับความซุ่มซ่ามขั้นเทพของตัวเอง ก่อนวิ่งตื๊อไปกอดคุณพ่อที่อ้าแขนรับและไม่มีทีท่าว่าตกใจกับการล้มหน้าทิ่มของลูกสาวเลยเหมือนกัน (สงสัยจะชินเหมือนฉัน) เง้อ... เลี้ยงดูกันมาแบบไหนฟะเนี่ย “เชิญครับ คุณหนู” เสียงเรียกจากทางด้านหลัง ทำให้ฉันละความสนใจจากการยกมือไหว้คุณพ่อของเพื่อนระยะไกลและยกมือโบกลามินิที่หันมา ‘บ๊ายบาย’ อีกรอบเพื่อให้ยัยนั่นกลับๆ ไปซะที -_- พอสะบัดหน้ามองไปทางต้นเสียงก็เห็นคนรถของที่บ้านยืนโน้มตัวทำท่านอบน้อม เป็นสัญญาณว่าจอดรถรออยู่ที่ไหนสักแห่งแถวๆ นี้แล้ว อ้อ... อยู่โน่นเอง เหลือบตากลับมองชายสูงวัยที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี แล้วก็อดถามห้วนๆ ไม่ได้ “เย็นนี้แม่กลับมากินข้าวบ้านรึเปล่า” เงียบ... ฉันยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก ไม่ใช่ว่ามีความสุขดี๊ด๊าอะไรแบบมินิหรอกนะ แต่สงสารตัวเองมากกว่า “กลับไปก่อนเลย ฉันจะไปนอนบ้านเพื่อน” “ครับ คุณหนู” ฮ้า... อิสรเสรีเหนืออื่นใด >_ อันที่จริงฉันกำลังให้กำลังใจตัวเองอยู่น่ะ เพื่อไม่ให้เป็นโรคซึมเศร้าขาดความอบอุ่นแบบที่เพื่อนในแก๊งแข่งรถของฉันบางคนมักจะเป็นเพราะปัญหาทางบ้าน และอันที่จริงฉันก็เข้าใจแม่ด้วยละที่ต้องทำงานหนักเป็น สองเท่าหลังจากพ่อจากพวกเราไป... บ้านฉันทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงเรียนเอกชนและรวมถึงนานาชาติบางแห่ง อีกทั้งยังเปิดสาขาทั่วประเทศราวเฟรนไชส์เซเว่น =_= ถ้าแม่มีเวลามาลัลล้าดูแลฉันก็แปลกละ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD