ตอนที่2บททดสอบแรก 2

3259 Words
ลันลภัสพาร่างที่แทบจะเดินไม่ไหวกลับมาจนถึงบ้านในที่สุด กระบอกตาคู่งามร้อนผ่าว ปวดตึบจนมองภาพตรงหน้าเลือนรางลงทุกที “ลัน กลับมาแล้วเหรอ” เสียงที่แสนคุ้นหูดังขึ้น เมื่อเดินมาถึงม้าหินอ่อนหน้าบ้าน แม้จะมองไม่ค่อยเห็นไม่ค่อยชัดแต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นเปมิกา ที่หอบหิ้วเอกสารการเรียนมาให้เหมือนเช่นทุกครั้ง “เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายเหรอ” เปมิการีบวิ่งออกมาเพื่อจะช่วยประคองร่างบางเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเหมือนจะล้มลงอยู่หลายครั้ง “เปล่า เราไม่ได้เป็นอะไร” ลันลภัสโป้ปดพร้อมกับสะบัดมือเรียวออกไปจนพ้นกาย แต่ถึงกระนั้นเปมิกาก็ยังไม่ยอมแพ้ “เราขอโทษ เรารู้ว่าลันยังโกรธเรื่องคุณแม่ แต่ยังไงเราก็ยังอยากเป็นเพื่อนกับลันอยู่นะ” “เพื่อนเหรอ อย่างเรานี่อ่านะจะเป็นเพื่อนกับใครได้” หญิงสาวตวาดลั่นอย่าว่าแต่เปมิกา คนอย่างเธอไม่ควรจะเป็นเพื่อนกับใครเลยด้วยซ้ำ “เป็นเพื่อนกับเราไง เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอลัน” มือเรียวจับมือลันลภัสไว้แน่น จนรับรู้ได้ว่ามือคู่นั้นกำลังสั่นระรัวดูผิดปกติจนต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ลัน...ลันไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ ใช่ไหม มีอะไรบอกเราได้นะ ไม่สบายหรือเจ็บตรงไหน...” “เปล่า...ปิ่นกลับไปเถอะ” หญิงสาวรีบตัดบททั้งที่อีกคนยังไม่ทันจะพูดจบ พร้อมกับสะบัดมือหนีอีกครั้ง พยายามหลบหน้าจากสายตาของเปมิกาที่จ้องมองราวกับจะจับผิด “แต่เราว่าลันไม่สบายนนะ ดูสิ ตัวก็ร้อนจี๋เลย” “บอกแล้วไงว่าเราไม่ได้เป็นอะไร” ลันลภัสก้มหน้าตอบ ปาดเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาปรกหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ท้องไส้เริ่มบีบรัดจนต้องงอตัวเพื่อจะคลายความเจ็บปวด “โอ้ย ! ” “ลัน ลันไม่สบายจริง ๆ ด้วย ไปหาหมอไหม” เปมิกาเอ่ยถาม ความเป็นห่วงที่เกาะกินใจมันทำให้เธอละจากร่างบางไม่ลงจริง ๆ “ไม่ ไม่ต้อง” “สภาพนี้ไม่ไปได้ไง มาเถอะ รถเราจอดอยู่ตรงนี้เอง” “ก็บอกว่าไม่ต้องไง เลิกยุ่งกับเราสักทีเถอะ คนอย่างเรามันเป็นเพื่อนกับใครไม่ได้หรอกนะ” หญิงสาวตวาดลั่น ตวัดมือของอีกคนออกไปจนเอกสารที่เตรียมมาตกลงพื้นปลิวว่อนไปทั่ว “ลัน...ทำไมลันทำแบบนี้อ่ะ เราหวังดีกับลันนะ” “ถ้าหวังดีก็กลับไปซะ แล้วไม่ต้องมาอีก เลิกยุ่งกับเราสักที ! ” เพราะอาการอยากยามันเลยทำให้ความอดทนของขาดสะบั้นลง ดวงตากลมโตปรายมองเอกสารที่เปมิกาเตรียมมาครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าห้องไปก่อนจะปิดประตูตามหลังเสียงดังสนั่น ร่างบางพิงประตูห้องค่อย ๆ นั่งลงบนพื้นเย็นเฉียบ ปลดปล่อยน้ำตาออกมาทันทีที่อยู่เพียงลำพัง “ขอโทษนะปิ่น แต่เราคงเป็นเพื่อนกับปิ่นไม่ได้อีกแล้ว ฮือ ๆ ” ลันลภัสทิ้งตัวนอนลงอย่างหมดเรี่ยวแรง มือบางยังจับท้องของตัวเองไว้ มองเห็นเท้าของเปมิกากำลังเดินจากไปผ่านช่องลมเล็ก ๆ ใต้ประตู หัวใจดวงน้อยก็เหมือนจะวูบไหว ความรู้สึกผิดแล่นขึ้นมาจับใจ แต่ก็ไม่อาจบอกออกไปให้ใครรู้ได้แม้แต่นวิยาผู้เป็นแม่ สิ่งที่เธอเกลียดมาทั้งชีวิตกำลังเข้ามาอยู่ในร่างกาย เริ่มออกฤทธิ์แรงขึ้นจนแทบทนไม่ได้ ร่างบางนอนกระสับกระส่ายบนที่นอน เหงื่อที่ไหลประทุออกมาทำให้ที่ผ้าห่มมันเปียกชุ่มไปด้วย ใบหน้าหวานแดงก่ำ ดวงตาคู่งามเริ่มพร่าเลือน สมองหนักอึ้งเริ่มปวดจี๊ดขึ้นมาเป็นระยะ เธอกำลังติดยาและร่างกายกำลังเรียกร้องหายานรกนั่นอีกครั้ง แต่เธอไม่มีทางยอมตกเป็นทาสมันเด็ดขาด เธอจะต้องเอาชนะมันให้ได้ “กรี๊ด ! ” เสียงใสร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวดสุดชีวิต มือเรียวปัดป่ายทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าจนข้างของบนโต๊ะหล่นแตกกระจัดกระจายไปทั่วห้อง “ไม่ ไม่ ฉันต้องทนให้ได้ ฉันไม่มีวัน...โอ้ย ! ” เสียงลมหายใจถูกผ่อนออกมาเร็วและแรงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นระส่ำราวกับกองเพล หลังจากที่พยายามอยู่นาน จนท้ายที่สุดเธอก็ไม่อาจจะทนกับมันได้ไหว มือเรียวเอื้อมออกไปจนสุดเพื่อจะเปิดประตูห้อง คนที่สามารถช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความทรมานนี้ได้คงมีแค่เตชิตคนเดียวเท่านั้น ประตูถูกเปิดออกก่อนที่หญิงสาวค่อย ๆ คลานออกไปข้างนอก “เป็นไงล่ะเอ็ง สภาพดูไม่จืดเลย” เตชิตที่รอดูอยู่หน้าห้องเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นลูกเลี้ยงคลานออกมา “ยา...ลุงมียาไหม เอายาให้ฉันหน่อย” “ไม่มีหรอก ถ้าแกอยากได้ ก็ไปเอาที่เสี่ยโน่น” “พาฉันไปที ขอร้อง...ฉันทนไม่ไหวแล้ว” น้ำเสียงแหบพร่าดังลอดออกมาแผ่วเบาอย่างคนหมดหนทาง ความรู้สึกเจ็บปวดทรมานนี้มันกำลังทำให้เธอแทบจะขาดใจตาย แล้วถ้าเธอตายใครจะอยู่ดูแลนวิยาเล่า ลันลภัสครุ่นคิดมาตลอดทาง ลมหายใจที่หอบเหนื่อยเมื่อครู่เริ่มรวยรินทำให้เตชิตต้องรีบเหยียบคันเร่งนำพาร่างที่วิญญาณเหมือนจะหลุดลอยไป มาจนถึงบ้านหลังใหญ่ในไร่ชา “ว่าไง แม่สาวน้อย เก่งมากนะเนี่ยที่สามารถทนได้นานขนาดนี้ ฉันคิดว่าแกจะลงแดงตายไปแล้วเสียอีก” เจ้าของเรือนไม้หลังงามเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ใช้ปลายไม้เท้าที่ถือติดมือมาช้อนค้างเรียวให้เงยหน้าขึ้นสบตา ยิ่งมองเห็นสภาพของหญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกพอใจ “แก...” “จุ๊ ๆ ๆ พูดกับผู้ใหญ่ให้มันดี ๆ หน่อย โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่มีพระคุณอย่างฉัน” เสี่ยภาคินยิ้มกริ่ม ยิ่งเห็นสภาพหญิงสาวตรงหน้าก็ยิ่งรู้สึกพอใจ “ยา...เอายามาให้ฉัน ยาอยู่ไหน” “แกอยากได้ยาเหรอ อยู่นี่ไง” มือหนาเปิดกล่องไม้บนโต๊ะออกก่อนจะหยิบถุงซิปล็อคเล็ก ๆ ที่มียาเม็ดสีแปลกตาอยู่ในนั้นประมาณห้าเม็ดส่งให้ลันลภัสดู มือเรียวรีบเอื้อมไปคว้าแต่เสี่ยภาคินกลับดึงมันกลับเข้าไปเก็บในกล่องไว้ตามเดิม “ส่งมาให้ฉัน...ขอร้อง ฉันทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ” “ของแบบนี้จะเอาไปฟรี ๆ ได้ไง แกไม่รู้หรอกว่ายาชนิดพิเศษของฉันมันราคาสูงแค่ไหน” “กะ...แกต้องการอะไร” หญิงสาวเอ่ยถาม นิ้วเรียวจิกลงบนพื้นเพื่อระบายความเจ็บปวดจนเล็บเริ่มหักงอ “มาเป็นพวกเดียวกับฉันสิ” “ตกลง ฉันจะร่วมงานกับพวกแก ทีนี้ส่งยามาได้รึยัง” ลันลภัสตอบกลับไปแทบจะในทันที อาการอยากยาที่กำลังทรมานอยู่ตอนนี้มันทำให้เธอไม่มีเวลาครุ่นคิดอะไรเลยด้วยซ้ำ “แกรับปากแล้วนะ ถ้าเข้ามาอยู่กับฉันแล้วเล่นตลก ตุกติกขึ้นมา ฉันไม่ปล่อยเอาไว้แน่” เสียงทรงอำนาจเน้นย้ำอีกครั้งก่อนจะโยนถุงพลาสติดเมื่อครู่ให้ลันลภัส หญิงสาวรีบเปิดปากถุงหยิบยาสีสวยหนึ่งเม็ดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นดีใจราวกับว่ายาตรงหน้ามันจะช่วยรักษาอาการที่กำลังทรมานอยู่นี้ให้หายไปเสียที ไม่มีเวลาได้ครุ่นคิดหรือเอ่ยถามถึงวิธีเสพ เจ้าของมือเรียวมองยาในมือครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจหยิบมันเข้าปาก กลืนลงท้องทันทีโดยไม่ต้องใช้น้ำในการส่งมันเข้าไปเหมือนยาชนิดอื่น ๆ ที่เคยกิน ความเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กายมันทำให้ลันลภัสไม่ได้สนใจถึงรสชาติที่ออกจะขมเฝื่อนของมันเลยแม้แต่น้อย “นังนี่มันใจกล้าดีแฮะ” เสี่ยภาคินยิ้มอย่างพอใจ จ้องมองร่างบางที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นเงาวับในบ้านหลังใหญ่ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา ลมหายใจและอุณหภูมิของร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติเมื่อฤทธิ์ยาค่อย ๆ ซึมเข้าไปในร่างกายช้า ๆ รอจนกระทั่งอาการอยากยาของหญิงสาวหายไป เจ้าของบ้านหลังใหญ่จึงเริ่มเปิดประเด็นขึ้น “เอาล่ะ ไหน ๆ แกก็เข้ามาเป็นพวกเราเต็มตัวแล้ว วันนี้ก็เริ่มงานได้เลยละกัน” “เริ่มงานเหรอ...แต่ฉันยังไม่พร้อมนี่” ลันลภัสปฏิเสธทันควัน ไม่ใช่เพราะไม่พร้อมตามที่ปากว่าแต่เธอพยายามถ่วงเวลาเพื่อจะหาวิธีหลุดรอดจากวงจรอุบาทนี่ต่างหาก “ถ้าแกไม่พร้อม ยาที่แกจะได้ก็ไม่มีให้แกเหมือนกัน” “หมายความว่าไง” “ก็ยาที่แกกินเข้าไปมันจะมีฤทธิ์อยู่ได้ไม่ถึงวันด้วยซ้ำ แล้วหลังจากนั้นแกก็จะอยากยา ทุกข์ทรมานเหมือนที่เป็นเมื่อกี้อีกยังไงล่ะ” เสี่ยภาคินตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คนที่ทำงานกับฉัน จะได้ยาในส่วนของพวกมันหลังจากที่ทำงานสำเร็จเท่านั้น” “แต่ฉันไม่เคยทำ ถ้าฉันทำพลาดขึ้นมาล่ะ” “ไม่ต้องห่วง ถ้าแกถูกจับฉันก็สามารถช่วยแกได้เพราะเห็นแก่เตชิต ลูกน้องคนสนิทของฉัน แต่ถ้าแกหักหลังฉัน ฉันก็ไม่เอาแกไว้เหมมือนกัน” คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาลันลภัสคอแห้งขึ้นมาทันที หญิงสาวทราบดีว่าอำนาจและบารมีของเสี่ยภาคินนั้นมันมากเสียจนตำรวจในจังหวัดไม่กล้าหือ แต่นั่นมันก็หลายปีมาแล้ว พอคนรุ่นใหม่บรรจุเข้ามาก็แทบไม่มีใครเกรงกลัวต่ออำนาจมืดเหล่านี้เลย มันจึงสาเหตุที่ทำให้เสี่ยภาคินต้องระวังตัวและรอบคอบกว่าเดิมหลายเท่า “จะบ้ารึไง ก็บอกแล้วว่าฉันยังไม่เคยทำ แค่นี้ถึงกับจะฆ่ากันเลยเหรอ” “ถ้าแกไม่หักหลังฉัน ฉันก็ไม่ทำร้ายแกหรอกนะ” พูดจบจึงหันไปหยิบบางอย่างขึ้นมาจากกล่องอีกใบส่งมาให้ลันลภัสดู ภายในมีธนาบัตรสีเขียวถูกม้วนเป็นมวนเล็ก ๆ เมื่อลองส่องดูก็พบว่าข้างในมียาเม็ดสีสวยถูกซ่อนติดเอาไว้ประมาณสิบเม็ด หากลองนับดูคร่าว ๆ ก็พบว่ามีธนาบัตรประมาณสิบสองม้วน ก็เท่ากับว่ามียาอยู่ในนั้นไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยเม็ด ถ้าถูกจับได้คุกไม่ต่ำกว่าสิบปีอย่างแน่นอน “นี่เป็นยาล็อตแรกที่แกจะต้องไปส่งให้กับลูกค้ารายย่อยของเรา ตามที่อยู่ในกระดาษนั่น” เตชิตหยิบถุงยามาวางไว้ก่อนจะอธิบายให้หญิงสาวเข้าใจ “ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันกลัว” “แกไม่ต้องกลัวไปหรอก ถ้าแกทำสำเร็จฉันจะตบรางวัลเป็นเงินก้อนใหญ่เอาไว้รักษาแม่แกไงล่ะ” เสี่ยภาคินเสริมเมื่อเห็นว่าลันลภัสยังไม่กล้าพอ “แกเอายานี่ไปใส่กระเป๋านี่ไว้ แล้วจากนั้นนำมันไปให้ลูกค้าตามที่อยู่นี้ พอแกไปถึงแกก็บอกรหัสมันไป แล้วมันจะตอบอีกรหัสนึงมา ถ้ามันตอบตรงคำถามแสดงว่ามันคือลูกค้าของเรา ให้แกส่งยานี่ไป แล้วมันจะส่งกระเป๋าเงินมาให้แก จากนั้นแกก็รีบนำเงินกลับมาที่นี่ เป็นอันจบ” พ่อเลี้ยงอธิบายอีกครั้ง “รหัส...รหัสอะไร” “รหัสนั่นอยู่ในกระเป๋า ไปถึงแกค่อยถามมัน” คิ้วคมคู่งามขมวดเข้าหากันเป็นปม ไม่นึกไม่ฝันเลยสักนิดว่าชีวิตจะพลิกผันกลับกลายมาเป็นคนค้ายานรกที่เธอแสนจะรังเกียจอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอรู้ดีว่าหากเธอเล่นตลกหรือตุกติก เสี่ยภาคินต้องไม่เอาเธอไว้แน่ และถ้ามันเป็นอย่างนั้นนวิยาจะอยู่กับใคร แล้วใครจะเป็นคนหาเงินมารักษาผู้เป็นแม่ คิดแล้วมือเรียวจึงหยิบกระเป๋าที่เตชิตส่งให้ขึ้นมาสะพาย หยิบกระดาษที่มีรหัสและที่อยู่ขึ้นมาอ่านคร่าว ๆ แล้วเดินออกจากบ้านไปอย่างไม่มีทางเลือก “จัดการได้เลย” เสียงทรงอำนาจหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพยักหน้ารับแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดต่อสายทันที “สวัสดีครับ 191 ใช่ไหมครับ...” “นี่มันอะไรกันครับเสี่ย ทะ...ทำไมต้องแจ้งความล่ะครับ ก็เสี่ย...” เตชิตตาเบิกโพลง นึกไม่ถึงว่าผู้เป็นเจ้านายจะเล่นแผนตลบหลังเขาแบบนี้ “ใจเย็น ๆ ฉันก็แค่อยากดูฝีมือลูกสาวแกสักหน่อย ถ้ามันรอดกลับมาได้ ฉันจะให้มันไปทำภารกิจพิเศษ” ดวงตาคมกริบดุจพญาอินทรีย์จ้องมองแผ่นหลังเล็กที่กำลังเดินออกจากประตูรั้วไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ต่างจากเตชิตที่กำลังวิตกกังวลจนนั่งไม่ติด แสงแดดยามบ่ายที่สาดส่องลงมายังคงร้อนระอุจนรู้สึกแสบผิว ร่างบางท่องจำรหัสและที่อยู่ในมือจนขึ้นใจก่อนจะกำจัดมันทิ้งด้วยการฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วขยำลงในถังขยะโดยแบ่งทิ้งถังละนิดเพื่อป้องกันไม่ให้มันกลายเป็นเบาะแสในภายหลัง ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบ ๆ ชุมชนเล็ก ๆ เพื่อสอดสายตาหาคนที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกค้ามารอรับของ แต่ก็ไม่เจอใครที่คิดไว้เลยนอกจากเด็ก ๆ ที่กำลังวิ่งเล่นอยู่บนทางเดินหลังเลิกเรียน เห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้เธอเองก็ไม่อยากเติบโตมาพบกับเรื่องแย่ ๆ แบบนี้หรอก “พี่คนสวยมาหาใครเหรอคะ” เด็กตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ลันลภัส พยายามชะโงกหน้ามองหาใครบางคนอยู่นาน “อ๋อ...พี่มาหาเพื่อนน่ะจ่ะ” ร่างบางตอบพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้เรือนผมดกดำของเด็กน้อยเบา ๆ แล้วจึงเดินเข้าไปในชุมชนเล็ก ๆ นั้นเพื่อมองหาลูกค้าที่เตชิตบอกไว้ จนกระทั่งสายตาไปปะทะเข้ากับร่างหนึ่งซึ่งกำลังยืนสูบบุหรี่รออยู่ข้างที่ทิ้งขยะในชุมชน หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา แต่ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่เป็นลูกค้านั้น หากเดาจากหน้าตาและส่วนสูงก็น่าจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าอายุน่าจะยังไม่เกินสิบแปด นี่สังคมมันมาถึงจุดนี้แล้วเหรอ ลันลภัสครุ่นคิดในมือถือกระเป๋าไว้แน่นก่อนจะเอ่ยคำถามที่เป็นรหัสออกไป “ขอโทษนะคะ พอดีฉันเพิ่งผ่านมาแถวนี้น่ะจ่ะ ไม่ทราบว่าแถวนี้มีทุเรียนขายไหมจ๊ะ” ร่างนั้นนิ่งเงียบไปชั่วครู่ รีบเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าแล้วตอบคำถามกลับมาทันที “มี สิบสองลูก” หญิงสาวคลี่ยิ้มอย่างพอใจเมื่อคิดว่าภารกิจแรกกำลังผ่านไปได้ด้วยดี มือเรียวจึงส่งกระเป๋าให้กับลูกค้าตรงหน้าก่อนที่ร่างนั้นจะส่งกระเป๋าเงินกลับมาแล้วรีบเดินหายเข้าไปในชุมชน “หยุดนะ ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยกมือขึ้นแฝวางของกลางลงแล้วหันหน้าเดี๋ยวนี้” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบทันทีที่ได้ยินเสียงตวาดกร้าวอยู่ด้านหลัง รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้าเพราะทำภารกิจสำเร็จก็จางหายไปด้วย หญิงสาวจับกระเป๋าเงินเอาไว้แน่นแต่ก็ยังไม่ยอมหันหน้าไปทางต้นเสียง