bc

ล่ารักมาปักใจ

book_age16+
14
FOLLOW
1K
READ
HE
sweet
bxg
brilliant
detective
small town
like
intro-logo
Blurb

เพราะชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอจึงต้องดิ้นรน

จากสาวน้อยผู้อาภัพจึงต้องมาปลอมตัวเป็นชาย

เพื่อหนีการไล่ล่าจากพ่อค้ายา และนายทหารหนุ่มเจ้าเล่ห์อย่างเขา

chap-preview
Free preview
บทนำ 1
สองเท้าเล็กเหยียบย่ำบนพื้นหญ้าที่เขียวชอุ่มด้วยท่าทางที่กำลังเหนื่อยหอบ แขนเรียวปัดป่ายต้นไม้ที่ขึ้นรกปกคลุมเส้นทางออก ไม่สนใจเลยสักนิดว่ากิ่งไม้พวกนั้นมันจะบาดเอาเนื้อสาวจนผิวที่ขาวเนียนละเอียดมีรอยบาดเป็นทางยาว ฝนห่าใหญ่ที่ตกลงมาถึงสามคืนติดทำให้หญ้าบนพื้นพลอยเปียกชุ่ม ต่างชูคอขึ้นมายื้อแย่งแสงแดดยามอัสดงที่ส่องลอดลงมาจากต้นไม้ที่ขึ้นบดเบียดกัน เสียงบรรดานกป่าและจิ้งหรีดร้องดังก้องฟังดูคล้ายบทเพลงที่กำลังขับกล่อมจากธรรมชาติสลับกับเสียงน้ำตกที่ดังแว่วมาจากที่ไกล ๆ รอยเลือดจาง ๆ แตกซิบออกมาเมื่อมือเรียวปัดไปโดนหนามของต้นงวม พืชผักท้องถิ่นทางภาคเหนือที่กำลังแตกใบใหม่ออกมาจนมันหักปักเข้าไปในเนื้อ ไม่ทันจะได้หันไปหยิบมันออก เสียงปืนที่ดังไล่ตามหลังมามันก็ดังอีกครั้งเหมือนเป็นสัญญาณเตือนว่าต้องวิ่งหนีต่อไป ปัง ! เหล่าบรรดาปักษาที่เกาะกิ่งไม้ชื่นชมธรรมชาติก็พลอยกระพรือปีกบินหายไปด้วย ร่างเล็กยกมือที่กำลังอ่อนแรงปาดเช็ดหยาดเหงื่อบนใบหน้าออก ภาวนาให้ความมืดเร่งเข้าปกคลุมพื้นที่ในป่านี้โดยเร็วการไล่ล่านี้จะได้หยุดลงเสียที “แฮ่ก ๆ ๆ ไม่...ไม่ได้...ตอนนี้ไม่ได้” เสียงใสพร่ำบอกกับตัวเองเมื่อรับรู้ได้ว่าร่างกายกำลังมีปฏิกิริยาบางอย่าง ร้อนรุ่มเหมือนไฟกำลังแผดเผาไปทั่งตัว เหงื่อกาฬไหลประทุออกมาราวกับเขื่อนแตก ท้ายที่สุดขาที่ออกแรงวิ่งมาจนสุดชีวิตก็อ่อนยวบลง ยานรกที่ถูกบังคับให้กินไปก่อนหน้ามันกำลังเริ่มหมดฤทธิ์ มือเรียวขยำต้นไม้ใบหญ้ารอบกายไว้แน่น รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ “ไม่...ไม่ได้เด็ดขาด” ใบหน้าหวานและดวงตาแดงก่ำเหลือบมองไปยังอีกฟากหนึ่งของลำธารอย่างมีความหวัง หากนำพาร่างของตัวเองกลับไปยังจุดนัดหมายเธอก็จะหนีรอดจากที่นี่ไปได้ คิดแล้วร่างที่กำลังอ่อนแรงก็ฝืนใจยืนหยัดขึ้นอีกครั้ง กลิ่นอายดินอ่อน ๆ ลอยเข้ามาปะทะจมูกทำให้พอผ่อนคลายลงได้บ้าง มือเรียวพยายามตะเกียกตะกายไปยังเนินหินซึ่งเป็นทางเดียวที่สามารถใช้มันข้ามไปยังอีกฟากถึงตอนนั้นคงจะมีรถมารับและพาออกไปจากที่นี่ ทว่ายังไม่ทันจะไปต่อ ร่างกายก็เกิดปฏิกิริยาขึ้นอีกครั้ง เหมือนอวัยวะภายในมันบิดเร่า รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกาย หญิงสาวล้มลงฟุบลงบนพื้นหญ้าที่เขียวชอุ่มนั่นอีกครั้ง มือเรียวที่จิกลงบนพื้นดินเลื่อนมาปาดเหงื่อมากมายที่ไหลประทุออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนจะช่วยบรรเทาอาการร้อนรุ่มในกายลงจนใบหน้าหวานนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดินสีดำ “ยา...ยาอยู่ไหน” เสียงนั้นดังแผ่วออกมาในขณะที่มือบางสั่นเทากำลังควานหาเม็ดยาสีสวยที่เคยกินไปก่อนหน้าจากกระเป๋าสะพายหลัง แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเพิ่งจะปามันทิ้งไป ฟันที่เรียงต่อกันสีขาวสะอาดจึงกัดริมฝีปากล่างของตัวเองจนห้อเลือดด้วยความเจ็บใจ “โถ่เว้ย ! ” เสียงฝีเท้าใหญ่ ๆ วิ่งกวดไล่หลังมาทำให้ร่างเล็กรีบเร่งก้าวเดินต่อไป แต่เพราะฤทธิ์ยามันเลยทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เท่าไหร่นัก ต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายครั้งกว่าจะพาตัวเองไปถึงโขดหินที่ว่าจนชุดพื้นเมืองที่เปลี่ยนไปก่อนหน้ามีรอยดินเปรอะเปื้อนไปทั่ว “กรี๊ด !” เสียงกรีดร้องดังลอดออกมาเมื่อสายตาที่กำลังพร่าเลือนและอาการลงแดงเพราะขาดยามันกำเริบขึ้นมา ทำให้คนที่กำลังข้ามไปยังจุดนัดพบก้าวพลาด เซถลาล้มลงไปยังน้ำตกสูงที่มีน้ำไหลเชี่ยวกรากเบื้องล่างเกิดเป็นคลื่นระลอกใหญ่ ร่างเล็กพยายามตะเกียกตะกายสูดหายใจเข้าปอดเป็นระยะ ดวงตากลมโตที่กำลังหนักอึ้งมองเห็นสายน้ำกำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะกระแสน้ำที่ไหลลงสู่ที่ต่ำพัดพาร่างของเธอกระแทกเข้ากับโขดหินอย่างแรง ทำให้สติและเรี่ยวแรงกำลังจะหมดไป มือไม้ที่พยายามแหวกว่ายนำพาตัวเองไปเหนือผิวน้ำก็อ่อนยวบลงไปด้วย แสงสว่างที่ส่องลงมารำไรทำให้มองเห็นร่างสูงใหญ่กำลังเดินไปมาอยู่เหนือน้ำพร้อมกับอาวุธสีดำเงาที่ถือไว้แนบกายเตรียมพร้อมลั่นไกตลอดเวลาที่เห็นการเคลื่อนไหวใต้ผืนน้ำ “แม่...ลันขอโทษ...หากเลือกได้ลันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” ท้ายที่สุดหญิงสาวก็ไม่สามารถนำพาตัวเองกลับไปหามารดาได้สำเร็จ ดวงตากลมโตค่อย ๆ ปิดลง ปล่อยให้สายน้ำพัดพาร่างตัวเองลอยไปอย่างไร้จุดหมาย “ลัน...ลัน...ฝันร้ายเหรอลูก” น้ำเสียงแหบพร่าดังออกมาพร้อมกับสัมผัสที่แสนอบอุ่นตรงมือบาง ทำให้ลันลภัสตื่นขึ้นมาจากภวังค์ หลังจากที่เดินทางมาเฝ้าไข้มารดาเหมือนเช่นทุกวันแต่เพราอาการเหนื่อยล้าจากการทำงานมันเลยทำให้หญิงสาวเผลองีบ ฟุบลงบนเตียงคนไข้อยู่เป็นประจำพร้อมกับความฝันเดิม ๆ ที่ตามหลอกหลอนมาตลอดไม่เคยจางหาย “ปละ...เปล่าจ่ะแม่” “ถ้าเหนื่อยก็พักบ้างเถอะลูก เห็นแบบนี้แล้ว แม่เองก็ไม่สบายใจหรอกนะ” นวิยาเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิดที่ตัวเองไม่สามารถทำให้ลูกสบายเหมือนคนอื่น ๆ มิหนำซ้ำอาการป่วยไข้ของตัวเองก็พลอยทำให้ลันลภัสลำบากไปด้วย “เหนื่อยอะไรกันล่ะแม่ แค่นี้เอง แม่อย่าคิดมากสิคะ” “พาแม่กลับบ้านก็ได้ แม่ไม่อยากรักษาแล้ว มันเปลืองเงินเปลืองทองเปล่า ๆ ” ถ้อยคำตัดพ้อเหมือนกำลังปลงในชีวิตทำให้อีกฝ่ายถึงกับจุกจนพูดไม่ออก “แม่...ทำไมแม่พูดอย่างนั้นล่ะคะ ยังไงลันก็จะรักษาแม่ให้หาย ลันมีแม่คนเดียวนะคะ” “แต่แม่สงสารลัน ลันต้องมาลำบากเพราะแม่” “ลำบากอะไรกันคะ ลันมีแม่แค่คนเดียวนะ ถ้าไม่มีแม่ลันก็อยู่ไม่ได้” หญิงสาวพยายามปลอบใจมารดาด้วยรอยยิ้มกว้างที่มองอย่างไรก็มองออกว่าเธอกำลังหลอกคนรอบข้างว่าสบายดี “หมดเวลาเยี่ยมแล้วนะคะ” เสียงพยาบาลเอ่ยขึ้นทำให้ลันลภัสหันไปกอดลานวิยาอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ “แม่พักผ่อนเยอะ ๆ นะ พรุ่งนี้ลันจะมาใหม่” “ลันเองก็อย่าหักโหมมากนะลูก แม่เป็นห่วง” เจ้าของริมฝีปากซีดเซียวมองตามร่างเล็กที่กำลังโบกไม้โบกมือให้จนหญิงสาวหายไปจากห้อง เสี้ยววินาทีที่ประตูปิดลงรอยยิ้มกว้างที่ฉาบขึ้นบนใบหน้าก็ค่อย ๆ หุบลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ “ญาติคุณนวิยาหรือเปล่าคะ” พยาบาลอีกคนเอ่ยขึ้นทำให้ลันลภัสรีบปาดเช็ดน้ำตาตัวเองออกก่อนจะรีบปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด “ค่ะ” “ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ” อีกฝ่ายหยิบเอกสารและแผ่นเอกซเรย์ออกมาส่งให้หญิงสาวดูก่อนจะอธิบายอาการป่วยของนวิยาให้ฟัง “คือ...ตอนนี้ก้อนเนื้อร้ายที่มันมีอยู่ก่อนหน้ามันเริ่มลุกลาม แล้วก็ยิ่งโตขึ้นเรื่อย ๆ ทางเราเลยอยากให้ญาติลงชื่อยินยอมทำการรักษาด้วยการผ่าตัดค่ะ ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ไม่ทำการผ่าตัดให้เร็วที่สุดทางเราเกรงว่า...” ลันลภัสตัวชาหนึบ หัวใจดวงน้อยมันเริ่มเปียกปอนไปด้วยน้ำตาอีกครั้งหลังจากที่พยาบาลอธิบายจบ “ขอเวลาอีกนิดได้ไหมคะ” หญิงสาวร้องขอ เธอเองก็อยากรักษามารดาให้หายขาดจากอาการป่วยนี่เสียที แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเงินที่มีอยู่ตอนนี้มันไม่ถึงครึ่งของเงินที่ต้องใช้เลยด้วยซ้ำ “อันนี้...ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่ทางเราจะพยายามให้ดีที่สุดนะคะ” “ขอบคุณค่ะ” ร่างที่อ่อนแรงเหมือนกำลังมืดแปดด้านทรุดกายนั่งลงบนพื้นเย็นเฉียบของโรงพยาบาลอย่างหมดเรี่ยวแรง มือบางหยิบเอกสารค่าใช้จ่ายที่พยาบาลส่งให้ขึ้นมาดูอีกครั้ง ทั้งค่าผ่าตัด ค่ายาและค่ารักษาที่ผ่านมารวม ๆ แล้วก็เกือบสองแสน เพราะชีวิตที่ต้องเร่ร่อนไม่มีหลักแหล่งมันจึงทำให้สวัสดิการทางสังคมที่สมควรได้รับกลับหายไปด้วย ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดเธอเลยเป็นฝ่ายหามาด้วยตัวเองทั้งสิ้น“ อดทนหน่อยนะคะแม่ ลันจะหาเงินมารักษาแม่ให้ได้” หญิงสาวหันไปมองที่หน้าประตูห้องใหญ่อีกครั้ง แม้จะรู้สึกหมดหวังกับชีวิตมากแค่ไหนแต่เธอก็ไม่มีเวลามานั่งเศร้าเสียใจ ร่างบางพยายามกัดกลืนก้อนสะอื้นให้ลงคอไปก่อนจะเดินทางไปทำงานต่อในร้านอาหารช่วงค่ำ ผู้คนมากมายเดินทางมารับประทานอาหารในร้านที่ถูกเปิดเป็นกึ่งบาร์กึ่งร้านอาหารเพื่อให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลง เศษเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ลูกค้าทิ้งไว้ให้ก่อนกลับถูกเก็บเอาไว้ในกระเป๋าพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง หากรวมกับเงินเดือนแล้วแม้มันจะไม่ได้มากแต่มันก็เพียงพอที่จะรักษาประคองอาการของนวิยาไปได้สักระยะ “กลับมาแล้วเหรอ ลูกสาวสุดที่รัก” เสียงที่ดังขึ้นจากหน้าบ้านทำให้หญิงสาวต้องแบะปากออกมาด้วยความรำคาญเมื่อเห็นเตชิตผู้เป็นพ่อเลี้ยงซึ่งกำลังนั่งซดเหล้าอย่างสบายใจ “แม่แกเป็นยังไงบ้างวะ” “จะถามทำไม เห็นถามถึงทุกครั้งก็ไม่เคยไปเยี่ยม” ลันลภัสกระแทกเสียงใส่อย่างไม่สบอารมณ์ เหลือบมองเตชิตด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย “ทำไมแกพูดแบบนั้น แกก็รู้ว่าฉันมีงานมีการต้องทำหาเงินมาจ่ายค่าบ้านนี่ไง” “เงินสกปรกที่ได้มาจากการค้ายานรกน่ะเหรอ” “ไม่ใช่เพราะงานนี้เหรอที่ทำให้แกมีกินมาถึงทุกวันนี้น่ะ” อีกฝ่ายเริ่มมีน้ำโหเพราะปริมาณของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ “แล้วไม่ใช่เพราะงานบ้า ๆ นี่เหรอถึงทำให้ลุงขาเป๋ แล้วฉันกับแม่ต้องหอบผ้าผ่อนหนีตำรวจตะลอน ๆ มาแบบนี้อ่ะ” หญิงสาวเหลือบมองคนที่พยายามเดินโซซัดโซเซมาหาเธออย่างนึกสมเพช ก่อนจะหันไปปิดประตูห้องใส่อย่างไม่สบอารมณ์ แม้จะได้ยินเสียงก่นด่ามาจากข้างนอกแต่เธอก็ทำได้แค่หลับตาปล่อยทุกอย่างให้ผ่านไปเหมือนเสียงนั้นเป็นแค่เสียงนกเสียงกาเท่านั้น “แกออกมาเดี๋ยวนี้นังลูกไม่รักดี ฉันจะเอาเลือดหัวแกออก” ลันลภัสทรุดกายนั่งลงบนเบาะเล็ก ๆ ในห้องของตัวเอง นำสมุดบัญชีที่มียอดอยู่แค่หลักพันออกมาดู ถึงแม้ว่าเตชิตจะสามารถหาเงินมาจากการส่งยาได้เยอะก็จริง แต่เธอแทบไม่ได้แบมือขอเงินจากพ่อเลี้ยงมาใช้เลยสักบาทเพราะไม่อยากติดบ่วงไปด้วยหากวันหนึ่งโดนจับขึ้นมาจริง ๆ “พรุ่งนี้อย่าลืมมานะ เราเตรียมเอกสารชุดใหม่ไว้แล้ว” เสียงข้อความดังขึ้นจากสมาร์ตโฟนเก่า ๆ หน้าจอแตกทำให้ลันลภัสเผลอยิ้มออกมาในขณะที่เสียงก่นด่าจากคนข้างนอกค่อย ๆ หายไป หญิงสาววางสมุดบัญชีลงก่อนจะหันไปหยิบเอกสารการเรียนที่ได้มาจากเปมิกาเพื่อนสนิทคนเดียวที่มีอยู่นับตั้งแต่วันที่เธอกับแม่ย้ายมาจากต่างถิ่น เธอกับเปมิกาเจอกันครั้งแรกบนรถไฟ ตอนนั้นหากจำไม่ผิดเธอกับแม่กำลังหนีตามเตชิตมาที่เชียงรายเพราะกำลังถูกตำรวจตามล่าตัว ผู้เป็นแม่ไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นต้องหอบผ้าผ่อนหนีมาด้วย นับตั้งแต่สูญเสียบิดาไปนวิยาก็ตัดสินใจแต่งงานใหม่กับเตชิตอีกครั้งเพียงเพื่อหวังว่าหญิงสาวจะได้รับความอบอุ่นจากผู้เป็นพ่อเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แต่มันกลับไม่เป็นดังนั้น เมื่อมาทราบภายหลังว่าเตชิตคือลูกน้องมือขวาของผู้มีอิทธิพลค้ายารายใหญ่อย่างเสี่ยภาคิน มันเลยเป็นเหตุทำให้เธอกับแม่ต้องใช้ชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ คอยหลบหนีจากตำรวจมาโดยตลอด หากลองนับดูคร่าว ๆ นี่คงเป็นการย้ายบ้านมาเป็นครั้งที่สี่แล้วกระมังนับจากวันที่นวิยาตัดสินใจหาพ่อใหม่ให้กับเธอ หญิงสาวนำเอกสารเหล่านั้นมาเปิดอ่านทำความเข้าใจด้วยตัวเองเพราะความฝันในวัยเด็กที่อยากเติบโตมาเป็นพยาบาลเพืีอจะรักษามารดาแต่ไม่มีโอกาศได้เรียนต่อในรั้วมหาวิทยาลัยมันเลยทำให้เธอต้องดิ้นรนขวนขวายหาความรู้ด้วยตัวเองตลอดมา จะมีก็แต่วันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้นที่เธอจะนัดเจอกับเปมิกาเพื่อให้อีกฝ่ายช่วยสอนให้อีกแรง ถึงแม้เปมิกาโตกว่าเธอถึงสามปีแต่ทั้งสองกลับสนิทกันมาก จนสามารถพูดคุยกันได้แทบทุกเรื่อง นับจากวันแรกที่บังเอิญเจอกันจนมาถึงวันนี้

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
6.2K
bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
13.3K
bc

พะยอมอธิษฐาน

read
1.8K
bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
8.0K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
1K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

ป๊ะป๋าผมเป็นมาเฟีย

read
1.3K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook