หลายวันต่อมา...
ห่อข้าวบรรจุกล่องสีหวานน่ารักในตะกร้าสีหวานไม่ต่างกัน พราวฟ้าเดินถือห่อข้าวมาโรงพยาบาลในเวลาเช้าตรู่ ยามรู้สึกท้อแท้กับชีวิตเธอมักจะมาที่นี่เพื่อมาหาคนเป็นพ่อ
พอมาถึงก็เห็นว่าท่านกำลังเร่งเคลียร์งานอยู่อย่างเช่นทุกวัน ขณะนั้นก็มีนักศึกษาแพทย์กำลังยืนฟังคนเป็นพ่ออธิบายไปด้วย เพราะว่าพ่อมีภาระงานที่หนักอึ้งทำให้ไม่ได้กลับบ้าน เข้าเวรบ่อยมากเกือบทุกวันภายในเดือนเดียว คุณพ่อของเธอเป็นเสาหลักของบ้าน ท่านเป็นทั้งศัลยแพทย์และเป็นอาจารย์แพทย์ในเวลาเดียวกัน
เธอนั่งรอคนเป็นพ่อครู่หนึ่งท่านก็ออกมาหา ชายวัยกลางคนแอบเห็นลูกสาวคนเล็กมาหาก็เลยขอปลีกตัวออกจากนักศึกษาเผื่อว่าพราวฟ้ามีเรื่องเร่งด่วน
“ว่าไงเรา” ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงของบิดา
“คุณพ่อ” เธอคิดถึงท่าน บิดาเข้าเวรตลอดหนึ่งอาทิตย์ อีกนัยหนึ่งเธอก็รู้ว่าคนเป็นพ่อไม่อยากเจอคุณพิมลดาก็เลยเข้าเวรทุกวันไม่กลับบ้าน “หนูทำกับข้าวมาให้ค่ะ”
“หืม เอาอีกแล้วนะ พ่อบอกว่าไม่เป็นไรไงลูก” ฝ่ามือหยาบกร้านวางลงบนศีรษะเล็กก่อนจะลูบเบา ๆ อย่างเอ็นดู “ตื่นเช้าขนาดนี้จะไม่เหนื่อยเอาเหรอ มีเรียนนี่น่า”
“หนู...” ทำให้คุณพิมกับพี่พิชอยู่แล้วค่ะ เธอชะงักคำพูดไว้ไม่ได้เอ่ยพูดให้ท่านได้ยิน บิดาไม่รู้ว่าเมื่ออยู่บ้านเธอไม่ต่างจากคนรับใช้ “เอ่อ...หนูเห็นว่าคุณพ่อทำงานหนักไม่ได้กลับบ้านกลัวว่าจะไม่มีเวลาไปซื้อกับข้าวก็เลยทำให้ค่ะ”
“หึ โอเค ๆ พ่อจะกินให้หมดเลย” ท่านยิ้มพร้อมกับยื่นมือมาคว้าเอาตะกร้าห่อข้าวของเธอไปถือไว้
“คุณพ่อเหนื่อยไหมคะ” พราวฟ้ารู้สึกว่าคนเป็นพ่อทำงานหนักเกินไป หากว่าท่านเป็นอะไรไปเธอก็ไม่ต่างจากอยู่คนเดียว
“แค่นี้สบายมาก ลูกอิ่มพ่อก็หายเหนื่อย” เธอฉีกยิ้มกว้างออกมา แม้นว่าความเป็นจริงแล้วเงินที่พ่อให้เธอจะไม่ได้ใช้แม้แต่บาทเดียวก็ตาม แต่คุณพ่อก็จ่ายค่าเทอมให้เธอได้เรียนตามคณะที่ชอบ
“เปิดเทอมเป็นยังไงบ้างล่ะ ปีสี่คงวุ่นน่าดูเลยสิท่า”
“ค่ะ ต้องคิดโปรเจกต์แล้วค่ะ” มหา’ลัยเธอเปิดหลักสูตรสี่ปี ซึ่งเธอใกล้จะจบแล้วเหลือแค่ปีเดียวเท่านั้น บิดาก็ไม่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว อีกทั้งคุณพิมก็ไม่ได้ทำงาน ผลาญค่าไฟกับใช้เงินช้อปปิ้งหมดไปเดือนละแสนสองแสนเป็นอย่างต่ำ ลำพังคนเป็นพ่อทำงานคนเดียว เธอคิดว่ายังไงก็ไม่ไหว
“แล้วพี่เราล่ะ ไปเรียนบ้างไหม” พราวฟ้าก้มหน้าลงไม่กล้าตอบ หากบอกว่าไม่ได้ไปแล้วพิชญารู้ก็คงคิดว่าเธอมาฟ้องพ่อ แต่ถ้าจะให้เธอโกหกคงทำไม่ได้
“คือว่า...”
“หึ ไม่ไปล่ะสิ เฮ้อ...” เดชาธรพ่นลมหายใจออกมาอย่างคนเหนื่อยหน่าย ปีที่แล้วก็เสียค่าเทอมไปฟรี ๆ เพราะลูกสาวคนโตเรียนไม่จบ ก็ต้องลงเรียนใหม่ปีที่ไม่จบแน่นอนว่าต้องเสียเงินใหม่ตามไปด้วย “งั้นเดี๋ยวพ่อกลับไปสอนต่อก่อนนะ เอานี่...เอาไว้ซื้อของที่อยากได้นะ”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่มีอะไรอยากได้” บิดาล้วงมือคว้าเอากระเป๋าสตางค์มาเปิดหยิบเงินแบงก์เทาสามใบยื่นให้เธอ
“ปกติแล้วพิชมาขอพ่อเพิ่มทุกเดือน แต่เราไม่เคยมาขอ รับไว้นะจะได้เท่า ๆ กัน” แม้ความจริงพิชญาจะขอเพิ่มมากกว่านี้ แต่ตอนนี้เขาก็มีติดกระเป๋าอยู่แค่สามพันบาท
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอรับไว้ไม่อยากให้บิดาลำบากใจ พราวฟ้าเดินกลับไปขึ้นรถเมล์เพื่อไปเรียนหลังจากรับเงินจากบิดามา ทว่าพอเดินออกมาได้ไม่ไกลรถยนต์ของพิชญาก็จอดลงตรงหน้าเธอ
เอี๊ยด!
พราวฟ้าจำรถของพี่สาวต่างแม่ได้ เธอรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีทันที แต่ก็ไม่ทัน
“อีพราว! กูว่าแล้วว่ามึงต้องมาหาพ่อ” วันนี้พิชญาตื่นแต่เช้าเตรียมจะไปเรียน แต่พอเรียกหาพราวฟ้าให้มารีดชุดนักศึกษาให้ก็ไม่เจอ นึกคิดว่าต้องมาหาบิดาและก็จริงอย่างที่คิด
หมับ!
“อ๊ะ! พะ พราวแค่เอาข้าวมาให้พ่อค่ะพี่พิช” เธอว่าเสียงตะกุกตะกักพร้อมกับยกมือขึ้นไปกุมฝ่ามือของพี่สาวเมื่ออีกฝ่ายกระชากผมของเธออย่างแรง
“เหรอ แล้วได้เงินมาไหม! ไหน ๆ เงิน แกมาหาพ่อทีไรพ่อให้เงินกลับมาตลอด” พิชญาไม่ว่าเปล่า รีบตะปบมือตามกระเป๋าเสื้อนักศึกษา จับกระเป๋าสะพายข้างของพราวฟ้าคว่ำปากลงจนข้าวของเทกระจัดกระจาย
และก็จริง พิชญาเห็นเงินแบงก์พันในที่สุด
“ไม่นะพี่พิช พ่อให้พราว” เธอพยายามดึงเงินที่บิดาให้มาคืน แต่ก็ถูกฝ่ามือเล็กของพิชญาตบหน้าเข้าให้
เพียะ!
“แกมันลูกเมียน้อย มีสิทธิ์อะไรมาใช้เงินพ่อฉัน!” พราวฟ้ายกมือขึ้นกุมใบหน้าซีกซ้าย เจ็บแสบก็ไม่เท่าเจ็บปวดที่ใจ เพราะคำว่าลูกเมียน้อยนี้กระมังที่ทำให้เธอต้องยอมพี่สาวต่างแม่ไปตลอด
...พราวฟ้านั่งผูกสายกระเป๋าผ้าหลังจากที่มันขาดเพราะพิชญากระชาก เธอนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์เป็นทางผ่านไปทำงานของอาจารย์หนุ่มกฤตยนัยพอดิบพอดี เขาเห็นคนตัวเล็กตั้งแต่ไกลทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้สูงหรือโดดเด่น ความตงิดใจบางอย่างทำให้เขาหันไปเจอเธอ แบบนี้ไม่เรียกว่าบังเอิญ แต่เรียกว่าพรหมลิขิต
“เอาไงดีวะ” กฤตยนัยพึมพำออกมาบนรถยนต์คันหรู อยากเข้าไปหาแต่ก็กลัวว่าเธอจะไล่ตะเพิดอีก ก่อนที่เขาจะคิดอะไรบางอย่างออก ชายหนุ่มขับรถเลี่ยงซ้ายไปจอดรถไว้ที่ริมถนน รีบคว้าเอากระเป๋าคาดอกสำหรับใส่เอกสารติดมือมาด้วย เขาทำทีเดินไปนั่งที่ป้ายรถเมล์
“อ้าว! คุณ” ก่อนจะทำทีอุทานเสียงดังให้พราวฟ้าสนใจ เธอหันมามองตามที่เขาต้องการจริง ๆ “บังเอิญจังเลยครับ”