แต่ถึงจะไม่เห็นก็เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าของเสียงนั้นคงจะยืนห่างออกไปพอสมควรเพราะเสียงที่ตะโกนออกมามันแทบจะถูกเสียงเด็กน้อยที่วิ่งเล่นอยู่ไม่ไกลกลบจนหมด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น พยายามหาทางหนีทีไล่ ถ้าเกิดถูกจับได้ตั้งแต่ภารกิจแรกเธอก็คงจะชวดเงินที่จะพาไปรักษามารดาด้วย คิดแล้วสมองจึงสั่งการให้สองเท้าออกแรงวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต แต่แทนที่จะวิ่งไปทางเดียวกับเด็กหนุ่มก่อนหน้าเธอกลับวิ่งผ่านไปยังสนามเด็กเล่นในชุมชน อย่างน้อยหากตำรวจคิดจะยิงก็คงจะไม่กล้าพอเพราะกลัวว่าเด็ก ๆ จะพลอยถูกลูกหลงไปด้วย “เห้ย ! มันหนีไปแล้ว” เสียงตำรวจยังคงดังไล่ตามหลังมา แต่ทว่าเธอกลับไม่ได้สนใจจะหันไปมอง มือเรียวยกขึ้นกระชับหมวกให้แน่นแล้วออกแรงวิ่งต่อไป อาศัยบ้านเรือนเป็นที่หลบซ่อน ไม่รู้เป็นเพราะฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปหรือเปล่ามันถึงทำให้เลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้นกว่าเดิม แม้จะวิ่งหนีมาไกลแต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะอ่อนแรงลงเลยสักนิด ดวงตากลมโตมองเห็นตลาดนัดสุดชายแดนอยู่ไม่ไกล จึงตัดสินใจวิ่งหายเข้าไปด้านในเพื่อหลบซ่อนตัว เมื่อมาถึงจึงเปลี่ยนเป็นกึ่งเดินกึ่งวิ่งแทนเพื่อไม่ให้คนในตลาดสงสัย แต่ก็ยังหนีไม่พ้นอยู่ดีเพราะตำรวจหนึ่งนายสังเกตเห็นว่าเธอกำลังแฝงกายหลบซ่อนตัวในฝูงชนที่กำลังเดินจับจ่ายใช้สอย ลันลภัสพยายามมองซ้ายมองขวาก่อนจะสังเกตเห็นร้านขายเสื้อผ้าในขณะที่ตำรวจก็ยังคงไล่ตามมาติด ๆ ไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดหญิงสาวจึงตัดสินใจเดินหายเข้าไปในร้าน หยิบเสื้อ กางเกง แว่นและหมวกผู้ชายขึ้นมาอย่างละชิ้น นำเงินที่ได้จากการส่งยาเมื่อครู่ขึ้นมาจ่ายก่อนจะเดินหายไปในห้องน้ำกลางตลาด ทิ้งเสื้อผ้าที่สวมก่อนหน้าแล้วสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ที่ซื้อมา มือเรียวรวบผมที่แผ่สยายทั่วแผ่นหลังซ่อนไว้ภายใต้หมวกอีกใบ ตรวจดูให้แน่ใจผ่านกระจกตรงหน้าอีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกันที่มีคนเข้ามาใช้บริการห้องน้ำ “กรี๊ด ! เข้ามาได้ไงเนี่ยไม่เห็นรึไงว่าห้องน้ำผู้หญิง” เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจมันจึงทำให้ลันลภัสยิ่งมั่นใจแล้วว่าทุกอย่างมันผ่านไปได้ด้วยดี หญิงสาวจึงรีบเดินออกมาจากห้องน้ำโดยไม่ได้สนใจจะหันไปอธิบายอะไรต่อ ดวงตากลมโตยังคงมองเห็นตำรวจจากที่ไกล ๆ เจ้าของใบหน้าหวานภายใต้แว่นสีดำและหมวกใบใหญ่ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทำใจกล้าแฝงตัวเดินไปกลับกลุ่มคนที่กำลังเดินซื้อของ แม้จะเดินสวนกันแต่ตำรวจที่ตามไล่เธอก่อนหน้ากลับไม่มีใครนึกเอะใจเลยสักคน

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD