“ตกลงแล้วแกจะไม่เล่าจริงดิว่าไปรู้จักกับคุณเขาได้ยังไง” พราวฟ้าจัดเซตอาหารรอแม่ครัวทำอาหารให้เพื่อนำไปเสิร์ฟให้กับลูกค้า โดยไม่ได้เล่าเหตุการณ์ที่ทำให้เธอรู้จักกับเขาคนนั้น ขืนบอกว่าเขาขืนใจเธอมา มันคงไม่ดีแน่ ใช่ว่าอยากปกป้องเขาแต่ว่าเธอไม่อยากมีปัญหาอะไรอีก ถ้าแจ้งความพ่อก็ต้องรู้ คุณพิมพี่พิชต้องต่อว่าเธอ มันไม่ได้มีอะไรง่ายอย่างที่หลายคนคิดกัน
“โอเค ไม่บอกก็ไม่บอก” มะลิเห็นอีกฝ่ายเงียบก็ทำท่าทีน้อยอกน้อยใจพลอยทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดี
“เขาเป็นอาจารย์ในมหา’ลัยน่ะ” พราวฟ้าเลือกจะบอกไปแบบนี้ ทว่ากลับทำคนฟังตาโตเสียยิ่งกว่าเดิม
“อย่าบอกนะว่า อาจารย์กับลูกศิษย์!”
“ห๊า ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ เขาเป็นอาจารย์จากมหา’ลัยอื่นน่ะ แค่มาสอนชั่วคราว”
“อ้อ ก็ยังชั่ว…แต่ก็ใช่ว่าจะดี วางตัวยากนะถ้าเป็นแฟนกับอาจารย์”
“ฟะ แฟนอะไร ไม่ใช่สักหน่อย” พราวฟ้าถึงกับพูดเสียงตะกุกตะกักทันที ขืนยังยืนอยู่ที่นี่คงโดนจับพิรุธอีกแน่ หญิงสาวรีบคว้าเอาถาดอาหารที่จัดจานเสร็จแล้วเดินไปหาเชฟในครัว ซึ่งจริง ๆ แล้วเธอทำอาหารเก่งเพราะได้ทักษะจากที่นี่ แม้จะเป็นเพียงเด็กเสิร์ฟแต่เธอก็ช่างสังเกต ทำให้รู้ว่าอาหารแต่ละอย่างปรุงรสอย่างไร
…ร่างบางเดินถือถาดอาหารมาเสิร์ฟลูกค้าคนแรกของร้านวันนี้ กฤตยนัยฉีกยิ้มกว้างให้กับเธอ
“กินข้าวยัง กินด้วยกันสิ”
“ฉันทำงานอยู่ค่ะ” ว่าพร้อมกับค่อย ๆ วางอาหารลงบนโต๊ะเบา ๆ
“งั้นถ้าไม่ใช่เวลาทำงาน ก็กินได้สิ”
“วะ ว่าไงนะคะ ถ้าคุณคิดจะชวนฉันกินข้าวก็ฝันไปเถอะค่ะ” เธอกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินกลับด้วยความโมโห เขาจะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสหรือ ทำไม่ดีกับเธอไว้แล้วมาเอาใจเพราะรู้สึกผิด คิดอยากตบหัวลูบหลังงั้นสิ คิดว่าเธอง่ายมากมั้ง!
…เวลาเลิกงาน พราวฟ้าเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดนักศึกษา เธอเดินออกจากร้านโดยไม่ลืมคว้าเอาห่ออาหารที่เขาคนนั้นสั่งให้กลับด้วย ร่างบางเดินออกจากร้านก่อนจะสะดุดให้กับรถยนต์คันหรูคุ้นตา
“พราวฟ้า!” เสียงเรียกชื่อทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้ง เธอหันขวับไปมองตามเสียงเรียก เห็นร่างสูงของผู้ชายคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุด “ผมไปซื้อน้ำมาให้น่ะ”
ในมือเขามีน้ำเปล่าสองขวด
แต่เธอก็ไม่สน รีบจ้ำอ้าวเดินไปที่ป้ายรถเมล์ทันที ยามเที่ยงคืนเช่นนี้รถเที่ยวสุดท้ายกำลังจะมา” อ้าวคุณ! รอผมด้วย”
เธอสาวเท้าไม่รอเช่นเดิม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไวกว่าด้วยช่วงขาที่ยาวต่างกันมาก
“ผมไปส่งครับ มันมืดมากอันตรายมากครับสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียว”
“อันตราย? ฉันว่าอยู่กับคุณอันตรายกว่าอีกค่ะ อย่าลืมว่าคุณทำเรื่องไม่ดีกับฉัน” เธอว่าเสียงแข็ง เริ่มกลัวเขาคนนี้ขึ้นมาจริง ๆ แม้จะเก่งเป็นถึงอาจารย์แต่ก็ใช่ว่าคนเก่งจะไม่เป็นโรคจิต
“คือ…ผมเข้าใจคุณนะ” กฤตยนัยรู้สึกไม่ดีที่ทำให้เธอไม่พอใจ แต่ก็อยากแน่ใจว่าเธอกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย
“เข้าใจแล้วก็หลีกทางให้ฉันด้วย” พราวฟ้าว่าน้ำเสียงนิ่งเรียบ และเขาก็เลือกไม่ได้มากนัก
…ชายหนุ่มปล่อยให้เธอเดินไปรอที่ป้ายรถเมล์อย่างที่ต้องการ นึกเสียดายโอกาสวันนั้น หากเข้าไปทำความรู้จักเธอดี ๆ ก็คงไม่ลงเอยเช่นนี้
...อาจารย์หนุ่มยังไม่ไปไหน เขาอยากรู้ว่าเธอขึ้นรถปลอดภัยแล้ว กฤตยนัยนั่งรออยู่บนรถมองดูคนตัวเล็กที่ป้ายรถเมล์กระทั่งเธอขึ้นรถไปแล้ว
หลายวันต่อมา…
หนึ่งสัปดาห์เขาถูกยืมตัวไปแค่สามชั่วโมง นั่นคือภาคเช้าของวันพุธ วันปกติชายหนุ่มสอนที่มหาวิทยาลัยรัฐบาลชั้นนำของประเทศ ผู้ช่วยศาสตร์จารย์ในวัย 34 เดินลงจากตึกอาคารคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ย่างเหนื่อยอ่อน นับวันรอจะได้เจอเธอคนนั้นแบบไม่ถูกไล่ตะเพิดกลับมา
บ่อยครั้งที่แวะไปกินข้าวที่ร้านอาหารที่สาวเจ้าทำงาน แต่ก็ถูกไล่ตะเพิดกลับ และคำว่าคุกคามที่เธอใช้ทำให้เขาต้องถอย ชายหนุ่มไม่อยากเป็นไอ้โรคจิตในสายตาของเธอ แต่ความคิดถึงนี้ก็เล่นงานเขาเสียเหลือเกิน ทว่าขณะนั้นเอง
ติ๊ง!
[ฉันได้เบอร์ของพราวฟ้ามา เอามะ] เสียงแจ้งเตือนข้อความในโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น กฤตยนัยเปิดอ่านข้อความของดาวประดับด้วยแววตาดีใจ แต่
“ไม่เอาหรอก ถ้าเธอรู้ว่าใช้อำนาจอาจารย์หาข้อมูลส่วนตัวของเธอ เธอยิ่งโกรธ”
ติ๊ง!
[ง่ะ นายทำฉันดูแย่เลย 5555]
“ขอบใจนะ” กฤตยนัยเพียงแค่ถามคนเป็นเพื่อนถึงนักศึกษาที่ชื่อพราวฟ้าว่าไปเรียนหรือเปล่า ซึ่งแฟนเก่าคนนี้ก็รู้ทันทีว่าเขาสนใจ
ติ๊ง!
[โอเค แต่ว่าข้อมูลของเธอที่ได้จากฝ่ายกิจการนักศึกษาน่าสนใจมากเลยนะ] เขาขมวดคิ้วมุ่น มีหลายอย่างที่เขาสงสัยเกี่ยวกับพราวฟ้า ทั้งเรื่องที่เธอบอกว่าตัวเองไร้ค่า ทั้งเรื่องงานพาร์ทไทม์ แต่ก็ไม่กล้าถาม แต่ถ้าค้นข้อมูลของเธอแบบนี้มันก็เป็นการเสียมารยาทมาก
“ไม่เอาหรอก เธอไม่ต้องไปค้นข้อมูลอะไรของพราวแล้วนะ”
ติ๊ง!
[โอเค ก็ได้ ฉันแค่อยากช่วยให้นายสมหวัง] กฤตยนัยไม่ได้ตอบอะไร เขาเลิกกับเธอแล้วก็กลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่เรื่องนี้ชายหนุ่มอยากใช้ความพยายามของตัวเองในการเข้าหาพราวฟ้า ไม่ใช่ใช้อำนาจจากการเป็นอาจารย์ แม้จะอยากรู้เรื่องของเธอด้วยความเป็นห่วงก็ตามที